ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: ขอบเขต, -ขอบเขต- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ Terms of Reference | (n, phrase) ขอบเขตของงาน, รายละเอียด เงื่อนไขหรือข้อกำหนด, ข้อกำหนดการศึกษา |
|
| ขอบเขต | (n) boundary, See also: range, extent, bound, border, precinct, Syn. อาณาเขต, ขอบข่าย, เขต, บริเวณ, Example: การจัดการเรียนการสอนเฉพาะในขอบเขตห้องเรียนย่อมไม่ก่อให้เกิดผลต่อการพัฒนาการเรียนการสอน | ขอบเขต | (n) limit, See also: confine, scope, margin, Syn. ข้อจำกัด, ข้อกำหนด, เงื่อนไข, Example: การเล่นกีฬาต้องอยู่ในขอบเขตที่กำหนดไว้ | | (ประธานคณะกรรมการมีกำหนดจะประกาศรายชื่อนักการเมืองที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยเรื่องการทุจริต) | นอกขอบเขต | (n) outside the scope of, Ant. ในขอบเขต, ภายในขอบเขต, Example: การกระทำของคุณตอนนี้อยู่นอกขอบเขตแล้วนะ, Thai Definition: ออกนอกบริเวณที่กำหนดไว้ | เกินขอบเขต | (adv) over the limit, Syn. เลยขอบเขต, Ant. ในขอบเขต, Example: รถคันนั้นขับเร็วเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด, Thai Definition: ที่เลยจากขอบเขตที่กำหนดไว้ | เกินขอบเขต | (v) be over the limit, Syn. เลยขอบเขต, Ant. ในขอบเขต, Example: ท่านจงมีความหยิ่งในชาติกำเนิดของท่าน แต่อย่าหยิ่งจนเกินขอบเขต, Thai Definition: เลยจากขอบเขตที่กำหนดไว้ | ทำเกินขอบเขต | (v) overstep, Example: ชาวบ้านรู้สึกว่าผู้ใหญ่บ้านทำเกินขอบเขตกว่าอำนาจที่ตนมี |
| ขอบเขต | น. อาณาเขต, ขอบข่าย, ข้อจำกัด. | กง ๒ | ไร่ล้มลุกที่ถางป่าเป็นหย่อม ๆ ตามเนื้อที่และกั้นเป็นขอบเขตไว้. | กรอบ ๑ | (กฺรอบ) น. สิ่งที่ประกอบตามริมวัตถุมีรูปภาพเป็นต้น, โดยปริยายหมายความว่า ขอบเขตกำหนด เช่น ทำงานอยู่ในกรอบ. | ข้อจำกัด | น. สิ่งที่กำหนดขอบเขตสิทธิหรืออำนาจไว้โดยเฉพาะ. | ขอบข่าย | น. ขอบเขตงานหรือความรู้ที่อยู่ในความรับผิดชอบ. | ข่าย | ขอบเขต เช่น เรื่องนี้ไม่อยู่ในข่ายที่จะพิจารณา. | คะนอง | พูดหรือทำเกินขอบเขต เช่น คะนองปาก คะนองมือ | แดนแห่งกรรมสิทธิ์ | น. ขอบเขตแห่งกรรมสิทธิ์ เช่น แดนแห่งกรรมสิทธิ์ที่ดิน กินทั้งเหนือพ้นพื้นดินและใต้พื้นดินด้วย. | ตราสารจัดตั้ง | น. หนังสือสำคัญก่อตั้งนิติบุคคลที่กำหนดขอบเขตแห่งอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลนั้น. | ทวีป | (ทะวีบ) น. เปลือกโลกส่วนที่เป็นพื้นดินซึ่งมีขนาดใหญ่โตกว้างขวาง มี ๗ ทวีป คือ เอเชีย ยุโรป ออสเตรเลีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และแอนตาร์กติกา บางทวีปกำหนดนํ้าล้อมรอบเป็นขอบเขต เช่น ทวีปออสเตรเลีย ทวีปแอนตาร์กติกา บางทวีปกำหนดภูเขา ทะเล แหล่งอารยธรรมเป็นต้น เป็นแนวแบ่งเขต เช่น ทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป | บริเวณ | (บอริเวน) น. พื้นที่ภายในขอบเขตที่กำหนดไว้ เช่น บริเวณบ้าน บริเวณโบสถ์ บริเวณวัด บริเวณสนามหลวง. | บุก ๒ | ก. ฝ่าเข้าไปในบริเวณที่มีขอบเขตกั้นไว้หรือมีสิ่งกีดขวางเป็นต้น เช่น บุกป่า บุกเข้าไปในค่ายทหาร, โดยปริยายหมายถึง ไปถึงด้วยความลำบาก เช่น อุตส่าห์บุกมาถึงบ้าน. | เปรตวิษัย, เปรตวิสัย | (เปฺรดตะ-) น. ภูมิหรือขอบเขตที่อยู่แห่งเปรต, เปตวิสัย ก็ใช้. (ส. ไปตฺรฺย + วิษฺย; ป. เปตฺติวิสย). | ฝั่ง | น. ที่ดินริมนํ้าเป็นขอบเขตทะเล แม่นํ้า ลำคลอง เป็นต้น. | พร่ำเพรื่อ | (-เพฺรื่อ) ว. เกินขอบเขต, บ่อย ๆ ไม่เป็นกิจจะลักษณะ, เช่น พูดพร่ำเพรื่อ, เพรื่อ ก็ว่า. | พิธีมณฑล | น. บริเวณที่กำหนดขึ้นเพื่อประกอบพิธี เช่นกำหนดขอบเขตขึ้นด้วยการกั้นแผงราชวัติ ฉัตร หรือธง. | เพรื่อ | (เพฺรื่อ) ว. เรี่ยราด เช่น น้ำหกเพรื่อ, เกินขอบเขต, บ่อย ๆ ไม่เป็นกิจจะลักษณะ, เช่น พูดเพรื่อ, พร่ำเพรื่อ ก็ว่า. | รู้เขารู้เรา | ก. รู้จักขอบเขตความสามารถของตนเองและผู้อื่น. | ล้ำเส้น | ว. เกินขอบเขตที่กำหนด เช่น ล้ำเส้นเขตแดน เขาชอบทำงานล้ำเส้นคนอื่น. | วง | น. รูปที่มีเส้นที่โค้งเข้ามาบรรจบกัน ล้อมรอบเป็นขอบเขตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น วงกลม วงรี, โดยปริยายหมายถึงลักษณะที่รวมกันเป็นหมู่เป็นกลุ่ม เช่น วงราชการ วงดนตรี | เวสสันดร | น. พระนามพระโพธิสัตว์ชาติที่ ๑๐ ในทศชาติ, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่มีใจกว้างขวางชอบให้ของแก่ผู้อื่นอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด เช่น ใจกว้างเหมือนพระเวสสันดร มีอะไรให้เขาหมด. | แว่นแคว้น | น. แผ่นดินซึ่งมีขอบเขตเป็นปริมณฑล เช่น แว่นแคว้นตะนาวศรี ฝ่ายเขาเล่าก็สามพารา เป็นใหญ่ในชวาแว่นแคว้น (อิเหนา). | สุดโต่ง | มากเกินขอบเขตที่ควรเป็น, ตึงหรือหย่อนเกินไป, เช่น การปฏิบัติสุดโต่ง. | เหลือวิสัย | ว. พ้นขอบเขตที่จะพึงทำ, พ้นความสามารถ. | อภิสิทธิ์ | น. สิทธินอกเหนือขอบเขต, สิทธิเหนือกฎหรือระเบียบที่วางไว้, สิทธิที่ได้รับนอกเหนือไปจากกฎหรือระเบียบที่วางไว้. | อันตรภาค | (-พาก) น. ช่วงคะแนนหรือขอบเขตของคะแนนเป็นต้นในขั้นหนึ่ง ๆ ในตารางแจกแจงความถี่ เช่น อันตรภาคของคะแนนตั้งแต่ ๘๖-๑๐๐ เป็นอันดับ ๑. |
