99 ผลลัพธ์ สำหรับ *กักขัง*
หรือค้นหา: กักขัง, -กักขัง-

NECTEC Lexitron-2 Dictionary (TH-EN)
กักขัง(v) detain, See also: hold in custody, detain under custody, confine, imprison, incarcerate, Syn. ขัง, Ant. ปล่อย, Example: กรมราชทัณฑ์กักขังนักโทษประหารชีวิตไว้ในแดนห้า

พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
กักขังก. บังคับให้อยู่ในสถานที่อันจำกัด, เก็บตัวไว้ในสถานที่อันจำกัด.
กักขังน. โทษทางอาญาสถานหนึ่ง ที่ให้กักตัวผู้ต้องโทษไว้ในสถานที่ซึ่งกำหนดไว้อันมิใช่เรือนจำ มิใช่สถานีตำรวจ และมิใช่สถานที่ควบคุมผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน.
ผู้ต้องกักขังน. ผู้ที่ถูกกักขังตามหมายกักขังของศาล. (ดู กักขัง ประกอบ).
ขังกักขังจำเลยหรือผู้ต้องหาโดยศาล.
ขาใหญ่น. นักเลงผู้มีอิทธิพล, นักโทษหรือผู้กักขังที่มีอิทธิพล.
ควบคุมการคุมหรือกักขังผู้ถูกจับโดยพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจในระหว่างสืบสวนและสอบสวน.
ค่าไถ่น. ทรัพย์สินหรือประโยชน์ที่เรียกเอา หรือให้เพื่อแลกเปลี่ยนเสรีภาพของผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขัง.
คุมขังก. คุมตัว ควบคุม ขัง กักขัง หรือจำคุก.
ไถ่ ๑ให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์เพื่อแลกเปลี่ยนเสรีภาพของผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขัง.
ทัณฑสถาน(ทันทะ-) น. เรือนจำพิเศษประเภทหนึ่ง ซึ่งใช้เป็นที่ควบคุมกักขังผู้ต้องขังเฉพาะแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับประเภทผู้ต้องขังนั้น ๆ เช่น ทัณฑสถานวัยหนุ่ม เป็นสถานที่ควบคุมกักขังและฝึกอาชีพแก่ผู้ต้องขังที่อยู่ในวัยหนุ่ม.
โทษทางอาญาน. โทษที่ลงแก่ผู้กระทำความผิดอาญา ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญาได้กำหนดไว้ ๕ สถาน ได้แก่ ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ และริบทรัพย์สิน.
ลงอาญา, ลงอาชญาก. ลงโทษหรือทำโทษด้วยวิธีต่าง ๆ ได้แก่ ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน.
หน่วงเหนี่ยว(หฺน่วงเหฺนี่ยว) ก. รั้งตัวไว้, ดึงถ่วงไว้, กักไว้, เช่น เขาถูกฟ้องฐานะที่หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น.
หมายค้นน. หนังสือสั่งการที่ศาลสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้น เพื่อยึดสิ่งของหรือจับกุมบุคคลซึ่งมีหมายให้จับ หรือเพื่อช่วยบุคคลซึ่งถูกหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย.

ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน
place of confinementสถานที่กักขัง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
restrain๑. หน่วงเหนี่ยว, กักขัง, ควบคุมตัว (ก. อาญา)๒. จำกัด, ห้ามกระทำการ (ก. แพ่ง) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
restraint๑. การหน่วงเหนี่ยว, การกักขัง, การควบคุมตัว (ก. อาญา)๒. การจำกัด, ข้อจำกัด, การยับยั้ง (ก. แพ่ง) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
arrests, restraints and detainmentsการจับกุม หน่วงเหนี่ยว และกักขัง [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
confinementการกักขัง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
confinement in lienการกักขังแทนค่าปรับ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
detain๑. กักขัง, หน่วงเหนี่ยว (บุคคล), ควบคุมตัว (ก. อาญา)๒. ยึดหน่วง (ก. แพ่ง) [ ดู retain ความหมายที่ ๑ ประกอบ ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
detainer๑. ผู้กักขัง, ผู้หน่วงเหนี่ยว (บุคคล) (ก. อาญา)๒. ผู้ยึดหน่วงทรัพย์ (ก. แพ่ง) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
detentionการกักขัง, การกักกัน [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
detention๑. การกักขัง, การหน่วงเหนี่ยว, การควบคุมตัว (ป. วิ. อาญา)๒. การยึดหน่วงทรัพย์ (ก. แพ่ง) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
false imprisonmentการกักขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
imprisonment, falseการกักขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
illegal confinementการกักขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
incarcerationการกักขัง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
temporary detentionการกักขังชั่วคราว [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
workhouse๑. สถานที่กักขัง (ผู้ต้องโทษระยะสั้น)๒. โรงทำงาน (อังกฤษ) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]

คลังศัพท์ไทย (สวทช.)