| precinct | ๑. ขอบเขต, บริเวณ๒. ปริมณฑล [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | purview | บทกฎหมาย, ขอบเขตของบทกฎหมาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | precinct | ๑. ขอบเขต, บริเวณ๒. ปริมณฑล [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | lower bound | ขอบเขตล่าง [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | land boundaries | ขอบเขตที่ดิน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | least upper bound | ขอบเขตบนน้อยสุด [ มีความหมายเหมือนกับ supremum ] [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | restraint of trade | การจำกัดขอบเขตการค้า [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | restraint of trade | การจำกัดขอบเขตการค้า [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | rule relating to territorial extent | กฎว่าด้วยขอบเขตแห่งดินแดน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | separation of boundary layer | การแยกของชั้นขอบเขต [พลังงาน ๒๖ ม.ค. ๒๕๔๕] | sphere of Monson | ขอบเขตของมอนสัน [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] | at large | อย่างเต็มที่, ไม่มีขอบเขต [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | assay limit | ขอบเขตสอบวิเคราะห์ [ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖] | acceptance, zone of | ขอบเขตการบังคับบัญชาที่ยอมรับได้ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | bounded above | มีขอบเขตบน [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | bounded below | มีขอบเขตล่าง [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | bounded function | ฟังก์ชันมีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | bounded sequence | ลำดับมีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | bounded set | เซตมีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | bounded | มีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | bound | ๑. ขอบเขต๒. แบบมีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | bound variable | ตัวแปรแบบมีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | delimitation | ๑. การกำหนดเขต, การปักปันเขตแดน (ก. ระหว่างประเทศ)๒. การกำหนดขอบเขตอำนาจ (ก. ปกครอง) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | greatest lower bound | ขอบเขตล่างมากสุด [ มีความหมายเหมือนกับ infimum ] [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | file extent | ขอบเขตแฟ้ม [คอมพิวเตอร์ ๑๙ มิ.ย. ๒๕๔๔] | faunal province | ขอบเขตสัตวชาติ [ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖] | extent | ขอบเขต, แดน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | extent of mortgage | ขอบเขตแห่งสิทธิจำนอง, สิทธิจำนองครอบเพียงใด (ปพพ.) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | escalation | ๑. การเพิ่มระดับ (การทำสงคราม)๒. การขยายขอบเขต (การทำสงคราม) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | zone of acceptance | ขอบเขตการบังคับบัญชาที่ยอมรับได้ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | term | ๑. (ครรภ์)ครบกำหนด [ มีความหมายเหมือนกับ term, full ]๒. กำหนดเวลา๓. ขอบเขต๔. คำศัพท์ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | territorial extent, rule relating to | กฎว่าด้วยขอบเขตแห่งดินแดน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | trade, restraint of | การจำกัดขอบเขตการค้า [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | trade, restraint of | การจำกัดขอบเขตการค้า [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | habemdum clause | ข้อกำหนดขอบเขตแห่งกรรมสิทธิ์ (ในทรัพย์ที่ยกให้) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | unbounded above | ไม่มีขอบเขตบน [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | unbounded below | ไม่มีขอบเขตล่าง [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | unbounded region | บริเวณไม่มีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | unbounded sequence | ลำดับไม่มีขอบเขต [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] | upper bound | ขอบเขตบน [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] |
| รั้วราชวัติ | เป็นเครื่องหมายกำหนดขอบเขตปริมณฑลพระราชพิธี [ศัพท์พระราชพิธี] | Delineation Well | หลุมสำรวจขอบเขต, Example: หลุมประเมินผล (Appraisal well) ที่เจาะโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหาขอบเขตของแหล่งกักเก็บปิโตรเลียม [ปิโตรเลี่ยม] | system | ระบบ, ที่รวมของส่วนประกอบต่างๆ ที่ทำงานร่วมกัน มีจุดประสงค์ร่วมกัน และมีขอบเขตโดยแน่ชัด เช่น คอมพิวเตอร์เป็นระบบ เพราะประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาตามที่ผู้ใช้กำหนด ร่างกายมนุษย์เป็นระบบเพราะประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ร่างกายมีชีวิตอยู่ ระบบทั้งหลายต้องรับอินพุดรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเข้าไปในระบบ ต่อจากนั้นจึงนำอินพุดเหล่านั้นมาดำเนินการให้เกิดเป็นเอาท์พุต หรือปรับอินพุดหรือการดำเนินการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น การนำเอาท์พุดมาพิจารณาแล้วปรับ ดังนี้เรียกว่า การป้อนกลับ (feedback) [คอมพิวเตอร์] | Eutrophication | กระบวนการเจริญเติบโตเกินขอบเขต, Example: เป็นกระบวนการที่เป็นตัวชักนำธาตุอาหารไปสู่ สิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะ ธาตุฟอสฟอรัส ไนโตรเจน ฯลฯ โดยมีสาเหตุจากสภาพเทคโนโลยี ในปัจจุบันที่มนุษย์ใช้ปุ๋ยเคมีซึ่งมีส่วนประกอบของธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียมอย่างมาก และธาตุอาหารเหล่านี้อาจ แพร่กระจายไปในพื้นที่บริเวณกว้างโดยการชะล้างของฝน และการชักนำของน้ำ เมื่อแพร่กระจายไปรวมตัวอยู่ในบริเวณใดเป็นจำนวนมาก พืชในบริเวณนั้นก็จะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากเกินขอบเขต ซึ่งจะก่อให้เกิดอัตราดูดซึมธาตุอาหารอื่นเข้าไปสู่สิ่งมีชีวิตเพิ่มมากขึ้น จากอัตราปกติหรือเป็นจำนวนมาก [สิ่งแวดล้อม] | ASEAN Regional Forum | การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก " เป็นการประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรี ต่างประเทศของประเทศคู่เจรจาของอาเซียน (Dialogue Partners) ได้แก่ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย จีน รัสเซีย และสหภาพยุโรป ผู้สังเกตการณ์ (Observers) ของอาเซียน ได้แก่ ปาปัวนิวกินี และประเทศอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น มองโกเลียและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) โดย ARF ได้ใช้ ""geographical footprint"" หรือขอบเขตทางภูมิศาสตร์ เป็นปัจจัยสำคัญเพื่อประกอบการพิจารณารับสมาชิกใหม่ ปัจจุบัน ARF มีประเทศสมาชิก 22 ประเทศ กับ 1 กลุ่ม (สหภาพยุโรป) โดยมีการประชุมเป็นประจำทุกปีในช่วงต่อเนื่องกับการประชุมรัฐมนตรี ต่างประเทศอาเซียน (ASEAN Ministerial Meeting - AMM) เป็นเวทีปรึกษาหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ระดับพหุภาคีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และพัฒนาแนวทางการ ดำเนินการทางการทูตเชิงป้องกัน (Preventive Diplomacy) ที่มุ่ง ป้องกันการเกิดและขยายตัวของความขัดแย้ง โดยใช้มาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ (Confidence Building Measures - CBMs) ระหว่างกัน ทั้งนี้ ARF มีการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งที่ 1 ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2537 และไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ARF ระดับรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่ 7 ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2543 นอกจากการประชุม ARF ประจำปีแล้วยังมีการดำเนินกิจกรรมระหว่างปี (Inter-sessional Activities) ในสองระดับ คือ กิจกรรมที่เป็นทางการ (Track I) และกิจกรรมที่ไม่เป็นทางการ (Track II) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับสถาบันวิชาการของ ประเทศผู้เข้าร่วม ARF ได้แก่ (1) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมกลุ่มสนับสนุนว่าด้วยมาตรการสร้างความไว้เนื้อ เชื่อใจของ ARF (ARF Inter-sessional Support Group on Confidence Building Measures - ARF ISG on CBMs) (2) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมเรื่องการบรรเทาภัยพิบัติของ ARF (ARF Inter-sessional Meeting on Disaster Relief - ARF ISM on DR) (3) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมเรื่องการรักษาสันติภาพของ ARF (Inter-sessional Meeting on Peace-keeping Operations - ARF ISM on PKO) และ (4) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมเรื่องการประสานและร่วมมือด้านการค้นหาและกู้ภัย ของ ARF (ARF Inter-sessional Meeting on Search and Rescue Coordination - ARF ISM on SAR) " [การทูต] | Conference on Disamament | การประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2522 เพื่อเป็นเวทีเจรจาการลดอาวุธระหว่างประเทศ มีขอบเขตความรับผิดชอบเกี่ยวกับประเด็นด้านการลดอาวุธทุกด้าน และมีหน้าที่ รายงานต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติทุกปี ปัจจุบันมีสมาชิก 65 ประเทศ(ไทยมิได้เป็นสมาชิก) โดยที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในการเจรจาจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ด้านการลดอาวุธหลายฉบับ ที่สำคัญได้แก่ สนธิสัญญาไม่แพร่อาวุธนิวเคลียร์ อนุสัญญาห้ามเคมี อนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพ และสนธิสัญญาห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ [การทูต] | delimitation | การกำหนดเขตแดน (ทางบก) / การแบ่งเขตแดน (ทางทะเล) การกำหนด หรือการอธิบาย หรือการจำกัดความขอบเขตของดินแดนของประเทศ [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | Immunity from Jurisdiction of Diplomatic Agents | ความคุ้มกันจากอำนาจศาลของตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตรา 31 ว่า?1. ให้ตัวแทนทางการทูตได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางอาญาของรัฐผู้รับ ตัวแทนทางการทูตยังจะได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่ง และทางการปกครองของรัฐผู้รับด้วย เว้นแต่ในกรณีของก) การดำเนินคดีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับนอกจากตัวแทนทางการทูตครอบครองไว้ในนามของ รัฐผู้ส่งเพื่อความมุ่งประสงค์ของคณะผู้แทนข) การดำเนินคดีเกี่ยวกับการสืบมรดกซึ่งเกี่ยวพันถึงตัวแทนทางการทูตในฐานะผู้ จัดการมรดกโดยพินัยกรรม ผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาท หรือผู้รับมรดกในฐานะเอกชน และมิใช่ในนามของรัฐผู้ส่งค) การดำเนินคดีเกี่ยวกับกิจกรรมใดในทางวิชาชีพ หรือพาณิชย์ ซึ่งตัวแทนทางการทูตได้กระทำในรัฐผู้รับ นอกเหนือจากการหน้าที่ทางการของตน 2. ตัวแทนทางการทูตไม่จำเป็นต้องให้การในฐานะพยาน 3. มาตรการบังคับคดี ไม่อาจดำเนินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับตัวแทนทางการทูต เว้นแต่ในกรณีซึ่งอยู่ภายใต้อนุวรรค (ก) (ข) และ (ค) ของวรรค 1 ของข้อนี้ และโดยมีเงื่อนไขว่ามาตรการที่เกี่ยวข้องอาจดำเนินไปได้โดยปราศจากการละเมิด ความละเมิดมิได้ในตัวบุคคลของตัวผู้แทนทางการทูต หรือที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต 4. ความคุ้มกันของตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ ไม่ยกเว้นตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้ส่ง?เกี่ยวกับความคุ้มกันตัว แทนทางการทูตจากขอบเขตของอำนาจศาลทางแพ่ง อาจกล่าวได้อย่างกว้างๆ ว่า ตัวแทนทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทน ทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทนทางการ ทูตจะถูกฟ้องมิได้ และถูกจับกุมมิได้เกี่ยวกับหนี้สิน รวมทั้งทรัพย์สินของเขา เช่น เครื่องเรือน รถยนต์ ม้า และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้นก็จะถูกยืดเพื่อใช้หนี้มิได้ ตัวแทนทางการทูตจะถูกกีดกันมิให้ออกไปจากรัฐผู้รับในฐานะที่ยังมิได้ชดใช้ หนี้สินของเขานั้นก็มิได้เช่นกัน อนึ่ง นักกฎมายบางกลุ่มเห็นว่า ตัวแทนทางการทูตจะถูกหมายศาลเรียกตัว (Subpoenaed) ไม่ได้ หรือแม้แต่ถูกขอร้องให้ไปปรากฎตัวเป็นพยานในศาลแพ่งหรือศาลอาญาก็ไม่ได้ อย่างไรก็ดี ถ้าหากตัวแทนทางการทูตสมัครใจที่จะไปปรากฏตัวเป็นพยานในศาล ก็ย่อมจะทำได้ แต่จะต้องขออนุมัติจากรัฐบาลในประเทศของเขาก่อน [การทูต] | Responsibility to protect | หลักการความรับผิดชอบในการคุ้มครอง เป็นหลักการที่ได้รับการรับรองในการประชุมระดับผู้นำ เพื่อทบทวนผลของปฏิญญาสหัสวรรษ(High Level Panel Meeting - HLPM) เมื่อวันที่ 14-16 กันยายน พ.ศ. 2548 ณ นครนิวยอร์ก ที่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงทางมนุษยธรรม ( humanitarian interference/intervention of humanity)เพื่อคุ้มครองประชาชนจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การฆ่าล้างชนชาติ โดยจะถือเป็นความรับผิดชอบและที่จะต้องดำเนินการร่วมกันโดยประชาคมระหว่าง ประเทศ อย่างไรก็ตาม หลักการเรื่องนี้มีนัยเกี่ยวข้องกับกฏหมายระหว่างประเทศ อธิปไตย ของรัฐ ความอ่อนไหวทางการเมือง และความชอบธรรมในการปฏิบัติ จึงยังไม่มีการนิยามแนวความคิด R2P รวมถึงขอบเขตของ R2P ที่ชัดเจน [การทูต] | Shanghai Cooperation Organization | พัฒนามาจากเวทีการประชุม Shanghai Five ซึ่งจีนเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 เดิมมีสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ จีน รัสเซีย คาซัคสถาน สาธารณรัฐคีร์กีซ และทาจิกิสถาน ต่อมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2544 อุซเบกิสถาน ได้เข้าเป็นสมาชิกด้วย จึงมีการเปลี่ยนชื่อกลไกความ ร่วมมือนี้เป็น Shanghai Cooperation Organization เดิมมีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและแก้ไขข้อพิพาทเกี่ยวกับพรมแดนของประเทศสมาชิก และต่อมาได้ขยายขอบเขตความร่วมมือให้ครอบคลุม ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจการค้า วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม การศึกษา พลังงาน การคมนาคม [การทูต] | terms of reference | ขอบเขตอำนาจหน้าที่ [การทูต] | territorial sea | ทะเลอาณาเขต รัฐทุกรัฐมีสิทธิกำหนดความกว้างของทะเลอาณาเขตของตนได้จนถึงขอบเขตหนึ่งซึ่ง ไม่เกิน 12 ไมล์ทะเล โดยวัดจากเส้นฐานที่กำหนดขึ้นตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล พ.ศ. 2525 [การทูต] | Acceptance, Region of | ขอบเขตยอมรับสมมติฐาน [การแพทย์] | Attitude, Over-Indulgence | ทัศนคติแบบตามใจมากจนไม่มีขอบเขต [การแพทย์] | Boundaries | ขอบเขต [การแพทย์] | Boundaries, Class | ขอบเขตของชั้น [การแพทย์] | Broad Spectrum | ขอบเขตในการออกฤทธิ์กว้าง, การทำลายเชื้อจุลินทรีย์ได้กว้างขวาง, ในขอบเขตกว้าง, กว้างขวาง [การแพทย์] | Circumscribed and Encapsulate | เป็นก้อนชัดเจนมีขอบเขต [การแพทย์] | Confidence Limits | ความปรวนแปรที่ยอมรับได้, ขอบเขตความเชื่อมั่น [การแพทย์] | Confined, More | จำกัดขอบเขตดีกว่า [การแพทย์] | Contour | ขอบเขต [การแพทย์] | Coordination Sphere | วงขอบเขตของการโคออร์ดิเนชัน [การแพทย์] | Delineate | ขอบเขตเป็นเส้น [การแพทย์] | Dose Equivalent Limits for Workers, Recommended | ขอบเขตระดับรังสีสำหรับผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวข้อง [การแพทย์] | Ego Limit | ความรู้ในขอบเขตของตนเอง [การแพทย์] | Ego Sense | ความรู้ในขอบเขตตนเองว่าควรได้อะไรบ้างหรือไม่ควร [การแพทย์] | Ego-Boundary | การรู้ขอบเขตของตัวเอง [การแพทย์] | Extent | ขอบเขต [การแพทย์] | Extra - terrestrial radiation | รังสีภายนอกขอบเขต ของโลก [อุตุนิยมวิทยา] | Terms of Reference | Terms of Reference, ขอบเขตของงาน [เทคนิคด้านการชลประทานและการระบายน้ำ] | boundary line | boundary line, เส้นขอบเขต [เทคนิคด้านการชลประทานและการระบายน้ำ] | electron cloud | กลุ่มหมอกอิเล็กตรอน, แบบจำลองอะตอมแบบหนึ่ง ซึ่งถือว่าการกระจายของอิเล็กตรอนในอะตอมมีลักษณะเป็นแบบกลุ่มหมอกที่มีประจุ โดยมีโอกาสที่จะพบอิเล็กตรอนหนาแน่นอยู่ในขอบเขตและรูปร่างที่จำกัด [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | magnifying power | กำลังขยาย, การวัดขอบเขตของอุปกรณ์ทางแสงในการขยายหรือลดขนาดของภาพ กำลังขยายของอุปกรณ์ใดหาได้จากอัตราส่วนของขนาดภาพที่เห็นต่อขนาดวัตถุ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | view finder | ตัวเล็งภาพ, ส่วนประกอบของกล้องถ่ายรูป ทำให้มองเห็นขอบเขตของภาพที่ต้องการบันทึกบนฟิล์ม [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | phase | วัฏภาค, เฟส, ส่วนที่เป็นเนื้อเดียวกันในระบบหนึ่ง และมีขอบเขตแน่นอนแยกจากส่วนอื่น ๆ ของระบบนั้น เช่น ในภาชนะปิดที่บรรจุน้ำแข็ง น้ำ และไอน้ำ ระบบนี้จะมี 3 วัฏภาค คือ วัฏภาคของแข็ง ได้แก่ น้ำแข็ง วัฏภาคของเหลว ได้แก่ น้ำ และวัฏภาคของแก๊ส ได้แก่ ไอน้ำ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | constraint | ปัจจัยที่ขัดขวางต่อเทคโนโลยี, สิ่งที่ทำให้การทำงานของระบบเทคโนโลยีเกิดการติดขัด หรือสิ่งที่จำกัดขอบเขตการทำงาน ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เช่น ข้อจำกัดด้านเงินทุน เวลา ความรู้ กฎข้อบังคับ สภาพอากาศ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | Limit, Allowable | ขอบเขตที่กำหนด [การแพทย์] | Limit, Upper | ขอบเขตช่วงบน, เขตสูงสุดของชั้นบน [การแพทย์] | Localized, Poorly | บอกตำแหน่งหรือขอบเขตไม่ชัดเจน [การแพทย์] | Localized, Well | บอกตำแหน่งหรือขอบเขตได้แน่นอน [การแพทย์] | Lower Limit | ขอบเขตช่วงล่าง, เขตต่ำสุดของชั้นล่าง [การแพทย์] | Margin, Poorly Defined | ไม่มีขอบเขต [การแพทย์] | Margin, Ragged Undermined | มีขอบเขตไม่แน่นอน [การแพทย์] | Margin, Sharp | ขอบเขตชัดเจน [การแพทย์] | Movement of Range | ขอบเขตการเคลื่อนไหวของข้อ [การแพทย์] | Moving-Boundary Method | วิธีการเคลื่อนที่-แนวขอบเขต [การแพทย์] |
| ขอบเขต | [khøpkhēt] (n) EN: frontier ; limit ; confine ; boundary ; range ; extent ; bound ; border ; precinct ; margin FR: frontière [ f ] ; limite [ f ] ; borne [ f ] | ขอบเขตบน | [khøpkhēt bon] (n, exp) EN: upper bound | ขอบเขตการปฏิบัติ | [khøpkhēt kān patibat] (n, exp) EN: sphere of activity | ขอบเขตการประยุกต์ใช้ | [khøpkhēt kān prayukchai] (n, exp) EN: range of applications ; areas of application | ขอบเขตของการศึกษา | [khøpkhēt khøng kānseuksā] (n, exp) EN: scope of the study ; delimitation of the study | ขอบเขตล่าง | [khøpkhēt lāng] (n, exp) EN: lower bound | เกินขอบเขต | [koēn khøpkhēt] (v, exp) EN: be over the limit FR: dépasser la limite | อย่างปราศจากขอบเขต | [yāng prātsajāk khøpkhēt] (adv) EN: ad infinitum |
| domain | (n) (คณิต.) ขอบเขตกำเนิด |
| absolute | (adj) ไม่มีขอบเขต, See also: ไม่จำกัด, Syn. unlimited, Ant. limited | America Online | (n) ศูนย์บริการออนไลน์ผ่านทางโมเด็มที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในอเมริกา มีขอบเขตการให้บริการที่กกว้างขวางมีการให้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ปริการเชื่อมต่ออินเตอร์เนตขั้นพื้นฐาน มีข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากสำนักข่าวรอยเตอร์และยูพีไอ | beyond | (prep) ที่เหนือกว่า (แสดงถึงขอบเขต, ข้อจำกัด), See also: มากกว่า | border | (n) ขอบเขต, Syn. borderline | border | (vt) สร้างขอบเขต, Syn. edge | borderline | (n) เส้นแบ่งขอบเขต, See also: เส้นเขตแดน, เส้นแสดงเขต, Syn. borders | bound | (vt) จำกัด, See also: จำกัดขอบเขต, Syn. confine | bound | (n) เส้นขอบเขต, See also: ขอบเขต, เส้นแบ่งเขตแดน | boundary | (n) ขอบเขต, See also: เขตแดน, อาณาเขต, Syn. border | be within | (phrv) มีประสบการณ์, See also: รู้, อยู่ในอำนาจ, อยู่ในขอบเขต, Syn. fall within | circuit | (n) ขอบเขต | confine | (n) ขอบเขต, Syn. border, limit | coverage | (n) ขอบเขตคุ้มครองในการประกันภัย | curb | (vt) ควบคุม, See also: จำกัดขอบเขต, ระงับ, Syn. restrain, control | fall outside | (phrv) อยู่นอกขอบเขตของ, See also: อยู่นอกเหนือจาก, Syn. be outside, stand outside, Ant. fall within | fall within | (phrv) จัดอยู่ในประเภท, See also: อยู่ในขอบเขตของ, Syn. come under | de-escalate | (vt) ทำให้ลดลง (ขนาด, ขอบเขต, ความรุนแรง), See also: ทำให้น้อยลง, ทำให้เบาบางลง, Syn. lower, lesson | de-escalate | (vi) ลดลง (ขนาด, ขอบเขต, ความรุนแรง), See also: บรรเทา, Syn. lower | define | (vt) เป็นเครื่องหมายแสดง, See also: บอกขอบเขต, กำหนดเขตแดน, Syn. restrict, limit, delimit | dimension | (n) การหามิติ, See also: การวัดขนาด, การหาขอบเขต, การวัดระยะ, Syn. measurement | dimension | (n) ขอบเขต (ปกติใช้รูปพหูพจน์ dimensions), See also: ขนาด, ขอบข่าย, มิติ, Syn. quantity, proportions | domain | (n) ขอบเขตของความรู้ ความคิด ความสนใจ, Syn. sphere, area, territory | end | (n) ขอบเขต, See also: เขตจำกัด, Syn. border, boundary, limit | endless | (adj) ซึ่งไม่สิ้นสุด, See also: ไม่มีขอบเขต, ชั่วกาลนาน, Syn. illimitable, limitless, unceasing, unending | endlessly | (adv) อย่างไม่สิ้นสุด, See also: อย่างไม่มีขอบเขต, Syn. eternally | excess | (n) พฤติกรรมที่เกินขอบเขต | expanse | (n) พื้นที่กว้างขวาง (โดยเฉพาะทะเล แผ่นดิน ท้องฟ้า), See also: ขอบเขตกว้างใหญ่, สถานที่กว้างใหญ่ไพศาล | extent | (n) ขอบเขต, See also: ขนาด, Syn. range, scope | finite | (adj) มีขอบเขต, See also: มีเขตจำกัด, มีที่สิ้นสุด, Syn. limited, bounded, Ant. boundless | finite | (n) สิ่งที่มีขอบเขต, Syn. limit | frontier | (n) ขอบเขตของความรู้ | go far | (phrv) ภายในขอบเขต | go over | (phrv) เกินกว่า, See also: เกินขอบเขต | horizon | (n) ขอบเขตความรู้, See also: ประสบการณ์ | within limits | (idm) ภายในที่กำหนด, See also: ภายในขอบเขตที่กำหนด | within reason | (idm) ภายในที่กำหนด, See also: ภายในขอบเขตที่กำหนด | illimitable | (adj) ไร้พรมแดน (คำทางการ), See also: ไร้เขตแดน, ไร้ขอบเขต, Syn. boundless, limitless, Ant. limitable | immeasurable | (adj) ซึ่งมากจนวัดไม่ได้, See also: มากมายจนนับไม่ถ้วน, ไร้ขอบเขต, Syn. boundless, countless, numberless, vast, Ant. measurable | immoderate | (adj) เกินขอบเขต, See also: เกินไป, เกินกว่าจะยอมรับได้, Syn. excessive | immoderation | (n) ความเกินขอบเขต, See also: ความไม่เหมาะสม, ความมากเกินไป, ความเกินพอดี, Syn. execssiveness | keep something within bounds | (idm) ทำให้อยู่ภายในขอบเขต | lap over | (phrv) เกินขอบเขต, See also: ไม่พอดีกับ | jurisdiction | (n) ขอบเขตอำนาจที่ศาลและกฎหมายควบคุมไปถึง, Syn. range, scope | land | (n) พื้นที่ที่มีขอบเขต, See also: อาณาบริเวณ | land | (n) อาณาจักร, See also: ขอบเขตปกครอง, ดินแดน, เขต, Syn. realm, domain | large-scale | (adj) ที่กินขอบเขตกว้าง, Syn. extensive | lavish | (vt) ให้หรือใช้จ่ายอย่างเกินขอบเขต, See also: ให้หรือใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย | lavishly | (adv) อย่างฟุ่มเฟือย, See also: อย่างมากมายเกินขอบเขต, อย่างสุรุ่ยสุร่าย, Syn. profusely, richly, extravagantly | limit | (n) ขอบเขต, See also: เขต, Syn. confine, frontier, bounds, boundary | limited | (adj) ที่มีขอบเขต, See also: ที่มีขีดขั้น, Syn. constricted, small-scale, narrow |
| a gogo | (อาโก' โก) มากเท่าที่คุณต้องการ, ไม่มีขอบเขต, เดินเพ่นพ่าน, จังหวะเต้นรำอะโกโก้, เวที่เต้นรำจังหวะอะโกโก้, Syn. a Go go, a go-go, au gogo | ad infinitum | (แอดอินฟะไน' ทัม) ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขต | ambit | (แอม' บิท) n. เส้นรอบวง, ขอบเขต, บริเวณรอบ ๆ (circuit, boundary, limits) | bottomless | adj. สุดที่หยั่งถึง, ไม่มีก้น, ลึกจนไม่อาจหยั่งได้, ลึกลับ, วัดไม่ได้, ไร้ขอบเขต | bound | (เบาดฺ) { bounded, bounding, bounds } adj. ถูกผูกมัด, เหนียวแน่น, แน่นอน, จักต้อง, ตัดสินใจ, เข้าเล่ม, ท้องผูก vi. กระโดด, เด้งกลับ, จดกับ, ประชิดกับ vt. จำกัด, กลายเป็นขอบเขต, พูดถึงขอบเขต -n. การกระโดด, การเด้งกลับ, ขอบเขต, ชายแดน adj. กำลังจะ, ไปทาง, พร้อมที่จะ | boundless | (เบา'เลส) adj. ไร้ขอบเขต, สุดขีด, มากมาย, สุดสายตา, See also: boundlessness n. | bourn | (เบิร์น) n. ลำธารสายเล็ก, ขอบเขต, เป้าหมาย | bourne | (เบิร์น) n. ลำธารสายเล็ก, ขอบเขต, เป้าหมาย | cadastral | adj. แสดงขอบเขตหรือเส้นพรมแดนหรือที่ดินหรือภูมิภาค | circle { circled | n. วงกลม, วงเวียน, วงแหวน, วัฎจักร, วงการ, ขอบเขต, บริเวณ, ปริมณฑล, อาณาจักร, ที่นั่งเป็นรูปวงกลม, โรงละครสัตว์, เส้นรอบวงที่แบ่งโลกออกเป็น2ส่วน, เส้นรุ้ง. vt. ล้อมรอบ, โคจรรอบ, หมุนรอบ vi. เคลื่อนเป็นรูปวงกลม, Syn. ring, cycle | circles } | n. วงกลม, วงเวียน, วงแหวน, วัฎจักร, วงการ, ขอบเขต, บริเวณ, ปริมณฑล, อาณาจักร, ที่นั่งเป็นรูปวงกลม, โรงละครสัตว์, เส้นรอบวงที่แบ่งโลกออกเป็น2ส่วน, เส้นรุ้ง. vt. ล้อมรอบ, โคจรรอบ, หมุนรอบ vi. เคลื่อนเป็นรูปวงกลม, Syn. ring, cycle | circling | n. วงกลม, วงเวียน, วงแหวน, วัฎจักร, วงการ, ขอบเขต, บริเวณ, ปริมณฑล, อาณาจักร, ที่นั่งเป็นรูปวงกลม, โรงละครสัตว์, เส้นรอบวงที่แบ่งโลกออกเป็น2ส่วน, เส้นรุ้ง. vt. ล้อมรอบ, โคจรรอบ, หมุนรอบ vi. เคลื่อนเป็นรูปวงกลม, Syn. ring, cycle | circumscription | (เซอคัมสคริพ'เชิน) n. การเขียนวงกลมรอบ, การจำกัดเขต, ขอบเขต, โครงร่าง, เส้นรอบวง, คำนิยาม, คำจำกัดความ, ลายริม, See also: circumscriptive adj. | cognizable | (คอก'นิซะเบิล) adj. ซึ่งสามารถรับรู้หรือรู้ได้, ภายในขอบเขตอำนาจการพิจารณาของศาล, Syn. cognisable | compass | (คัม'พัส) { compassed, compassing, compasses } n. เข็มทิศ, เส้นรอบวง, เส้นล้อม, พื้นที่, เนื้อที่, ขอบเขต, อาณาเขต, อาณาจักร, ระยะ, ขอบเขตที่เหมาะสม, See also: compasses n., pl. วงเวียน adj. โค้ง. vt. เคลื่อนรอบ, โอบล้อม, ล้อม, เดินอ้อมรอบ, วางแผน, เข้าใจ. คำที่ | confine | (คันไฟน์') { confined, confining, confines } vt. ขีดขั้น, จำกัด, ตีวง, เก็บตัว, กักตัว n. ขอบเขต, การจำกัด, การเก็บตัว, คุก, สถานกักกัน., See also: confinable adj. ดูconfine confineable adj. ดูconfine, Syn. intern, imprision | conservative | (คันเซอ'วะทิฟว) adj. ซึ่งอนุรักษ์ไว้, ซึ่งสงวนไว้, เกี่ยวกับการเก็บรักษา, ซึ่งมีขอบเขต, รอบคอบ, เกี่ยวกับพรรคConservative. n. นักอนุรักษ์นิยม, นักจารีตนิยม, ผู้รักษาสิ่งเก่า ๆ , สมาชิกพรรคคอนเซอวาตีฟ, ตัวกันบูด., See also: conservativeness n. คำที่มีความ | coverage | (คัฟ'เวอริจฺ) n. ขอบเขตที่การประกันภัยครอบคลุมถึง, เงินค้ำประกัน, เงินประกัน, การรายงานข่าวและการตีพิมพ์ข่าวหรือออกข่าว, ขอบเขตของการรายงานข่าว | demesne | (ดีเมน') n. การครอบครอง (ทรัพย์สิน) ที่ดินโดยเจ้าของที่ดิน, ที่ดินในครอบครอง , ขอบเขต, อาณาจักร | domain | (โดเมน') n. อาณาเขตการปกครอง, อาณาจักร, ที่ดินขอบเขต, กลุ่มของคำ (ในทางคณิตศาสตร์) ของตัวแปรอิสระของ function, See also: domainal, domainial adj., Syn. discipline | endless | adj. ไม่มีขอบเขต, ไม่สิ้นสุด, See also: endlessness n. ดูendless, Syn. eternal | extent | (อิคซฺเทนทฺ') n. ขอบเขต, ขนาด, การประเมินค่า, Syn. size | extreme | (อิคซฺทรีม') adj., n. (ความ) สุด, ปลายสุด, สุดขีด, จัด, เกินไป, เกินขอบเขต, ไกลสุด, หนักที่สุด, สุดท้าย, ผิดธรรมดาที่สุด, See