Preventive detentionการกักขังผู้กระทำผิด [TU Subject Heading]
Freedom of Communicationเสรีภาพในการติดต่อและสื่อสาร ถือเป็นสิทธิทางกฎหมาย (ไม่ใช่เพียงเอกสิทธิ์เท่านั้น) ที่สำคัญอันหนึ่งของนักการทูตย่อมจะเห็นได้ชัดว่า คณะทูต จะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างพึงพอใจ นอกจากจะมีอิสระอย่างสมบูรณ์ในการที่จะมีหนังสือหรือวิถีทางอื่นๆ เพื่อติดต่อกับรัฐบาลของตน หรือจะส่งและรับจดหมาย หรือหนังสือต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่ถือสารพิเศษ หรือโดยถุงทางการทูต (Diplomatic pouch) สำหรับเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติไว้ในข้อ 27 ดังนี้?1. ให้รัฐผู้รับอนุญาตและคุ้มครองการสื่อสารโดยเสรีในส่วนของคณะผู้แทน เพื่อความมุ่งประสงค์ในทางการทั้งมวลเพื่อการติดต่อกับรัฐบาล และกับคณะผู้แทนและสถานกงสุลอื่นของรัฐผู้ส่ง ไม่ว่าตั้งอยู่ ณ ที่ใด คณะผู้แทนอาจใช้วิถีทางที่เหมาะสมทั้งมวลได้ รวมทั้งผู้ถือสารทางการทูต และสารเป็นรหัสหรือประมวล อย่างไรก็ดี คณะผู้แทนอาจติดตั้งและใช้เครื่องส่งวิทยุได้ด้วยความยินยอมของรัฐผู้รับ เท่านั้น 2. หนังสือโต้ตอบทางการของคณะผู้แทนจะถูกละเมิดมิได้ หนังสือโต้ตอบทางการ หมายถึง หนังสือโต้ตอบทั้งมวลที่เกี่ยวกับคณะผู้แทนและภารกิจหน้าที่ของคณะผู้แทน 3. ถุงทางการทูต (Diplomatic Pouch) จะไม่ถูกเปิดหรือถูกกักไว้ 4. หีบห่อซึ่งรวมเป็นถุงทางการทูต จะต้องมีเครื่องหมายภายนอกที่เห็นได้ชัดเจน สามารถแสดงลักษณะของถุงทางการทูต ซึ่งอาจบรรจุเพียงเอกสารหรือสิ่งของทางการทูตที่เจตนาเพื่อใช้ในทางการเท่า นั้น 5. ผู้ถือสารทางการทูต (Diplomatic courrier) จะได้รับเอกสารทางการแสดงสถานภาพของตน และจำนวนหีบห่อซึ่งรวมเป็นถุงทางทูตนั้น ให้ได้รับความคุ้มครองจากรัฐผู้รับ ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ของตน ให้ผู้ถือสารทางการทูตได้อุปโภคความละเมิดมิได้ ส่วนบุคคลจะต้องไม่ถูกจับกุมหรือกักขังในรูปใด 6. รัฐผู้ส่งหรือคณะผู้แทนอาจแต่งตั้งผู้ถือสารทางการทูตเฉพาะกรณีได้ ในกรณีที่ว่านี้ให้นำบทแห่งวรรค 5 ของข้อนี้มาใช้ด้วย เว้นแต่ว่าความคุ้มกันที่กล่าวไว้ในวรรคนั้นให้ยุติไม่ใช้ เมื่อผู้ถือสารนี้ได้ส่งถุงทางการทูตในหน้าที่ของตนให้แก่ผู้รับแล้ว 7. ถุงทางการทูตอาจจะมอบหมายไว้แก่ผู้บังคับการของเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งได้มีพิกัดจะลง ณ ท่าเข้าเมืองที่ได้รับอนุญาตแล้วได้ ให้ผู้บังคับบัญชาของเครื่องบินพาณิชย์รับเอกสารทางการแสดงจำนวนหีบห่อซึ่ง รวมเป็นถุง แต่ไม่ใช่ถือว่าผู้บังคับการของเครื่องบินพาณิชย์เป็นผู้ถือสารทางทูต คณะผู้แทนอาจส่งบุคคลหนึ่งในคณะผู้แทนไปรับมอบถุงทางการทูตได้โดยตรง และโดยเสรีจากผู้บังคับการของเครื่องบิน? [การทูต]
Personal Inviolability of Diplomatic Agentsหมายถึง ตัวบุคคลของตัวแทนทางทูตจะถูกละเมิดมิได้ กล่าวคือ มาตรา 29 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติในเรื่องนี้ไว้ว่า ?ตัวบุคคลของตัวแทนทางการทูตจะถูกละเมิดมิได้ ตัวแทนทางการทุตจะไม่ถูกจับกุมหรือกักขังในรูปใด ๆ ให้รัฐผู้รับปฏิบัติต่อตัวแทนทางการทูตด้วยความเคารพตามสมควร และดำเนินการที่เหมาะสมทั้งมวลที่จะป้องกันการประทุษร้ายใด ๆ ต่อตัวบุคคล เสรีภาพ หรือเกียรติของตัวแทนทางการทูต?ตัวบุคคลของตัวแทนทางการทูตจะถูกละเมิดมิได้ นั้น ได้ถือเป็นปัจจัยหลักในการที่ให้ผู้แทนทางการทูตได้รับสิทธิและความคุ้มกัน ทั้งมวล ถึงกับมีการพูดกันว่า ผู้ใดประทุษร้ายต่อตัวเอกอัครราชทูต จักถือว่าเป็นการทำร้ายต่อประมุขของประเทศซึ่งผู้แทนทางการทูตผู้นั้นเป็น ตัวแทนอยู่ ทั้งยังถือว่าเป็นการยังผลร้ายต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชาติทั้ง มวลด้วยตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1964 ชายหนุ่มญี่ปุ่นคนหนึ่งซึ่งมีจิตวิปลาส ได้ใช้มีดแทง นายเอ็ดวิน โอไรส์ชาวเออร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศญี่ปุ่น ในเขตนอกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงโตเกียว รัฐมนตรีว่าการกระทวงมหาดไทยญี่ปุ่นได้ลาออกจากตำแหน่งทันทีและรุ่งขึ้นใน วันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1964 นายอิเคดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในสมัยนั้น ได้ทำการขอโทษต่อประชาชนชาวอเมริกันทางวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ได้มีการดำเนินการในทำนองนี้ และการที่นายกรัฐมนตรีอิเคดะได้ปฏิบัติดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า การที่ตัวบุคคลของผู้แทนทางการทูตจะถูกละเมิดมิได้นั้น มีความสำคัญมากเพียงใดตัวแทนทางการทูตจะถูกจับ ถูกฟ้องศาล หรือถูกลงโทษฐานประกอบอาชญากรรมนั้นไม่ได้ เพราะถือว่าผู้แทนทางการทูตมิได้อยู่ในอำนาจศาลของรัฐผู้รับ อย่างไรก็ดี หากผู้แทนทางการทูตกระทำความผิดอย่างโจ่งแจ้ง รัฐผู้รับอาจขอให้รัฐผู้ส่งเรียกตัวกลับไปยังประเทศของเขาได้ในทันที [การทูต]
Work of the United Nations on Human Rightsงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน งานสำคัญชิ้นหนึ่งของสหประชาชาติคือ วควมมปรารถนาที่จะให้ประเทศทั้งหลายต่างเคารพและให้ความคุ้มครองแก่สิทธิ มนุษยชนตลอดทั่วโลก ดังมาตรา 1 ในกฎบัตรของสหประชาติได้บัญญัติไว้ว่า?1. เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และมีเจตนามุ่งมั่นต่อจุดหมายปลายทางนี้ จะได้ดำเนินมาตรการร่วมกันให้บังเกิดผลจริงจัง เพื่อการป้องกันและขจัดปัดเป่าการคุกคามต่อสันติภาพ รวมทังเพื่อปราบปรามการรุกรานหรือการล่วงละเมิดอื่น ๆ ต่อสันติภาพ ตลอดจนนำมาโดยสันติวิธี และสอดคล้องกับหลักแห่งความยุติธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งการปรับปรุงหรือระงับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การล่วงละเมิดสันติภาพได้ 2. เพื่อพัฒนาสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชาติทั้งปวงโดยยึดการเคารพต่อหลักการ แห่งสิทธิเท่าเทียมกัน และการกำหนดเจตจำนงของตนเองแห่งประชาชนทั้งปวงเป็นมูลฐานและจะได้ดำเนิน มาตรการอันเหมาะสมอย่างอื่น เพื่อเป็นกำลังแก่สันติภาพสากล 3. เพื่อทำการร่วมมือระหว่างประเทศ ในอันที่จะแก้ปัญหาระหว่างประเทศในทางเศรษฐกิจ การสังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรม รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพ อันเป็นหลักมูลฐานสำหรับทุก ๆ คนโดยปราศจากความแตกต่างด้านเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา 4. เพื่อเป็นศูนย์กลางและประสานการดำเนินงานของประชาชาติทั้งปวงในอันที่จะ บรรลุจุดหมายปลายทางเหล่านี้ร่วมกันด้วยความกลมกลืน"ดังนั้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 สมัชชาแห่งสหประชาชาติจึงได้ลงข้อมติรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชุมชนระหว่างประเทศ ที่ได้ยอมรับผิดชอบที่จะให้ความคุ้มครอง และเคารพปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยข้อความรวม 30 มาตรา กล่าวถึง1. สิทธิของพลเมืองทุกคนที่จะมีเสรีภาพ และความเสมอภาค รวมทั้งสิทธิทางการเมือง2. สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มาตรา 1 และ 2 เป็นมาตราที่กล่าวถึงหลักทั่วไป เช่น มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายต่างเกิดมาพร้อมกับ อิสรภาพ และทรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้น ทุกคนย่อมมีสิทธิและอิสรภาพตามที่ระบุในปฏิญญาสากล โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างใด ๆ เชื้อชาติ เพศ ภาษา ศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรืออื่น ๆ ต้นกำเนิดแห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สินหรือสถานภาพอื่น ๆ ส่วนสิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมืองนั้น ได้รับการรับรองอยู่ในมาตร 3 ถึง 21 ของปฏิญญาสากล เช่น รับรองว่าทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ มีเสรีภาพและความมั่นคงปลอดภัย มีอิสรภาพจากความเป็นทาสหรือตกเป็นทาสรับใช้ มีเสรีภาพจากการถูกทรมาน หรือการถูกลงโทษอย่างโหดร้าย สิทธิที่จะได้รับการรับรองเป็นบุคคลภายใต้กฎหมาย ได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย มีเสรีภาพจากการถูกจับกุม กักขัง หรือถูกเนรเทศโดยพลการ มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ สิทธิที่จะมีสัญชาติ รวมทั้งสิทธิที่จะแต่งงานและมีครอบครัว เป็นต้นส่วนมาตรา 22 ถึง 27 กล่าวถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และทางวัฒนธรรม เช่น มีสิทธิที่จะอยู่ภายใต้การประกันสังคม สิทธิที่จะทำงาน สิทธิที่จะพักผ่อนและมีเวลาว่าง สิทธิที่จะมีมาตรฐานการครองชีพสูงพอที่จะให้มีสุขภาพอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดี สิทธิที่จะได้รับการศึกษาและมีส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่ตามวัฒนธรรมของ ชุมชน มาตรา 28 ถึง 30 กล่าวถึงการรับรองว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีขีวิตอยู่ท่ามกลางความสงบเรียบร้อยของสังคมและระหว่าง ประเทศ และขณะเดียวกันได้เน้นว่า ทุกคนต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อชุมชนด้วยสมัชชาสหประชาชาติได้ประกาศ ให้ถือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนนี้ เป็นมาตรฐานร่วมกันที่ทุกประชาชาติจะต้องปฏิบัติตามให้ได้ และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกของสหประชาชาติช่วยกันส่งเสริมรับรองเคารพสิทธิและ เสรีภาพตามที่ปรากฎในปฏิญญาสากลโดยทั่วกัน โดยเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้ สมัชชาสหประชาชาติจึงลงมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1950 ให้ถือวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชนทั่วโลก [การทูต]

Volubilis Dictionary (TH-EN-FR)
กักขัง[kakkhang] (v) EN: imprison ; detain ; hold in custody ; detain under custody ; take into custody ; confine ; imprison ; incarcerate ; take into custody  FR: écrouer ; emprisonner ; incarcérer ; séquestrer ; cloîtrer ; boucler (fam.) ; interner ; jeter en prison
การกักขัง[kān kakkhang] (n) EN: detention  FR: détention [ f ] ; emprisonnement [ m ] ; incarcération [ f ] ; internement [ m ]
การกักขังหน่วงเหนี่ยว[kān kakkhang nūang-nīo] (n, exp) EN: unlawful detention
การถูกกักขัง[kān thūk kakkhang] (n, exp) EN: captivity
ที่กักขัง[thī kakkhang] (n, exp) EN: detention center  FR: centre de détention [ m ]

NECTEC Lexitron Dictionary EN-TH
animal rights(n) สิทธิของสัตว์ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างอิสระปราศจากการหารประโยชน์ของมนุษย์หรือถูกมนุษย์ทารุณหรือกักขัง
bang up(phrv) ขังคุก, See also: กักขัง, Syn. lock up
be behind bars(idm) จำคุก, See also: กักขัง, ขังคุก
captivity(n) การถูกกักขัง, See also: การถูกจองจำ, Syn. imprisonment, confinement
chain(vt) กักตัว, See also: กักขัง, คุมตัว, Syn. confine, restrain
crib(vt) กักขัง, Syn. confine
cool up(phrv) จำกัดสิทธิเสรีภาพ, See also: กักขัง, ปิดกั้น, Syn. coop in
detain(vt) กักขัง, See also: หน่วงเหนี่ยว, กักตัว, เหนี่ยวรั้ง, Syn. retain, hold, confine, Ant. discard, lose
detainee(n) ผู้ถูกกักขัง, See also: ผู้ถูกคุมขัง, นักโทษ, Syn. prisoner
incarcerate in(phrv) จำคุก, See also: กักขัง, คุมขัง
intern in(phrv) กักขังใน, See also: กักขังไว้ใน, คุมขังใน, Syn. inter in
hem in(vt) กักขัง, See also: กักตัว, Syn. confine, restrict
immure(vt) กักขัง (ทางวรรณคดี), See also: ขังคุก, คุมขัง, Syn. confine, imprison
impound(vt) กักขัง, See also: กัก, Syn. confine, seize
imprison(vt) จำคุก, See also: กักขัง, คุมขัง, Syn. confine, immure
imprisonment(n) การจำคุก, See also: การกักขัง, การคุมขัง, Syn. confinement, immurement
incarcerate(vt) ขังคุก (คำทางการ), See also: กักขัง, จองจำ, Syn. confine, imprison, jail
internee(n) ผู้ถูกกักขัง, See also: ผู้ต้องขัง
internment(n) การกักกัน, See also: การกักขัง
lock away(phrv) กักขัง, See also: จำคุก, ใส่กรงขัง, Syn. lock up, put away, shut away
lock up(phrv) กักขัง, See also: จำคุก, ใส่กรงขัง, Syn. lock away
jail(vt) จำคุก, See also: กักขัง, จองจำ, เข้าตาราง, Syn. imprison, confine, detain, Ant. free, release
pent(adj) ซึ่งถูกกักขัง, See also: ซึ่งถูกกักตัว, ซึ่งถูกคุมขัง, Syn. confined
pent-up(adj) ที่ถูกควบคุมไว้, See also: ที่ถูกกักขังไว้, ซึ่งไม่ได้รับการปลดปล่อย
pinch(vt) กักขัง (คำไม่เป็นทางการ), See also: จับกุม, Syn. arrest, catch
prison(n) การติดคุก, See also: การคุมตัว, การกักขัง, การกักกัน
place someone behind bars(idm) กักขัง, See also: คุมขัง, Syn. be behind, put behind
put inside(phrv) ขังคุก, See also: กักขัง, คุมขัง
put someone behind bars(idm) จำคุก, See also: กักขัง, Syn. be behind, place behind
restrain(vt) กักขัง, See also: กักตัว, Syn. imprison
wall up(phrv) ขัง, See also: กักขัง, คุมขัง

Hope Dictionary
brig(บริก) n. เรือใบสองเสา, ห้องคุกในเรือ, สถานที่กักขัง
cage(เคจฺ) { caged, caging, cages } n. กรง, กรงนก, คุก, ที่คุมขัง, ที่กักขัง, โครง, โครงกระดูก, โครงเหล็กค้ำปืน vt. ใส่ในกรง
calaboose(แคล'ละบูส) n. คุกการกักขัง
detention(ดิเทน'เชิน) n. การกักขัง, การคุมตัว, การกักกัน, การยึดทรัพย์ของผู้อื่น adj. เกี่ยวกับการกักขัง
detenu(เดทะนู') n. ผู้ถูกกักขัง
durance(ดู'เรินซฺ) n. การจำคุก, การกักขัง, ความอดทน, ความทนทาน, Syn. imprisonment
imprison(อิมพริส' เซิน) vt. จำคุก, เอาเข้าคุก, กักขัง., See also: imprisoner n., Syn. incarcerate
imprisonment(อิมพริส' เซินเมินทฺ) n. การจำคุก, การเอาเข้าคุก, การถูกจำคุก, การกักขัง
incarcerate(อินคาร์' เซอเรท) vi. จำคุก, กักขัง, คุมขัง. -adj. ถูกจำคุก, ถูกคุมขัง., See also: incarceration n., Syn. imprison, jail
internee(อินเทอนี') n. ผู้ถูกกักกันหรือกักขัง
internment(อินเทิร์น'เมินทฺ) n. การกักกัน, การกักขัง, Syn. confinement
keep(คีพ) { kept, kept, keeping, keeps } v. เก็บ, สงวนไว้, กักขัง, ป้องกันรักษา, หน่วงเหนี่ยว, ธำรงไว้, ผดุงไว้, กักตัว, ดำเนินกิจการ, ยังคงเป็นอยู่ การรักษาไว้, การสนับสนุน, ตัวตึกที่แข็งแรงที่สุดของปราสาทสมัยกลาง, ส่วนที่แข็งแกร่ง แน่นหนาที่สุด, คุก. -Phr. (forkeeps ด้วยควา
pinch(พินชฺ) vt. หยิก, หนีบ, บีบ, บิด, บีบ, คลึง, ทำให้แสบ, ลดลง, ฉกฉวย, ทำให้กลุ้ม, กระเบียดกระเสียน, เด็ดทิ้ง, ตัดแต่ง, ขโมย, ทำให้หดเหี่ยว, ปล้น, กักขัง, จับกุม. vi. (รองเท้า) รัด, ทำให้กลัดกลุ้ม, กระเบียดกระเสียน, ประหยัด, เหน็บแนม. -Id. (pinch pennies ประหยัด) n. การหยิก, การหนีบ, จำนวนนิดเดียว, ความขัดสน, สถานการณืที่ลำบาก, ความกดดัน

Nontri Dictionary
cage(n) กรง, ที่คุมขัง, ที่กักขัง
cage(vt) คุมขัง, ใส่กรง, ขังกรง, กักขัง
calaboose(n) คุก, เรือนจำ, ที่คุมขัง, ที่กักขัง
confine(vt) กักขัง, จำกัดที่, ตีวง
confinement(n) การกักขัง, การจำกัดขอบเขต, การกักตัว, การคุมขัง
detain(vt) กักขังไว้, หน่วงไว้, กักกัน, รอไว้, ยับยั้ง
detention(n) การกักกัน, การกักขัง, การหน่วงไว้, การคุมขัง, การยึดทรัพย์
duress(n) การบีบบังคับ, การบังคับขู่เข็ญ, การข่มขู่, การกักขัง
immure(vt) กักขัง, จำคุก, ขัง
imprison(vt) ขังคุก, กักขัง, จองจำ, จับกุม
imprisonment(n) การขังคุก, การกักขัง, การจองจำ, การจับกุม
keep(vt) เก็บ, ดูแล, รักษา, เลี้ยง, ระวัง, กักขัง
penitentiary(adj) ที่รับผิด, ซึ่งรู้สึกผิด, เกี่ยวกับการกักขัง
penitentiary(n) ที่กักขัง, สถานดัดสันดาน

Longdo Unapproved JP-TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
監禁[かんきん, kankin] (n) การคุมขัง, การกักขัง

Time: 0.7266 secondsLongdo Dict -- https://dict.longdo.com/