also: extremeness n., Syn. final | field | (ฟีลดฺ) { fielded, fielding, fields } n. ทุ่ง, ทุ่งนา, ทุ่งกว้าง, เขตเหมืองแร่, สนาม, อาณาจักร, ขอบเขต, พื้น, ลาน vt. เก็บได้ลูก (บอล) , จับลูกได้ vi. เป็นคนรับลูกในการเล่น (บาสเก็ตบอล, คริคเก๊ต), Syn. area หมายถึง ที่ซึ่งใช้เก็บข้อมูลเฉพาะในโปรแกรมประเภทการจัดการฐานข้อมูล โดยจัดแบ่งให้แต่ละเขตเก็บข้อมูลแต่ละ เรื่อง เช่น แบ่งเป็นเขต ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อายุ เพศ ฯ ถ้าเรานำเขตข้อมูลเหล่านี้ หลาย ๆ เขตมารวมกัน จะเรียกว่า "ระเบียน" record | finite | (ไฟ'ไนทฺ) adj. มีขอบเขต, มีเขตจำกัด, ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไปจนวัดไม่ได้, ไม่ใช่ศูนย์. n. สิ่งที่มีขอบเขต., See also: finitely adv. finiteness n., Syn. limited, fixed, Ant. infinite, eternal | fuzzy logic | ตรรกศาสตร์คลุมเคลือหมายถึง แบบหนึ่งของตรรกะ ซึ่งใช้ในระบบผู้เชี่ยวชาญ (expert system) ตรรกะ ประเภทนี้ไม่ใช่มีแต่ ผิด-ถูก (กล่าวคือ ถ้าไม่ถูก ก็ต้องผิด หรือถ้าไม่ผิด ก็ต้องถูก) แต่ตรรกะแบบนี้ มีขอบเขตกว้างขวาง | horizon | (ฮะไร'เซิน) n. ขอบฟ้า, ขอบเขต, สายตา, เส้นขอบฟ้า, ระดับ, ตำแหน่ง, ชั้น | immeasurable | adj. ซึ่งไม่สามารถจะวัดได้, ไม่มีขอบเขต, นับไม่ถ้วน, เหลือคณานับ., See also: immeasurably adv., Syn. boundless | immense | (อิเมนซฺ') adj. ใหญ่มาก, มหึมา, มโหฬาร, มากมาย, กว้างขวาง, ไม่มีขอบเขต, เหลือคณานับ, ดีมาก, เลิศ, ยอดเยี่ยม., See also: immensely adv. immenseness n., Syn. huge, vast, Ant. small, little | immensity | (อิเมน'ซิที) n. ความกว้างขวาง, ความใหญ่โต, ความมโหฬาร, ความไม่มีขอบเขต, Syn. hugeness | infinite | (อิน'ฟะนิท) adj. ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่มีขอบเขต, เหลือคณานับ, สมบูรณ์, ไม่หมดสิ้น. n. สิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด, บริเวณที่ไม่มีขอบเขต, อวกาศ. -Phr. (the Infinite, the Infinite Being พระผู้เป็นเจ้า) ., See also: infinitely adv. infiniteness n. คำที่มีควา | infinity | (อินฟิน'นิที) n. ความไม่มีที่สิ้นสุด, ความไม่มีขอบเขต, สิ่งที่ใหญ่โตเหลือเกิน, จำนวนที่ไม่มีที่สิ้นสุด, Syn. endlessness, eternity | information technology | เทคโนโลยีสารสนเทศใช้ตัวย่อว่า IT หมายถึงเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บอย่างมีระบบ การเรียกหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การประมวลผล การวิเคราะห์ผลที่ได้จากการประมวลนั้น รวมไปถึงการเน้นในเรื่องการแสดงผล และประชาสัมพันธ์สารสนเทศนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้ที่จะนำไปใช้ต่อไป ตลอดไปจนถึงการสื่อสารข้อมูลนั้นไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ว่ากันว่า IT กำลังจะก้าวเข้ามาแทนวิชา MIS (management information system) เพราะมีขอบเขตกว้างขวางกว่ามาก สรุปสั้น ๆ ได้ว่า เป็นเหมือนการนำวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer science) รวมกับนิเทศศาสตร์ (mass communications) | it | (อิท) pron. มัน, นั่น, ตัว, คน, บุคคล, ตัวมาร, ตัวการ, คนสำคัญ, คนโง่. n. คนเล่น, สถานการณ์โดยทั่วไป ไอทีย่อมาจาก information technology แปลว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึงเทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บอย่างมีระบบ การเรียกหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การประมวลผล การวิเคราะห์ผลที่ได้จากการประมวลนั้น รวมไปถึงการเน้นในเรื่องการแสดงผล และประชาสัมพันธ์สารสนเทศนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้ที่จะนำไปใช้ต่อไป ตลอดไปจนถึงการสื่อสารข้อมูลนั้นไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ว่ากันว่า IT กำลังจะก้าวเข้ามาแทนวิชา MIS (management information system) เพราะมีขอบเขตกว้างขวางกว่ามาก สรุปสั้น ๆ ได้ว่า เป็นเหมือนการนำวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer science) รวมกับนิเทศศาสตร์ (mass communications) | jurisdiction | (จัวริสดิค'เชิน) n. อำนาจในการตัดสินคดี, อำนาจศาล, อำนาจการควบคุม, ขอบเขตอำนาจ, อำนาจศาล., See also: jurisdictive adj. ดูjurisdiction jurisdictionally adv. ดูjurisdiction, Syn. judicature, magistracy, sphere, range | lavish | (แลฟ'วิช) adj. ฟุ่มเฟือย, ใจป้ำ, มากเกินไป, เกินขอบเขต., See also: lavisher n. ดูlavish lavishment n. ดูlavish lavishness n. ดูlavish, Syn. abundant, profuse | limit | (ลิม'มิท) { limited, limiting, limits } n. ขอบเขต, เขต, เขตจำกัด, ขีดจำกัด, วงจำกัด, จำนวนจำกัด. vt. จำกัด, กำหนด, ขีดขั้น., See also: limitable adj. ดูlimit limitableness n. ดูlimit limiter n. ดูlimit limitation n. ดูlimit | limiting | (ลิม'มิททิง) adj. จำกัด, มีขอบเขต, มีขีดขั้น | limitless | (ลิม'มิทลิส) adj. ไม่มีขอบเขต, See also: limitlessness n. ความไม่มีขอบเขต | margin | (มาร์'จิน) n. ขอบ, ริม, ข้าง, ขอบเขต, ช่องว่าง, จำนวนที่เผื่อเหลือเผื่อขาด, เงินทดรองความสูญเสีย, ค่าแตกต่างระหว่างราคาทุนกับราคาขาย, จุดรายได้ต่ำสุดซึ่งถ้าต่ำกว่านี้แล้วการผลิตจะขาดทุน, ร่อแร่, เกือบขาดทุน. vt. ใส่ขอบ, ทำให้มีริมหรือข้าง, วางเงินทดรอง | marginal | (มาร์'จิเนิล) adj. เกี่ยวกับขอบเขต, เกือบใช้ไม่ได้, เกือบขาดทุน, ร่อแร่, ขายในราคาเกือบขาดทุน., See also: marginality n. marginally adv. | mete | (มีท) vt. แบ่งสรร, จ่ายแจก, วัด n. เส้นแบ่ง, ขอบเขต | overdue | (โอ'เวอะดิว) adj. พ้นกำหนด, เลยเวลา, เกินไป, เกินขอบเขต, คอยนานเกินไป, เจริญหรือสุกงอมเกินไป | periphery | (พะริฟ'เฟอรี) n. เส้นรอบวง, ผิวรอบนอก, ส่วนภายนอก, บริเวณปลายเส้นประสาท, ขอบเขต, ขอบนอก, Syn. perimeter | precinct | (พรี'ซิงทฺ) n. ขอบเขต, บริเวณ, เขตแบ่ง, เขตปกครอง, เขตควบคุม, อาณาเขต, สิ่งแวดล้อม | purview | (เพอ'วิว) n. ขอบเขต (อำนาจ, การปฏิบัติงาน) , บทบัญญัติ, บทบัญญัติของกฎหมาย, ตัวบทกฎหมาย, Syn. scope, overview | radius | (เร'เดียส) n. รัศมี, เส้นรัศมี, ความยาวของรัศมี, ส่วนที่รัศมี, อิทธิพล, ขอบเขต, กระดูกแขนท่อนนอก, เส้นเลือดดำตามยาวที่สำคัญในส่วนหน้าของปีกแมลง pl. radii, radiuses | range | (เรนจฺ) n., vt. (จัด) แถว, แนว, ลำดับ, ช่องระยะ, ทิว, ทิวเขา, เทือกเขา, ขอบเขต, เขต, วิถีกระสุน, วิถียิง, ค่าแตกต่างระหว่างตัวแปรน้อยที่สุดกับตัวแปรมากที่สุด, ตำแหน่ง, ชั้น, ประเภท, การจัดลำ-ดับ, กลุ่มค่าทางสถิติทั้งหมด vi. ผันแปรภายในขอบเขตหนึ่ง, เปลี่ยนแปลงในช่วงหนึ่ง, ขยายออก | reach | (รีชฺ) vt., vi. (การ) ถึง, มาถึง, ไปถึง, บรรลุ, ยื่น, เอื้อม, เป็นจำนวนถึง, ขอบเขต, ระยะที่ไปถึง, ช่วงระยะทาง, ช่วงแขนของนักมวย, See also: reachable adj reacher n., Syn. extend, present, touch | realm | (เรล์ม) n. ราชอาณาจักร, อาณาจักร, บริเวณ, แผ่นดิน, ดินแดน, ขอบเขตล ปริมณฑล |
| bottomless | (adj) ลึกมาก, หยั่งไม่ถึง, ไร้ขอบเขต | bound | (n) ขอบเขต, บริเวณ, เขตแดน, อาณาเขต, ขอบข่าย | bound | (vt) จำกัด, กำหนดขอบเขต | boundary | (n) ขอบเขต, เขตแดน, บริเวณ, อาณาเขต | boundless | (adj) ไม่มีขอบเขต, กว้างขวาง, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่จำกัด | circle | (n) วงกลม, วงแหวน, วงเวียน, บริเวณ, ขอบเขต, หมู่คณะ, การหมุนเวียน, วัฏจักร | circumscription | (n) เส้นรอบวง, การจำกัดเขต, ขอบเขต, คำนิยาม | compass | (n) เข็มทิศ, เส้นรอบวง, วงเวียน, ขอบเขต, เนื้อที่, ระยะ | confine | (n) ขอบเขต, วงรอบ, การจำกัด, คุก, สถานกักกัน | confinement | (n) การกักขัง, การจำกัดขอบเขต, การกักตัว, การคุมขัง | domain | (n) ขอบเขต, คฤหาสน์, ที่ดิน, อาณาจักร | extent | (n) อาณาเขต, ขอบเขต, ขนาด, การประเมินค่า | field | (n) ทุ่ง, สนาม, ทุ่งหญ้า, ทุ่งนา, สนามรบ, สมรภูมิ, ขอบเขต, แผนก | frontier | (n) พรมแดน, ชายแดน, เขตแดน, ขอบเขต | horizon | (n) สายตา, เส้นขอบฟ้า, ขอบเขต, วง, ตำแหน่ง, ระดับ | illimitable | (adj) ไม่มีขอบเขต, ไม่มีที่สิ้นสุด | immeasurable | (adj) มากมาย, ไม่มีขอบเขต, ไม่สามารถวัดได้ | incidence | (n) การตกลงมา, แสงตกกระทบ, ขอบเขต, การบังเกิด, เหตุการณ์ | infinite | (adj) อสงขัย, ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, มากมาย, เหลือคณา | ken | (n) ขอบเขต, สายตา | kingdom | (n) อาณาจักร, ขอบเขต, วงการ, ปริมณฑล | limit | (n) ขอบเขต, ขีดจำกัด, ข้อบกพร่อง | limit | (vt) จำกัด, กั้นวง, ขีดวง, กำหนดขอบเขต | limited | (adj) ถูกจำกัด, น้อย, มีขอบเขต, แคบ | limitless | (adj) ไม่จำกัด, ไม่อั้น, มากมาย, ไม่มีขอบเขต | measureless | (adj) ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่สามารถจะวัดได้, เหลือคณนา | outskirts | (n) รอบนอก, ขอบเขตภายนอก, ชานเมือง, ริม | overdue | (adj) เลยเวลา, เกินกำหนด, เกินขอบเขต | periphery | (n) เส้นรอบวง, ผิวรอบนอก, ขอบนอก, ขอบเขต | precinct | (n) ขอบเขต, อาณาเขต, เขตปกครอง | radius | (n) รังสี, รัศมี, ขอบเขต | reach | (n) ขอบเขต, การบรรลุ, การยื่น, การเอื้อม | realm | (n) แผ่นดิน, อาณาจักร, ขอบเขต, ปริมณฑล, ดินแดน, บริเวณ | region | (n) บริเวณ, ขอบเขต, แถบ, ภาค, แคว้น, ดินแดน | scope | (n) ขอบเขต, ระยะ, วง, โอกาส, ลู่ทาง, ทัศนวิสัย, การมองปัญหา | size | (n) เบอร์, ขนาด, การวัด, การประมาณ, ขอบเขต | sphere | (n) ลูกโลก, ทรงกลม, ขอบเขตความรู้, วงงาน, ถิ่น, ปริมณฑล | sweep | (n) วง, ขอบเขต, การปัดกวาด, การกวาดสายตา | term | (n) ขอบเขต, ภาคเรียน, ข้อตกลง, กำหนดเวลา, ครั้ง, วาระ, สมัย | terminal | (adj) ตอนปลาย, ท้าย, สรุป, เกี่ยวกับขอบเขต | termination | (n) การสิ้นสุด, การลงเอย, จุดหมายปลายทาง, ขอบเขต, ปัจจัย | terminus | (n) สถานีปลายทาง, ขอบเขต, เสาเขต, จุดประสงค์, ส่วนท้าย | tether | (n) เชือก, โซ่ล่าม, ขอบเขตจำกัด | tether | (vt) ผูก, มัด, ล่าม, จำกัดขอบเขต | unlimited | (adj) ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, ไม่บังคับ | zone | (n) สายรัด, เขตร้อนหนาว, แนว, วง, บริเวณ, ขอบเขต, เขตเวลา |
| | 範囲 | [はんい, han'i] (n) ขอบเขต |
| 意味範 | [いみはん, imihan] (n) ขอบเขตของความหมาย | 圏 | [けん, ken] (n) ขอบเขต วง ข่าย |
| Rahmen | (n) |der, pl. Rahmen| กรอบ, ขอบเขต, เค้าโครง | im Rahmen von | ในขอบเขตของ, ในท้องเรื่อง | ausserhalb | (prep) |+ G| นอกเหนือจากเวลาที่กล่าว หรือ นอกเหนือจากขอบเขตที่กล่าว เช่น Ausserhalb der Hochsaison ist es hier sehr ruhig., Unser Arzt ist auch ausserhalb der Sprechzeiten telefonisch erreichbar., Diese Befugnisse liegen ausserhalb meines Kompetenzbereichs., See also: A. innerhalb |
| excessif | (adj) |f. -ive| มากเกินไป, เกินขอบเขต, เกินไป, เกินกว่าจะยอมรับได้ เช่น Vous êtes aussi excessif(ve) dans vos élans que dans vos courroux., See also: démesuré, énorme, extrême |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |