พ้อ | (v) complain, See also: blame, grumble, reprove, reproach, Syn. ต่อว่า, ตัดพ้อ, ตัดพ้อต่อว่า, Example: คนที่ถูกขัดใจหรือไม่ได้ตามที่ตนต้องการซึ่งมักจะออกมาในรูปตัดพ้อ บ่นพึมพำ แสดงท่าไม่พอใจ, Thai Definition: พูดต่อว่าด้วยความน้อยใจ |
พ้อง | (v) be identical, See also: be alike, coincide, be the same, Syn. ตรง, เหมือน, ซ้ำ, Ant. ต่าง, ตรงข้าม, Example: ข้อความในกระดาษหน้านี้พ้องกับอีกหน้าหนึ่ง, Thai Definition: ตรงกัน, เหมือนกัน, ซ้ำกัน |
พ้อม | (n) large woven basket for paddy, See also: a large receptacle of woven bamboo strips with a small orifice, Syn. กระพ้อม, Example: เครื่องมือกสิกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อสนองประโยชน์ให้กับชาวนาและชาวสวนได้แก่ คราด พ้อม ปุ้งกี๋ สุ่มครอบไก่ เป็นต้น, Count Unit: ใบ, ลูก, Thai Definition: ภาชนะสานขนาดใหญ่สำหรับบรรจุข้าวเปลือก |
เพ้อ | (v) speak incoherently, See also: ramble, speak nonsense, wander in one's talk, Syn. เพ้อเจ้อ, พูดพล่าม, Example: เขาเพ้อไปใหญ่แล้ว สิ่งที่เขาพูดไม่มีมูลความจริงเลยสักนิดนึง, Thai Definition: พูดโดยปราศจากหลักฐาน, พูดไม่เป็นประโยชน์ |
เพ้อ | (v) rave, See also: be delirious, Example: สารกระตุ้นประสาททำให้ผู้ป่วยเพ้อ กระวนกระวาย หายใจลำบาก และชีพจรเต้นเร็ว, Thai Definition: พูดโดยไม่มีสติ |
กะพ้อ | (n) water tube, Syn. กะพล้อ, Count Unit: กระบอก, Thai Definition: กระบอกตักน้ำ ปากแฉลบอย่างพวยกา |
คำพ้อง | (n) homonym, See also: homophone, homograph |
ตัดพ้อ | (v) complain, See also: grumble, blame, Syn. ต่อว่า, ตัดพ้อต่อว่า, Example: ลูกชายตัดพ้อคุณพ่อว่าไม่ยอมซื้อของเล่นให้ซักที, Thai Definition: ต่อว่าด้วยความน้อยใจ |
การเพ้อ | (n) deliriousness, See also: delirium, raving, Example: การเพ้อของเขาเนื่องมาจากอาการป่วยของระบบประสาท, Thai Definition: การพูดโดยไม่มีสติ |
พวกพ้อง | (n) friends, See also: relatives, companions, gang, adherent, Syn. พรรคพวก, พวก, Example: รักในที่นี้มีหลายแบบคือ รักพ่อแม่ญาติพี่น้อง รักเพื่อน รักพวกพ้อง |
พ้องกัน | (adj) synonymous, Syn. คล้องจองกัน, Example: ความหมายที่พ้องกันของเจดีย์กับสถูปทำให้คนไทยเกิดใช้ปะปนกัน, Thai Definition: ที่ตรงกันหรือประจวบเหมือนกัน, ที่ไม่ขัดกัน |
พ้องกัน | (v) reach unanimity of, Syn. คล้องจองกัน, Example: ความเห็นของเราพ้องกันเลยตกลงกันง่ายขึ้น, Thai Definition: ตรงกันหรือประจวบเหมือนกัน, ไม่ขัดกัน |
พ้องพาน | (v) encounter, See also: meet, confront, Syn. พบปะ, พบพาน, Example: มนุษย์โดยธรรมชาติย่อมรักตนแสวงหาประโยชน์เฉพาะตนแต่เมื่อมาเกี่ยวพ้องพานกับคนอื่นซึ่งอยู่รวมกันก็ต้องยอมเสียสละบางสิ่งบางอย่าง |
เพ้อฝัน | (adj) fanciful, See also: imaginary, Syn. เพ้อเจ้อ, Example: เธอเชื่อเรื่องเพ้อฝันของคนแก่อายุ 70 จริงๆ เหรอ, Thai Definition: ที่ไม่มีสาระหรือไม่มีวันเป็นความจริงขึ้นมาได้ |
เพ้อฝัน | (v) fancy, See also: imagine, Syn. เพ้อเจ้อ, พร่ำเพ้อ, Example: ฉันก็ได้แต่เพ้ออันไปลมๆ แล้งๆ ตามประสาคนไม่เคยมีความรัก, Thai Definition: มุ่งคิดหรือพูดโดยที่ไม่มีสาระหรือไม่มีวันเป็นความจริงขึ้นมาได้ |
พร่ำเพ้อ | (v) talk nonsense, Syn. เพ้อ, เพ้อพร่ำ, รำพัน, Example: ทั้งๆ ที่ตัวเองหมดวาสนาจะมีความรักกับเขาได้แต่ก็ยังพร่ำเพ้อถึงความรัก, Thai Definition: เพ้อร่ำไป |
เพ้อเจ้อ | (v) drivel, See also: blather, babble, prate, Syn. พร่ำเพ้อ, เพ้อฝัน, Example: ปล่อยให้เขาเพ้อเจ้อไปคนเดียวเถอะ อย่าไปสนใจเขาเลย, Thai Definition: มุ่งคิดหรือพูดโดยที่ไม่มีสาระหรือไม่มีวันเป็นความจริงขึ้นมาได้ |
เห็นพ้อง | (v) agree, See also: be in accord with, see things the same way (as), be unanimous, Syn. เห็นตาม, เห็นด้วย, เห็นพ้องต้องกัน, Ant. คัดค้าน, ค้าน, Example: บุคคลทั้งสองเห็นพ้องกันว่า พล.อ.เทียนชัยแบ่งงานอย่างเผด็จการและไม่มีหลักเกณฑ์ |
เห็นพ้อง | (v) agree, See also: be in accord with, see things the same way (as), be unanimous, Syn. เห็นตาม, เห็นด้วย, เห็นพ้องต้องกัน, Ant. คัดค้าน, ค้าน, Example: บุคคลทั้งสองเห็นพ้องกันว่า พล.อ.เทียนชัยแบ่งงานอย่างเผด็จการและไม่มีหลักเกณฑ์ |
แพ้อากาศ | (v) be allergic to weather, Example: ในความเป็นจริงผู้ที่แพ้อากาศนั้น ไม่ได้แพ้อากาศที่หายใจ แต่แพ้ของที่ปะปนอยู่ในอากาศที่สูดดมเข้าไป, Thai Definition: อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือจาม |
คำพ้องรูป | (n) homograph |
เพ้อคลั่ง | (v) be mad, See also: be crazy, be crazed, be insane, be morbid, Syn. บ้าคลั่ง, คลุ้มคลั่ง, Example: นักโทษบางรายเพ้อคลั่ง เพราะมีความเครียดมาก, Thai Definition: พูดแบบไม่มีสติอย่างอาการของคนบ้า |
ความเพ้อฝัน | (n) romance, See also: whim, caprice, prank, Syn. ความหลงละเมอ, การฝันเฟื่อง, Example: บางครั้งจิตใจของเราก็ล่องลอยไปตามความเพ้อฝัน |
คำพ้องเสียง | (n) homophone |
พูดเพ้อเจ้อ | (v) drivel, Syn. พูดเหลวไหล, พล่าม, พูดพล่าม, พูดพร่ำเพ้อ, Example: เขาพูดเพ้อเจ้อมาหลายชั่วโมงแล้วจนฉันชักจะรำคาญ, Thai Definition: อาการที่พูดมากในเรื่องที่เหลวไหลไร้สาระ |
พ้องต้องกัน | (v) be identical, See also: be the same, Syn. พ้องกัน, ต้องกัน, ตรงกัน, Ant. ต่างกัน, แตกต่างกัน, Example: ของอย่างนี้มันพ้องต้องกันได้ เพราะใครต่างก็ซื้อมาใช้เหมือนกัน |
โรคแพ้อากาศ | (n) sinusitis, Syn. โรคไซนัสอักเสบ, Example: คนทั่วไปเรียกโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ว่า โรคแพ้อากาศ ซึ่งเป็นคำที่เรียกผิด เพราะผู้ป่วยไม่ได้แพ้อากาศที่หายใจ แต่แพ้ของที่ปะปนอยู่ในอากาศ |
ความเห็นพ้อง | (n) agreement, See also: consent, approval, compliance, unanimity, Syn. ความเห็นด้วย, Ant. การปฏิเสธ, การโต้แย้ง, การคัดค้าน, การท้วงติง, การติง, Example: ทั้งลักกี้และแลนสกี้มีความเห็นพ้องต้องกันว่า เบนจามินมีความผิด, Thai Definition: ความคิดเห็นไปในทำนองเดียวกัน |
ตัดพ้อต่อว่า | (v) complain, See also: remonstrate, blame, Example: หล่อนตัดพ้อต่อว่าเขาที่ไม่ค่อยมีเวลามาหาลูกๆ, Thai Definition: ต่อว่าด้วยความน้อยใจ |
ผิดพวกผิดพ้อง | (adv) heterogeneously, See also: variously, Example: เขาสูงใหญ่ผิดพวกผิดพ้องคงจะเป็นเพราะเขาชอบเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจอยู่คนเดียว, Thai Definition: อย่างที่ไม่เหมือนหรือต่างออกไปจากพวกในกลุ่มเดียวกัน |
คำพ้องความหมาย | (n) synonym, Example: คำพ้องความหมายแต่ละคำ ไม่สามารถใช้แทนกันได้ทุกคำ แต่จะใช้ในโอกาสต่างๆ กัน, Count Unit: คำ, Thai Definition: คำที่มีความหมายตรงกันหรือซ้ำกันแต่มีรูปเขียนหรือเสียงอ่านต่างกัน |
เล่นพวกเล่นพ้อง | (v) play favoritism, See also: favour one's friends, Syn. เล่นพวก, เล่นพรรคเล่นพวก, Example: ีเขามักจะเล่นพวกเล่นพ้องเสมอ ใครๆ ก็รู้, Thai Definition: ถือเอาพวกพ้องของตนเป็นใหญ่และสำคัญ |
เห็นพ้องต้องกัน | (v) all agree, See also: express approval, give consent, view favorably, Example: ประเทศส่วนใหญ่ในโลกเห็นพ้องต้องกันให้ใช้กฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครองโปรแกรมคอมพิวเตอร์, Thai Definition: มีความเห็นตรงกันหรือเป็นไปในแนวทางเดียวกัน |
กระพ้อม | น. พ้อม. |
กะพล้อ, กะพ้อ ๑ | น. กระบอกไม้ไผ่มีด้ามยาวในตัว ใช้สำหรับตักน้ำปลาหรือน้ำตาลสดเป็นต้น. |
กะพ้อ ๒ | น. ชื่อปาล์มขนาดย่อมในสกุล Licuala วงศ์ Palmae มีหลายชนิด เช่น ชนิด L. spinosa Thunb. มักขึ้นเป็นกออยู่ริมทะเล หรือในที่ซึ่งนํ้าเค็มขึ้นถึง ลำต้นสูงถึง ๔ เมตร ใบกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง ๖๐-๑๑๐ เซนติเมตร เว้าเป็นแฉกลึก ก้านใบยาว ขอบก้านมีหนาม, ชนิด L. peltata Roxb. ขึ้นตามป่าดอนในที่ชุ่มชื้นและที่แฉะ ลักษณะคล้ายชนิดแรก แต่ก้านใบลํ้าอยู่ใต้โคนใบ ทั้ง ๒ ชนิดใบใช้ห่อทำไต้ ห่อของ เย็บเป็นร่ม มุงหลังคาชั่วคราว ใบอ่อนใช้มวนบุหรี่, กะชิง ก็เรียก, ปักษ์ใต้เรียก ชิง หรือ ชิ่ง, ปาล์มพวกนี้เรียก พ้อ ก็มี เช่น ใบพ้อพันห่อหุ้ม กฤษณา (โลกนิติ). |
กะพ้อ ๓ | น. ชื่อนกชนิดหนึ่ง. |
ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย | ถ้าไม่ใช่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายของตน ก็ไม่ควรไว้วางใจใคร, ทำนองเดียวกับภาษิตที่ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง. |
คำพ้องความ | น. คำที่เขียนต่างกันแต่มีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันมาก เช่น โคกับวัว ควายกับกระบือ มนุษย์กับคน, ไวพจน์ ก็ว่า. |
คำพ้องรูป | น. คำที่เขียนเหมือนกันแต่มีความหมายต่างกัน เช่น ขัน (น้ำ) กับ (ไก่) ขัน คู (ร่องน้ำ) กับ (นกเขา) คู. |
คำพ้องเสียง | น. คำที่ออกเสียงเหมือนกันแต่เขียนต่างกันและมีความหมายต่างกัน เช่น ใส-ไส-ไสย กาน-กาล-การ-การณ์, (โบ) ในหนังสือแบบเรียนภาษาไทยของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เรียกคำพ้องเสียงว่า ไวพจน์. |
จันทน์กะพ้อ | น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Vatica diospyroides Symington ในวงศ์ Dipterocarpaceae ขึ้นตามป่าดิบทางปักษ์ใต้และปลูกกันตามบ้าน ดอกขาว หอมคล้ายนํ้ามันจันทน์. |
เจ้าพ่อ | น. เทพารักษ์ผู้คุ้มเกรงถิ่นนั้น ๆ, ผู้เป็นใหญ่หรือมีอิทธิพลในถิ่นนั้น. |
เจ้าพ่อหลวง | น. คำที่ชาวไทยภูเขาใช้เรียกพระมหากษัตริย์. |
ตัดพ้อ | ก. พูดต่อว่าด้วยความน้อยใจ, พ้อ หรือ ตัดพ้อต่อว่า ก็ใช้. |
ตัดหนามอย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก | ก. ทำลายให้หมดสิ้น ไม่ให้เหลือลูกหลานไว้สืบเชื้อสาย. |
ประเพ้อ | ก. เพ้อ. |
ผิดพ้องหมองใจ | ก. ขุ่นเคืองใจ. |
ผิดพ่อผิดแม่ | ว. แตกต่างไปจากพ่อแม่. |
พร่ำเพ้อ | ก. รำพัน. |
พวกพ้อง | น. หมู่ญาติ, เพื่อนฝูง. |
พ่อ | น. ชายผู้ให้กำเนิดแก่ลูก |
พ่อ | คำที่ลูกเรียกชายผู้ให้กำเนิดหรือเลี้ยงดูตน |
พ่อ | คำที่ผู้ใหญ่เรียกผู้ชายที่มีอายุน้อยกว่าด้วยความสนิทสนมหรือรักใคร่เป็นต้นว่า พ่อนั่น พ่อนี่ |
พ่อ | คำใช้นำหน้านามเพศชาย แปลว่า ผู้เป็นหัวหน้า เช่น พ่อเมือง |
พ่อ | ผู้ชายที่กระทำกิจการหรืองานอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ค้าขาย เรียกว่า พ่อค้า ทำครัว เรียกว่า พ่อครัว |
พ่อ | เรียกสัตว์ตัวผู้ที่มีลูก เช่น พ่อม้า พ่อวัว. |
พ่อเกลอ | น. เพื่อนร่วมนํ้าสบถของพ่อ. |
พ่อขุน | น. กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ในสมัยสุโขทัย. |
พ่อครัว | น. หัวหน้าครอบครัว. |
พ่อคุณ | น. คำพูดเอาใจชายหรือแสดงความเอ็นดูรักใคร่เด็กชาย. |
พ่อเจ้า | ส. คำเรียกพ่อเมืองหรือเจ้าผู้ครองนคร, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒. |
พ่อเจ้าประคุณ | คำเรียกแสดงความรักใคร่หรือประชดประชัน แล้วแต่น้ำเสียง (ใช้แก่ผู้ชาย) เช่น โถ ! พ่อเจ้าประคุณของย่า เจ็บไหม ทำไมไม่นอนที่โรงละครเลยล่ะพ่อเจ้าประคุณ. |
พ่อแจ้แม่อู | ว. พันทาง, ต่างพันธุ์กัน. |
พ่อตา | น. พ่อของเมีย. |
พ่อบ้าน | น. ชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัว, ชายผู้จัดการงานในบ้านเป็นต้น, ชายผู้จัดการงานธุรการในสถานที่เช่นโรงพยาบาลเป็นต้น, คู่กับ แม่บ้าน. |
พ่อพวงมาลัย | น. ชายที่ปล่อยชีวิตตามสบาย ไม่ยอมตั้งตัวหรือทำการงานเป็นหลักฐาน. |
พ่อพันธุ์ | น. สัตว์ตัวผู้ที่ใช้ผสมพันธุ์. |
พ่อม่าย | น. ชายที่มีเมียแล้ว แต่เมียตายหรือหย่าร้างกันไป. |
พ่อเมือง | น. ผู้ที่ชาวเมืองยกขึ้นเป็นเจ้าเมือง. |
พ่อร้าง | น. ชายผู้เลิกกับเมีย. |
พ่อเรือน | น. พลเรือน. |
พ่อลิ้นทอง | น. คนที่พูดดี พูดเก่ง หรือพูดคล่องน่าฟัง. |
พ่อเล้า | น. ผู้ชายผู้เป็นหัวหน้าเลี้ยงหญิงสาวไว้บำเรอชาย. |
พ่อเลี้ยง | น. ผัวของแม่ แต่ไม่ใช่พ่อตัว |
พ่อเลี้ยง | ชายผู้มีฐานะดีและได้รับความนับถือในสังคม, ผัวของแม่เลี้ยง. |
พ่อสื่อ | น. ชายที่ทำหน้าที่ชักนำชายหญิงให้พบรู้จักรักใคร่และแต่งงานกัน, ชายผู้ช่วยเหลือให้คู่รักได้ติดต่อหรือพบปะกัน. |
พ่อหลวง | น. ผู้ใหญ่บ้าน |
พ่อหลวง | สมภาร, เจ้าอาวาส. |
พ้อ ๑ | ก. พูดต่อว่าด้วยความน้อยใจ, ตัดพ้อ หรือ ตัดพ้อต่อว่า ก็ใช้. |
พ้อ ๒ | ดู กะพ้อ ๒. |
พ่อค้าตีเมีย | ดู กับแก้ ๑. |
พ้อง | ว. ต้องกัน, ตรงกัน, ซํ้ากัน, เช่น พ้องรูป พ้องเสียง พ้องความ เห็นพ้องด้วย ชื่อพ้องกัน. |
resonant frequency | ความถี่สั่นพ้อง [สัทศาสตร์ ๘ มี.ค. ๒๕๔๕] |
resonance | การสั่นพ้อง, การกำธร [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
resonance | การสั่นพ้อง [สัทศาสตร์ ๘ มี.ค. ๒๕๔๕] |
resonance frequency; resonant frequency | ความถี่พ้อง, ความถี่เรโซแนนซ์ [พลังงาน ๒๖ ม.ค. ๒๕๔๕] |
resonance, vocal | การสั่นพ้องเสียงพูด, การกำธรเสียงพูด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
resonant frequency; resonance frequency | ความถี่พ้อง, ความถี่เรโซแนนซ์ [พลังงาน ๒๖ ม.ค. ๒๕๔๕] |
resolution, concurrent | มติพ้อง (อเมริกัน) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
subdelirium | อาการเพ้อคลั่งอย่างอ่อน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
simulation | ๑. การแสร้งป่วย, การเลียน(อาการ)โรค [ มีความหมายเหมือนกับ malingering; pathomimesis; pathomimia; pathomimicry ]๒. อาการโรคพ้อง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
synonym | ชื่อพ้อง [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] |
synonymy | ชุดชื่อพ้อง [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] |
opinion, concurring | ความเห็นพ้อง (ที่มีเหตุผลแตกต่างกัน) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
alcohol withdrawal delirium; delirium tremens | โรคสั่นเพ้อเหตุขาดสุรา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
ad idem (L.) | อย่างเดียวกัน, พ้องต้องกัน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
asthma, food | โรคหืดแพ้อาหาร [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
allergy, food | ภูมิแพ้อาหาร [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
concurrent insurance | การประกันภัยพ้อง [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] |
concurrent majority | เสียงส่วนใหญ่ที่เห็นพ้อง [ ดู concurrent voice ประกอบ ] [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
consensus at idem (L.); consensus in idem (L.) | การเห็นพ้องต้องกันของคู่กรณี (ในสาระสำคัญของสัญญา) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
consensus in idem (L.); consensus at idem (L.) | การเห็นพ้องต้องกันของคู่กรณี (ในสาระสำคัญของสัญญา) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
concurrent cause | เหตุพ้องกัน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
concurrent resolution | มติพ้อง (อเมริกัน) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
concurrent voice | เสียงที่เห็นพ้อง [ ดู concurrent majority ประกอบ ] [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
concurring opinion | ความเห็นพ้อง (ที่มีเหตุผลแตกต่างกัน) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
day dream | การคิดเพ้อฝัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
dream, day | การคิดเพ้อฝัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
dissent | ไม่เห็นพ้อง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
delirium | อาการเพ้อ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
delirium tremens; delirium, alcohol withdrawal | โรคสั่นเพ้อเหตุขาดสุรา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
delirium, alcohol withdrawal; delirium tremens | โรคสั่นเพ้อเหตุขาดสุรา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
delirium, febrile | อาการเพ้อเหตุไข้ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
febrile delirium | อาการเพ้อเหตุไข้ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
formant | กลุ่มความถี่สั่นพ้อง(ของช่องเสียง) [สัทศาสตร์ ๘ มี.ค. ๒๕๔๕] |
formant frequency | ความถี่สั่นพ้อง(ของช่องเสียง) [สัทศาสตร์ ๘ มี.ค. ๒๕๔๕] |
fancy | ความเพ้อฝัน [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕] |
fantasy | ความเพ้อฝัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
food allergy | ภูมิแพ้อาหาร [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
food asthma | โรคหืดแพ้อาหาร [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
voice, concurrent | เสียงที่เห็นพ้อง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
vocal resonance | การสั่นพ้องเสียงพูด, การกำธรเสียงพูด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
tautomenial | -มีระดูพ้อง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
homonym | คำพ้องรูปพ้องเสียง [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕] |
homonymous | -ชื่อพ้องกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
homophone | คำพ้องเสียง [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕] |
homograph | คำพ้องรูป [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕] |
non-concurrent insurance | การประกันภัยไม่พ้องกัน [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] |
Synonyms and antonyms dictionary | พจนานุกรมคำพ้องและคำตรงข้าม [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] |
Food allergy | การแพ้อาหาร [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] |
Delirium | ภาวะเพ้อ [TU Subject Heading] |
Food Hypersensitivity | การแพ้อาหาร [TU Subject Heading] |
Microsoft PowerPoint (Computer file) | ไมโครซอฟต์ เพาเวอร์พ้อยท์ (แฟ้มข้อมูลคอมพิวเตอร์) [TU Subject Heading] |
Approbation | การที่รัฐหนึ่งใดมีทัศนคติในทางพึงพอใจและเห็น พ้องด้วยกับบทบัญญัติในสนธิสัญญาหนึ่งใด ซึ่งรัฐนั้นมิได้เป็นภาคีคู่สัญญานั้นแต่อย่างใด [การทูต] |
consensus | ฉันทามติ หมายถึง แนวปฏิบัติในการตัดสินใจที่จะมีมติดำเนินการหรือไม่ดำเนินการในเรื่องใด เรื่องหนึ่ง โดยแม้ทุกฝ่ายจะมิได้เห็นพ้องร่วมกัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดคัดค้าน [การทูต] |
Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] |
North Atlanitc Treaty Organization | องค์การนาโต้ หรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ซึ่งได้ลงนามกันเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1949 ประเทศสมาชิกขณะเริ่มตั้งองค์การครั้งแรก ได้แก่ ประเทศเบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักแซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ ปอร์ตุเกส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ต่อมาประเทศกรีซและตรุกีได้เข้าร่วมเป็นภาคีของสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1952 และเยอรมนีตะวันตก ( ในขณะนั้น) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1955 สนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1949ในภาคอารัมภบทของสนธิสัญญา ประเทศภาคีได้ยืนยันเจตนาและความปรารถนาของตน ที่จะอยู่ร่วมกันโดยสันติกับประเทศและรัฐบาลทั้งหลาย ที่จะปกป้องคุ้มครองเสรีภาพมรดกร่วม และอารยธรรมของประเทศสมาชิกทั้งมวล ซึ่งต่างยึดมั่นในหลักการของระบอบประชาธิปไตย เสรีภาพส่วนบุคคลหลักนิติธรรม ตลอดจนจะใช้ความพยายามร่วมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อป้องกันประเทศ และเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงในสนธิสัญญาดังกล่าว บทบัญญัติที่สำคัญที่สุดคือข้อ 5 ซึ่งระบุว่า ประเทศภาคีสนธิสัญญาทั้งหลายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า หากประเทศภาคีหนึ่งใดหรือมากกว่านั้น ในทวีปยุโรปหรือในอเมริกาเหนือ ถูกโจมตีด้วยกำลังอาวุธ จักถือว่าเป็นการโจมตีต่อประเทศภาคีทั้งหมด ฉะนั้น ประเทศภาคีจึงตกลงกันว่า หากมีการโจมตีด้วยกำลังอาวุธเช่นนั้นเกิดขึ้นจริง ประเทศภาคีแต่ละแห่งซึ่งจะใช้สิทธิในการป้องกันตนโดยลำพังหรือร่วมกัน อันเป็นที่รับรองตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ จะเข้าช่วยเหลือประเทศภาคีแห่งนั้นหรือหลายประเทศซึ่งถูกโจมตีด้วยกำลัง อาวุธในทันทีองค์กรสำคัญที่สุดในองค์การนาโต้เรียกว่า คณะมนตรี (Council) ประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศภาคีสนธิสัญญานาโต้ คณะมนตรีนี้จะจัดตั้งองค์กรย่อยอื่น ๆ หลายแห่ง รวมทั้งกองบัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรภาคพื้นยุโรปและภาคพื้น แอตแลนติก สำนักงานใหญ่ขององค์การนาโต้ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส [การทูต] |
New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] |
Open Diplomacy | คือการทูตแบบเปิดเผย อดีตประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน แห่งสหรัฐอเมริกา เป็นบุคคลที่สนับสนุนและเผยแพร่วิธีการทูตแบบเปิดเผยอย่างเต็มที่ หวังจะให้ชุมชนนานาชาติพร้อมใจกันสนับสนุนการทูตนี้เช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1918 วูดโรว์ วิลสัน ได้ประกาศให้โลกทราบนโยบายของท่าน 14 ข้อ ข้อหนึ่งในจำนวนนั้นท่านปรารถนาว่า ในอนาคตประเทศต่าง ๆ ควรจะทำความตกลงกันเกี่ยวกับเรื่องสันติภาพอย่างเปิดเผย และต่อไปไม่ควรจะมีการเจรจาทำความตกลงระหว่างประเทศแบบลับเฉพาะอย่างใดทั้ง สิ้นแม้ว่าโดยทั่วไปจะเห็นพ้องด้วยกับนโยบายข้อแรกของ วูดโรว์ วิลสัน คือ ความตกลงหรือสนธิสัญญาใด ๆ เมื่อตกลงเสร็จสิ้นแล้ว ให้ประกาศเปิดเผยให้โลกทราบ แต่สำหรับข้องสองคือการเจรจาในระหว่างทำสนธิสัญญาให้กระทำกันอย่างเปิดเผย นั้น ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะเห็นว่าลำพังการเจรจานั้น โดยสารัตถะสำคัญแล้วควรจะถือเป็นความลับไว้ก่อนจนกว่าจะเสร็จการเจรจา ทั้งนี้ เซอร์เดวิด เคลลี่ อดีตนักการทูตอังกฤษเคยให้ทรรศนะว่า การทูตแบบเปิดเผยนั้นเป็นถ้อยคำที่ขัดกันในตัว คือหากกระทำกันอย่างเปิดเผยเสียแล้วก็ไม่ใช่การทูตเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาตรา 102 ของกฎบัตรสหประชาชาติได้บัญญัติว่า ?1. สนธิสัญญาทุกฉบับ และความตกลงระหว่างประเทศทุกฉบับ ซึ่งสมาชิกใด ๆ แห่งสหประชาชาติได้เข้าเป็นภาคี ภายหลังที่กฎบัตรปัจจุบันได้ใช้บังคับ จักต้องจดทะเบียนไว้กับสำนักเลขาธิการโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจักได้พิมพ์ขึ้นโดยสำนักงานนี้ 2. ภาคีแห่งสนธิสัญญา หรือความตกลงระหว่างประเทศเช่นว่าใด ซึ่งมิได้จดทะเบียนไว้ตามบทบัญญัติในวรรคหนึ่งข้อนี้ ไม่อาจยกเอาสนธิสัญญาหรือความตกลงนั้น ๆ ขึ้นกล่าวอ้างต่อองค์กรใด ๆ ของสหประชาชาติ? [การทูต] |
Potsdam Proclamation | คือคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดม ออกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 โดยหัวหน้าคณะรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และจีน ลงนามโดยประธานาธิบดีของรัฐบาลจีนคณะชาติ เป็นคำประกาศเมื่อตอนใกล้จะเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฝ่ายสัมพันธมิตรดังกล่าวกำลังทำสงครามขับเคี่ยวอยู่กับฝ่ายญี่ปุ่น พึงสังเกตว่า สหภาพโซเวียต ในตอนนั้นมิได้มีส่วนร่วมในการออกคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดมแต่อย่างใดโดยแท้จริงแล้ว คำประกาศนี้เท่ากับเป็นการยื่นคำขาดให้ฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกเอาว่าจะทำ การสู้รบต่อไป หรือจะยอมจำนนเพื่อยุติสงคราม คำประกาศได้เตือนอย่างหนักแน่นว่า หากญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะสู้รบต่อไป แสนยานุภาพอันมหาศาลของสัมพันธมิตรก็จะมุ่งหน้าโจมตีบดขยี้กองทัพและประเทศ ญี่ปุ่นให้แหลกลาญ แต่หากว่าญี่ปุ่นยอมโดยคำนึงถึงเหตุผล ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้ตั้งเงื่อนไขไว้หลายข้อ สรุปแล้วก็คือ ลัทธิถืออำนาจทหารเป็นใหญ่จะต้องถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปจากโลกอำนาจและอิทธิพล ของบรรดาผู้ที่ชักนำให้พลเมืองญี่ปุ่นหลงผิด โดยกระโจนเข้าสู่สงครามเพื่อครองโลกนั้น จะต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก รวมทั้งพลังอำนาจในการก่อสงครามของญี่ปุ่นด้วยจุดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด จะต้องถูกยึดครองไว้จนกระทั่งได้ปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายของสัมพันธมิตรเป็นผล สำเร็จแล้ว อำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นให้จำกัดอยู่เฉพาะภายในเกาะฮอนซู ฮ็อกไกโด กิวชู ชิโกกุ และเกาะเล็กน้อยอื่น ๆ ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด อาชญากรสงครามทุกคนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาล รวมทั้งที่ทำทารุณโหดร้ายต่อเชลยศึกของสัมพันธมิตร รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องกำจัดสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการรื้อฟื้น และเสริมสร้างความเชื่อถือในหลักประชาธิปไตยในระหว่างพลเมืองญี่ปุ่น และจัดให้มีเสรีภาพในการพูด การนับถือศาสนา และในการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนการเคารพสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการด้านอุตสาหกรรมที่จะเกื้อกูลต่อภาวะ เศรษฐกิจของประเทศ และความสามารถที่จะชำระค่าปฏิกรรมสงคราม แต่จะไม่ยอมให้คงไว้ซึ่งกิจการอุตสาหกรรมชนิดที่จะช่วยให้ญี่ปุ่นสร้างสม อาวุธเพื่อทำสงครามขึ้นมาอีก ในทีสุด กำลังทหารสัมพันธมิตรจะถอนตัวออกจากประเทศญี่ปุ่นในทันทีที่จุดประสงค์ต่าง ๆ ได้บรรลุผลเรียบร้อยแล้ว ในตอนท้ายของเงื่อนไข สัมพันธมิตรได้เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข เสียโดยไว [การทูต] |
Southeast Asia Collective Defense Treaty (Mahila Pact) | สนธิสัญญาซีโต้ สนธิสัญญานี้ได้มีการลงนามกัน ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1954 ประเทศที่ลงนามในสนธิสัญญามีประเทศออสเตรเลีย ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ประเทศไทย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา สนธิสัญญาได้มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955ในภาคอารัมภบทของสัญญานี้ บรรดาประเทศสมาชิกต่างแสดงความปรารถนาที่จะประสานความพยายามของตนที่จะ ป้องกันร่วมกัน เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคง โดยเฉพาะข้อ 4 ของสนธิสัญญาเป็นข้อสำคัญที่สุด คือ แต่ละประเทศภาคีคู่สัญญาตกลงเห็นพ้องกันว่า หากดินแดนของประเทศใดถูกรุกรานจาการโจมตีด้วยกำลังอาวุธ ประเทศภาคีทั้งหมดที่เหลือจะถือว่าเป็นอันตรายร่วมกัน และจะปฏิบัติการเพื่อเผชิญหน้ากับอันตรายร่วมกัน หรือถ้าหากพื้นที่ภายในเขตครอบคลุมของสนธิสัญญาถูกคุกคามด้วยประการใด ๆ ประเทศภาคีทั้งหมดจะปรึกษากันในทันที เพื่อตกลงในมาตรการเพื่อการป้องกันร่วมกันสำนักงานใหญ่ขององค์การซีโต้ตั้ง อยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองของโลกได้เปลี่ยนไปมากทำให้องค์การซีโต้หมดความ จำเป็น และได้ยุบเลิกไปนานแล้ว [การทูต] |
Anaphylaxia | การแพ้อย่างรุนแรง [การแพทย์] |
Anaphylaxis, Severe Allergic | การแพ้อย่างรุนแรง [การแพทย์] |
Anti-Inflammatory | ยาแก้แพ้, ยาต่อต้านการอักเสบ, ตัวต่อต้านการอักเสบ, ยาระงับการอักเสบ, ลดการอักเสบ, การลดการอักเสบ, ป้องกันการแพ้อักเสบ, ฤทธิ์ในทางลดการอักเสบ, มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ [การแพทย์] |
Compet | พ้อง [การแพทย์] |
Crossed | พ้องกัน [การแพทย์] |
Delirium | อาการเพ้อคลั่ง, เพ้อ, การเพ้อ, เพ้อคลั่ง, เอะอะโวยวายพูดกันไม่รู้เรื่อง [การแพทย์] |
Delirium Trements | โรคสั่นและเพ้อ [การแพทย์] |
Delirium, Febrile | ไข้สูงแล้วเพ้อ [การแพทย์] |
Delirium, Toxic | อาการเพ้อคลั่ง [การแพทย์] |
Fantasy | มโนภาพ, มโนคติ, การคิดฝัน, ความเพ้อฝัน [การแพทย์] |
Fantasy World | โลกแห่งความเพ้อฝัน [การแพทย์] |
Favorite Playing | อภิบาลพวกพ้อง [การแพทย์] |
Food Allergy | แพ้อาหาร, การแพ้อาหาร, โรคแพ้อาหาร [การแพทย์] |
resonance | การสั่นพ้อง, เรโซแนนซ์, ปรากฎการณ์เมื่อระบบถูกทำให้สั่นด้วยความถี่เท่ากับความถี่ธรรมชาติของระบบเองแล้ว การสั่นนั้นจะสั่นได้รุนแรงหรือมีช่วงกว้างของการสั่นกว้างมากที่สุด [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] |
resonance tube | หลอดเรโซแนนซ์, อุปกรณ์ทดลองเกี่ยวกับการเกิดการสั่นพ้องของเสียง [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] |
Incoherence | พูดเรื่องเดียวไม่ต่อเนื่องกัน การพูดเพ้อเจ้อ [การแพทย์] |
Insulin Allergy | การแพ้อินสุลิน [การแพทย์] |
Jargon | พูดเพ้อเจ้อ, แสดงท่าทางเสมือนหนึ่งว่าเข้าใจ [การแพทย์] |
เห็นพ้องต้องกัน | [hen phøng tǿng kan] (v, exp) EN: all agree ; express approval ; give consent ; view favorably |
หัวหน้าพ่อครัว | [hūanā phøkhrūa] (n) EN: chief FR: chef [ m ] |
เจ้าพ่อ | [jaophø] (n) EN: mogul ; godfather FR: nabab [ m ] ; parrain [ m ] |
กำพร้าพ่อ | [kamphrā phø] (adj) EN: fatherless FR: orphelin du père |
การเห็นพ้องต้องกัน | [kān hen phøng tǿng kan] (n, exp) EN: consensus FR: consensus [ m ] |
กะพ้อ | [kaphø] (n) EN: water tube |
กะพ้อหนาม | [kaphø nām] (n, exp) EN: Mangrove fan palm |
คำพ้อง | [kham phøng] (n) EN: synonym FR: synonyme [ m ] |
คำพ้องเสียง | [kham phøng sīeng] (n) EN: homophone FR: homophone [ m ] |
คุณพ่อ | [khun phø] (n, exp) EN: father FR: père [ m ] |
เล่นพวกเล่นพ้อง | [lenphūak len phøng] (v, exp) EN: play favoritism ; favour one's friends |
หลวงพ่อ | [Lūang Phø] (n, prop) EN: Reverend Father ; venerable bhikku ; elder monk |
ลูกไม่มีพ่อ | [lūk mai mī phø] (n, exp) FR: enfant naturel [ m ] |
ไม่เห็นพ้อง | [mai hen phøng] (v, exp) EN: disagree |
พืชต้นพ่อ | [pheūt ton phø] (n, exp) FR: plante mâle [ m ] |
ผีเสื้อพ่อมด | [phīseūa phø mot] (n, exp) EN: Wizard |
ผิดพ้องหมองใจ | [phitphøng-møngjai] (v) EN: have a difference ; have dissensions ; have differences of opinion ; be estranged ; be at odds ; offend ; be discordant ; displease ; estrange ; be gloomy |
ผิดพ่อผิดแม่ | [phitphø-phitmaē] (v) EN: be different from one's parents ; mutate |
ผิดพ่อผิดแม่ | [phitphø-phitmaē] (x) EN: unlike one's parents |
ผิดพวกผิดพ้อง | [phit phūak phit phøng] (adv) EN: heterogeneously ; variously |
พ่อ | [phø] (n) EN: father ; dad ; daddy ; papa FR: père [ m ] ; papa [ m ] ; paternel (fam.) [ m ] ; vieux (fam.) [ m ] |
พ้อ | [phø] (v) EN: complain ; blame ; grumble |
พ่อบ้าน | [phøbān] (n) EN: head of the household ; head of the family FR: chef de famille [ m ] |
พ่อบุญธรรม | [phø buntham] (n, exp) EN: adoptive father FR: père adoptif [ m ] |
เพ้อ | [phoē] (v) EN: speak incoherently ; ramble ; speak nonsense ; wander in one's talk ; be in a delirium ; have hallucinations FR: délirer |
เพ้อ | [phoē] (v) EN: drivel ; rave |
เพ้อฝัน | [phoēfan] (v) EN: fancy ; imagine |
เพ้อฝัน | [phoēfan] (adj) EN: fanciful ; imaginary |
เพ้อเจ้อ | [phoējoē] (v) EN: drivel ; blather ; babble ; prate FR: délirer ; divaguer |
เพ้อคลั่ง | [phoēkhlang] (v) EN: be mad ; be crazy ; be crazed ; be insane ; be morbid FR: être fanatique |
เพ้อคลั่ง | [phoēkhlang] (adj) EN: delirious ; deranged ; unhinged |
พ่อกะแม่ | [phø ka maē] (n, exp) EN: dad and mum |
พ่อกับแม่ | [phø kap maē] (n, exp) EN: father and mother FR: père et mère |
พ่อค้า | [phøkhā] (n) EN: merchant ; trader ; businessman ; tradesman FR: marchand [ m ] ; négociant [ m ] ; commerçant [ m ] ; homme d'affaires [ m ] |
พ่อค้าขายปลีก | [phøkhā khāiplīk] (n) EN: retailer ; small retailer FR: détaillant [ m ] ; petit détaillant [ m ] |
พ่อค้าขายส่ง | [phøkhā khāisong] (n) EN: wholesale dealer ; wholesaler FR: grossiste [ m ] |
พ่อค้าของชำ | [phøkhā khøngcham] (n) EN: grocer FR: épicier [ m ] |
พ่อค้าคนกลาง | [phøkhā khonklāng] (n) EN: middleman ; intermediary ; go-between FR: intermédiaire [ m ] |
พ่อค้าเหมา | [phøkhā mao] (n) EN: wholesale dealer ; wholesaler FR: grossiste [ m ] |
พ่อค้าเพชรพลอย | [phøkhā phetphløi] (n, exp) EN: jeweller FR: joaillier [ m ] |
พ่อค้าปลีก | [phøkhā plīk] (n) EN: retailer ; shopkeeper FR: détaillant [ m ] |
พ่อค้าเร่ | [phøkhā rē] (n) EN: travelling salesman ; peddler ; pedlar ; hawker FR: colporteur [ m ] ; marchand ambulant [ m ] |
พ่อค้าส่งออก | [phøkhā song-øk] (n) EN: exporter FR: exportateur [ m ] |
พ่อค้าย่อย | [phøkhā yǿi] (n, exp) EN: retailer ; small retailer FR: détaillant [ m ] ; petit détaillant [ m ] |
พ่อครัว | [phøkhrūa] (n, exp) EN: master of the kitchen ; cook ; chef ; chef de cuisine FR: cuisinier [ m ] ; chef [ m ] ; cuistot [ m ] (fam.) |
พ่อขุน | [phøkhun] (n) EN: sovereign ; king |
พ่อคุณ | [phøkhun] (n) EN: my good man FR: mon bon monsieur ; cher monsieur |
พ่อเลี้ยง | [phølīeng] (n) EN: stepfather FR: beau-père [ m ] |
พ่อแม่ | [phømaē] (n) EN: parents ; father and mother FR: parents [ mpl ] ; père et mère [ mpl ] ; vieux (fam.) [ mpl ] |
พ่อม่าย | [phømāi] (n) EN: widower FR: veuf [ m ] |
acceptance | (n) การเห็นพ้องกับ, See also: การเห็นด้วยกับ, Syn. agreement |
accordance | (n) การยอมรับร่วมกัน, See also: การเห็นพ้องต้องกัน, Syn. agreement, conformity, harmony |
according | (adj) ที่ยอมรับร่วมกัน, See also: ที่เห็นด้วย, ที่เห็นพ้องต้องกัน, Syn. agreeing |
acquiescence | (n) การยอมตาม, See also: การยอมรับ, ความเห็นพ้อง, Syn. submission, resignation |
aerial | (adj) ซึ่งอยู่ในจินตนาการ, See also: เพ้อฝัน, เหนือจริง, Syn. imaginery, unreal |
affirmative | (n) ข้อความที่แสดงการยินยอม, See also: ข้อความที่แสดงการเห็นพ้อง |
affirmative | (adj) ซึ่งแสดงถึงการยินยอม, See also: ซึ่งเห็นพ้อง, Syn. agreeing, affirming, Ant. negative |
agree | (vt) เห็นด้วย, See also: เห็นพ้อง |
agree | (vi) เห็นด้วย, See also: เห็นพ้อง, Syn. harmonize, coincide, concur, accord, conform, Ant. differ, disagree, refuse |
agreement | (n) การเห็นพ้อง, See also: การเห็นด้วย, การเห็นชอบร่วมกัน, การยอมรับร่วมกัน, Syn. complying, accession, agreeing, Ant. disagreeing, disrupting |
agreement | (n) ข้อตกลง, See also: ความตกลง, ความยินยอม, ความเห็นพ้อง, Syn. recognition, approval |
approval | (n) ความเห็นพ้อง, See also: ความยินยอมพร้อมใจ, ความเห็นชอบด้วย |
approve | (vt) เห็นด้วย, See also: เห็นควร, เห็นสมควร, เห็นพ้อง, เห็นชอบ, เห็นดีเห็นชอบ, Syn. affirm, support, ratify, Ant. refect, veto |
accord with | (phrv) เข้ากันกับ, See also: เข้ากับ, เห็นพ้องกับ |
acquiesce in | (phrv) เห็นพ้องกับ, See also: เห็นด้วยกับ, เห็นด้วย, Syn. agree to |
acquiesce to | (phrv) เห็นพ้องกับ, See also: เห็นด้วยกับ, เห็นด้วย, Syn. agree to |
act out | (phrv) แสดง (ความคิด, ความกลัวที่ซ่อนใต้จิตสำนึก, ความเพ้อฝัน) ออกมา, Syn. play out |
against someone's will | (idm) ปราศจากความเห็นพ้อง |
agree about | (phrv) เห็นพ้องกับ, See also: เห็นด้วย, Syn. agree on |
agree on | (phrv) เห็นพ้องกับ, See also: เห็นด้วยใน, ตกลง เรื่อง, Syn. agree about |
agree upon | (phrv) เห็นพ้องกับ, See also: เห็นด้วยใน, ตกลง เรื่อง, Syn. agree about, agree on |
agree with | (phrv) เห็นพ้องกับ, See also: เห็นด้วยใน, ตกลง เรื่อง, Ant. disagree with |
align with | (phrv) ทำให้เห็นพ้องกัน |
assent to | (phrv) เห็นด้วยกับ (มักใช้รูป simple tenses), See also: เห็นพ้องกับ, Syn. agree to |
blitz | (vt) พยายามที่จะครอบงำผู้อื่นเพื่อให้เห็นพ้อง |
brotherhood | (n) พวกพ้องเดียวกัน, Syn. fellowship, Ant. hostility |
be in collusion with | (idm) เห็นพ้องกันอย่างลับๆ กับ (เพื่อทำสิ่งผิด), See also: สมคบคิด, สมรู้ร่วมคิด |
beat someone to his knees | (idm) ทำให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ, See also: ทำให้แพ้อย่างมาก |
bring someone to his knees | (idm) ทำให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ, Syn. come to |
bring together | (phrv) ทำให้เห็นพ้องกัน, See also: ทำให้เห็นด้วย, Syn. come together |
chatter | (vt) พูดพล่าม, See also: พล่าม, เพ้อเจ้อ, Syn. blabber, clack, gabble, gibber, maunder, palaver, piffle, prate, prattle, tattle, tittle-tattle, twaddle |
chatter | (vi) พูดเรื่อยเปื่อย, See also: พูดจ้อ, พูดไร้สาระ, พูดไปเรื่อย, พูดเพ้อเจ้อ, Syn. blabber, clack, gabble, gibber, maunder, palaver, piffle, prate, prattle, tattle, tittle-tattle, twaddle |
chimera | (n) ความเพ้อฝัน, See also: ความฝันหรือความหวังที่ยากจะเป็นจริง, Syn. fancy, figment |
clannish | (adj) ที่รักแต่พวกพ้องตัวเอง, Syn. select, cliquish |
coherent | (adj) ซึ่งสอดคล้อง, See also: ซึ่งเห็นพ้องตรงกัน, ไม่ขัดแย้งในตัวเอง, ซึ่งมีเหตุผล, Syn. consistent, harmonious |
coincide | (vi) พ้องกัน (ความคิด), See also: ตรงกัน, เหมือนกัน, ต้องกัน, Syn. correspond, agree, accord, match, tally, jibe, square, concur, harmonise, harmonize, admit, resemble, Ant. differ, contradict |
coincident | (adj) พ้องกัน, See also: ต้องกัน, สอดคล้องกัน, Syn. coinciding |
coincidently | (adv) อย่างพ้องกัน, See also: อย่างตรงกัน, อย่างสอดคล้องกัน |
concert | (n) การเห็นพ้องร่วมกัน, Syn. agreement, harmony |
concurrence | (n) การเห็นพ้องด้วย, Syn. agreement, concurrency |
concurrency | (n) การเห็นพ้องด้วย, Syn. agreement, concurrence |
concurrent | (adj) ที่เห็นพ้องต้องกัน, Syn. agreeing, harmonious |
chaw up | (phrv) ทำให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ |
compound with | (phrv) เห็นพ้องกับ |
conform to | (phrv) สอดคล้องกับ, See also: เห็นพ้องกับ, เข้ากันได้กับ, Syn. comply with |
conform with | (phrv) สอดคล้องกับ, See also: เห็นพ้องกับ, เข้ากันได้กับ, Syn. comply with |
cow someone into submission | (idm) บังคับให้เห็นด้วย, See also: เห็นพ้องด้วยเพราะว่ากลัว |
differ from | (phrv) ไม่เห็นด้วยกับ, See also: ไม่ลงรอยกับ, ไม่เห็นพ้องกับ, Syn. differ with |
differ with | (phrv) ไม่เห็นด้วยกับ, See also: ไม่เห็นพ้องกับ, Syn. differ from |
down to earth | (idm) เป็นจริง, See also: ทางปฏิบัติ, ตามความจริง, ไม่เพ้อฝัน |
aerial | (แอ' เรียล) adj. เกี่ยวกับอากาศ, อยู่ในอา-กาศ, อยู่สูงในอากาศ, ไม่มีรูปร่าง, เพ้อฝัน, สวยงาม, เจริญได้ดีในที่ที่มีอากาศ, เกี่ยวกับเครื่องบิน. -n. สายอากาศ., Syn. antenna, dreaming |
affirm | (อะเฟิร์ม') vt. ยืนยัน, เห็นพ้อง, อนุมัติ, พิสูจน์เป็นความจริง, รับรอง, Syn. state, assert |
agree | (อะกรี') vt., vi. ตกลง, เห็นพ้อง, ยอมรับ, เห็นด้วย, ยินยอม, สนับสนุน, ตกลงกำหนด, เข้ากันได้, ลงรอย, เหมือน, เหมาะ สมกับ. -agreeingly adv., Syn. concur, comply, assent |
airy | (แอร์' รี) adj. ซึ่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก, โปร่ง, คล่องแคล่ว, เบา, สบายใจ, เพ้อฝัน, จินตนาการ, บนอากาศ, สูง. -airiness n. |
armada | (อาร์มา'ดะ) n. กองเรือรบใหญ่, Armada กองเรือรบสเปญที่พ่ายแพ้อังกฤษในปี ค.ศ.1588 |
autism | (ออ'ทิสซึม) n. การคิดหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง, ความคิดเพ้อฝัน. -autistic adj. |
calenture | (แคล'เลนเชอะ) n. ภาวะไข้สูงและมีอาการเพ้อ |
chimera | (คิเม'ระ) n. สัตว์ประหลาดน่ากลัว, ความเพ้อผัน, พันธุ์ต่อกิ่งผสม, Syn. chimaera |
chimeric | (คิเม'ริเคิล) adj. ไม่จริง, เพ้อฝัน, See also: chimericalness n. |
chimerical | (คิเม'ริเคิล) adj. ไม่จริง, เพ้อฝัน, See also: chimericalness n. |
clan | (แคลน) n. เผ่า, เผ่าพันธุ์, วงศ์, วงศ์ตะกูล, ชาติวงศ์, ครอบครัว, กลุ่มคน, พวก, พ้อง |
clansman | n. สมาชิกของเผ่าพันธ์, พรรคพวก, พวกพ้อง, See also: clansmanship n. ดูclansman |
clobber { clobbered | vt. ตีอย่างแรง, ทุบอย่างแรง, ทำให้แพ้อย่างราบคาบ, ข่มขี่, บังคับ, ทาบน |
clobbering | vt. ตีอย่างแรง, ทุบอย่างแรง, ทำให้แพ้อย่างราบคาบ, ข่มขี่, บังคับ, ทาบน |
clobbers } | vt. ตีอย่างแรง, ทุบอย่างแรง, ทำให้แพ้อย่างราบคาบ, ข่มขี่, บังคับ, ทาบน |
cloud-built | adj. ฝันหวาน, เพ้อฝัน |
coincident | (โคอิน'ซิเดนทฺ) adj. บังเอิญ, พ้องกัน, ต้องกัน, สอดคล้องกัน, ประจวบกัน |
coincidental | adj. บังเอิญ, พ้องกัน, ประจวบกัน, พร้อมกัน |
conceit | (คันซีท') { conceited, conceiting, conceits } n. ความหยิ่ง, ความทะนง, ความถือดี, ความคิด, จินตนาการ, ความเพ้อฝัน, ข้ออุปมาแห่งจินตนาการ vt. จินตนาการ, ติดอกติดใจ, Syn. egoism, egotism, self-esteem, notion, Ant. modesty, diffidence |
concent | (คันเซนทฺ') n. ความเห็นพ้อง, ความลงรอยกัน, Syn. harmony |
concur | (คันเคอร์') { concurred, concurring, concurs } vi. เกิดขึ้นพร้อมกัน อย่างบังเอิญ, ประจวบกัน, เห็นด้วย, เห็นพ้อง, ทำงานร่วมกัน, ให้ความร่วมมือ, สนับสนุน, รวมกัน, Syn. assent, Ant. contend, deny |
concurrence | (คันเคอ'เรินซฺ) n. การบังเกิดขึ้นพร้อมกัน, การประจวบกัน, การเห็นด้วย, การเห็นพ้อง, การให้ความร่วมมือ, การสนับสนุน, จุดบนเส้น 'เส้นหรือมากกว่านั้น, อำนาจร่วมหรือเท่ากัน, Syn. agreement |
consentaneous | (คอยเซนเท'เนียส) adj. ซึ่งเห็นพ้อง, เป็นเอกฉันท์., See also: consentaneousness n. ดูconsentaneous consentaneity n. ดูconsentaneous |
consentient | (คันเซน'เชินทฺ) adj. ซึ่งเห็นพ้อง, ซึ่งเห็นด้วย, |
consistent | (คันซิส'เทินทฺ) adj. มั่นคง, ซึ่งยึดมั่นเหนียวแน่น, เห็นพ้อง, ลงรอยกัน., Syn. according, Ant. inconsistent -Conf. constant |
consonance | (คอน'ซะเนินซฺ) n. ความเห็นพ้อง, ความลงรอยกัน, เสียงประสาน., Syn. consonancy, Ant. dissonance |
delirious | (ดิเลอ'เรียส) adj. เพ้อ, พูดเพ้อ, คุ้มคลั่ง, See also: deliriousness n. ดูdelirious |
delirium | (ดิลี'เรียม) n. อาการเพ้อคลั่ง, ภาวะที่มีอารมณ์ตื่นเต้นมาก |
delusion | (ดิลู'เ??ชิน) n. การลวงตา, การหลอกลวง, ความเชื่อผิด ๆ , ความคิดเพ้อเจ้อ, การเข้าใจผิด, มหันต์ |
disagree | (ดิสอะกรี') { disagreed, disagreeing, disagrees } vi. ไม่เห็นด้วย, ไม่เห็นพ้อง, โต้แย้ง, ทะเลาะ, ไม่เหมาะ, ทำความเสียหายแก่, Syn. dissent, quarrel |
disagreement | (ดิสอะกรี'เมินทฺ) n. ความไม่เห็นด้วย, ความไม่ลงรอยกัน, ความไม่เห็นพ้อง, การทะเลาะ, การโต้แย้ง, Syn. rift |
discomfit | (ดิสคัม'ฟิท) vt., n. (การ) ทำให้พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง, ทำให้ยุ่งเหยิง, ทำให้สับสน., See also: discomfiter n. ดูdiscomfit, Syn. frustrate |
disenchant | (ดิสเอนชานทฺ') vt. แก้เสน่ห์, ทำให้หลุดพ้นจากการถูกผีสิง, ทำให้ไม่เพ้อฝัน, ทำให้พ้นอาการประสาทหลอน., See also: disenchantment n. ดูdisenchant, Syn. disillusion |
dissidence | (ดิส'ซิเดินซฺ) n. ความไม่เห็นด้วย, ความไม่ลงรอยกัน, ความไม่เห็นพ้อง, ข้อเสนอที่แตกต่างหรือขัดแย้ง, Syn. dissent |
dissident | (ดิส'ซิเดินทฺ) n. ซึ่งไม่เห็นด้วย, ซึ่งไม่ลงรอยกัน, ซึ่งมีความเห็นไม่พ้องกัน. n. ผู้ที่ไม่เห็นด้วย, ผู้ที่มีความเห็นไม่พ้องกัน, Syn. protestor, dissenter, nonconformist |
dream | (ดรีม) { dreamed/dreamt, dreaming, dreams } n. ปรารถนา, สิ่งที่สวยงามประดุจฝัน. vi., vt. ฝัน, นึกฝัน, เพ้อฝัน -Phr. (dream up วางแผน) . -adj. ดีเลิศเป็นที่ปรารถนา., See also: dreamer n. dreaminglyadv., Syn. illusion, fantasy, vis |
dreamy | (ดรีม'มี) adj. ชอบเพ้อฝัน, เหมือนฝัน, เลือนลาง, ไม่ชัด, เงียบสงบ, น่าอัศจรรย์, จับใจ, งดงาม., See also: dreamily adv. dreaminess n., Syn. visionary |
factional | (แฟค'เชินเนิล) adj. เกี่ยวกับหมู่ (เหล่า, ก๊ก, พวก, ฝ่าย) , เห็นแก่ตัว, ซึ่งถือพวกถือพ้อง |
fadge | (เฟดจฺ) vt. เหมาะกัน, พ้องกับ, ประสบความสำเร็จ, เจริญ, |
fanciful | (แฟน'ซีฟูล) adj. เพ้อฝัน, ซึ่งนึกฝัน, ไม่จริง., See also: fancifully adv. fancifulness n., Syn. imaginary |
fanciless | (แฟน'ซิลิส) adj. ไร้จินตนาการ, ไร้ความเพ้อฝัน |
fantasia | (แฟนเท'เซีย) n. เพลงเพ้อฝัน, Syn. fancy |
fantasy | (แฟน'ทะซี) n. การจินตนาการ, การนึกฝัน, ความเพ้อฝัน, ผลิตผลของจินตนาการ. vi. จินตนาการ, นึกฝัน |
favor | (ฟะ'เวอะ) n. ความกรุณา, การกระทำที่กรุณา, ความสงเคราะห์, ความประทับใจ, ความนิยม, ความเข้าข้าง, ไมตรีจิต, บุญคุณ, การสนับสนุน, ความเห็นพ้อง, ของขวัญ, ของระลึก, เครื่องหมาย, โบ, สิทธิพิเศษ. -Phr. (in favo (u) r of สนับสนุน, เข้าข้าง) . -Phr. (in one's favo (u) r เพื่อผลประโยชน |
favour | (ฟะ'เวอะ) n. ความกรุณา, การกระทำที่กรุณา, ความสงเคราะห์, ความประทับใจ, ความนิยม, ความเข้าข้าง, ไมตรีจิต, บุญคุณ, การสนับสนุน, ความเห็นพ้อง, ของขวัญ, ของระลึก, เครื่องหมาย, โบ, สิทธิพิเศษ. -Phr. (in favo (u) r of สนับสนุน, เข้าข้าง) . -Phr. (in one's favo (u) r เพื่อผลประโยชน |
freakish | (ฟรีค'คิช) adj. เป็นลายเป็นเส้นที่ประหลาด, ประหลาด, วิตถาร, เพ้อฝัน, ผิดปกติ, นอกลู่, นอกทาง., See also: freakishly adv. freakishness, Syn. grotesque |
friend | (เฟรนดฺ) n. เพื่อน, สหาย, มิตร, พวกพ้อง, ผู้สนับสนุน, ผู้ช่วยเหลือ, คนคุ้นเคย, สมาชิกของกลุ่มหรือสมาคมเดียวกัน. -Phr. (make friends with คบเป็นเพื่อนกับ) . vt. ทำให้เป็นเพื่อน, See also: friendless adj. friendlessness n. -S... |
fun | (ฟัน) n. ความสนุกสนาน, ความขบขัน, เรื่องขบขัน, การหยอกล้อ -Phr. (make fun of, poke fun at หยอกล้อ, หัวเราะเยาะ) vt., vi. เล่นตลก, ล้อเล่น. adj. เกี่ยวกับการหยอกล้อ, เกี่ยวกับการล้อเล่น, เพ้อฝัน, ร่าเริง, Syn. amusement |
grouse | (เกราซฺ) n., (pl. grouse, grouses) ไก่ป่า, n. การบ่น, การตัดพ้อ, คำบ่น vi. บ่น, ตัดพ้อ. |
ideal | (ไอเดียล') n. อุดมคติ, อุดมการณ์ adj. ดีเลิศ, สมบูรณ์, เป็นเพียงความนึกฝัน, เพ้อฝัน, ไม่มีจริง, ไม่เป็นความจริง, เกี่ยวกับอุดมการณ์, เกี่ยวกับอุดมคติ, Syn. fancied, imaginary |
accede | (vi) ยอม, ยอมจำนน, เห็นพ้อง, ยอมตาม, บรรลุ |
affirm | (vi, vt) รับว่าจริง, ยืนยัน, รับรอง, เห็นพ้อง |
ally | (n) พันธมิตร, พรรคพวก, พวกพ้อง |
apostasy | (n) การปลีกตัวออกจากพวกพ้อง, การละทิ้งศาสนา |
apostate | (n) ผู้ปลีกตัวจากพวกพ้อง, ผู้ละทิ้งศาสนา |
assent | (n) การยินยอม, การเห็นพ้องต้องกัน, การยอมรับ, การตกลง |
autism | (n) ความคิดเพ้อฝัน, ความหมกหมุ่น |
autistic | (adj) เพ้อฝัน, หมกหมุ่น |
chimera | (n) สัตว์ประหลาดในนิยาย, ความฝัน, ความเพ้อฝัน, ความเพ้อเจ้อ |
chimerical | (adj เพ้อฝัน, ฝันลมๆ) แล้งๆ, เพ้อเจ้อ |
clansman | (n) พี่น้องร่วมสกุล, พี่น้องร่วมแซ่, พวกพ้อง |
coincide | (vi) ร่วมกัน, พ้องกัน, เกิดขึ้นพร้อมกัน, ลงรอยกัน, เข้ากัน, สอดคล้องกัน, กันตรงกัน |
coincidence | (n) เหตุบังเอิญ, การพ้องกัน, การเกิดขึ้นพร้อมกัน |
coincident | (adj) พ้องกัน, เกิดขึ้นเวลาเดียวกัน, ประจวบกัน, บังเอิญ |
conceit | (n) ความหยิ่ง, ความถือดี, ความทะนงตัว, ความเพ้อฝัน, จินตนาการ |
concert | (n) การแสดงดนตรี, มโหรี, สังคีต, คอนเสิร์ต, การเห็นพ้องต้องกัน, ความร่วมมือ |
concur | (vi) รวมกัน, เห็นด้วย, เห็นพ้อง, พร้อมกัน, ประจวบกัน |
concurrent | (adj) รวมกัน, ประจวบกัน, พร้อมกัน, พ้องกัน |
delirious | (adj) เพ้อ, คลั่ง, คุ้มคลั่ง, บ้า |
delirium | (n) การเพ้อ, ความคุ้มคลั่ง, ความเพ้อคลั่ง |
disagreement | (n) ความไม่เห็นด้วย, ความไม่ลงรอยกัน, ความไม่เห็นพ้อง |
dream | (n) ความฝัน, ความเพ้อฝัน, ความนึกฝัน |
dream | (vi) ฝัน, นึกฝัน, เพ้อฝัน |
dreamy | (adj) เหมือนฝัน, ชอบฝัน, ชอบเพ้อฝัน, น่าอัศจรรย์, เลือนลาง |
fanciful | (adj) ประหลาด, เพ้อฝัน, ไม่จริง, ชอบจินตนาการ |
fancy | (n) ความนึกฝัน, ความชอบ, ความเพ้อฝัน, จินตนาการ, รสนิยม |
fancy | (vi, vt) นึกฝัน, เพ้อฝัน, คิดฝัน, ลองนึก, จินตนาการ |
fantasy | (n) การนึกฝัน, ความเพ้อฝัน, จินตนาการ, ความคิดฟุ้งซ่าน |
friendless | (adj) ไม่มีเพื่อน, ไม่มีพวกพ้อง, ไม่มีพรรคพวก |
hallucination | (n) อาการประสาทหลอน, อาการเพ้อ, สัญญาวิปลาส |
homonym | (n) คำพ้องเสียง |
ideal | (adj) ดีเลิศ, เพ้อฝัน, ในอุดมคติ, เกี่ยวกับอุดมการณ์ |
imaginary | (adj) ในความนึกคิด, สมมุติขึ้น, เพ้อฝัน |
impractical | (adj) ไม่มีประโยชน์, เพ้อฝัน, ทำไม่ได้, ไม่ได้ผลจริง |
MATTER-OF-matter-of-fact | (adj) ตามความจริง, จริงจัง, ไม่เพ้อฝัน |
maunder | (vi) พูดเพ้อเจ้อ, พูดพล่อย |
nepotism | (n) การแบ่งพรรคพวก, การถือพวกพ้อง, การเลือกที่รักมักที่ชัง |
partisan | (adj) ซึ่งแบ่งพวกพ้อง, ซึ่งถือพรรคถือพวก, ซึ่งเข้าข้าง |
partisan | (n) ผู้เข้าข้าง, พรรคพวก, พวกพ้อง, พลพรรค |
partizan | (n) ผู้เข้าข้าง, พรรคพวก, พวกพ้อง, พลพรรค |
phantasm | (n) ความคิดฝันไป, ภาพหลอน, ความเพ้อฝัน, การฝันเฟื่อง |
prate | (n) การพูดเพ้อเจ้อ, การพูดพร่ำ, การพูดจ้อ, การพูดเรื่อยเปื่อย |
prate | (vi) พูดพร่ำ, พูดเพ้อเจ้อ, พูดเรื่อยเปื่อย, พูดจ้อ |
prattle | (n) การพูดเพ้อเจ้อ, การพูดพร่ำ, การพูดจ้อ, การพูดเรื่อยเปื่อย |
prattle | (vi) พูดพร่ำ, พูดเพ้อเจ้อ, พูดเรื่อยเปื่อย, พูดจ้อ |
rattle | (vi) สั่น, มีเสียงแหลม, ปลุก, วิ่งเร็ว, พูดฉอด, พูดเพ้อเจ้อ |
rave | (vi) คลั่ง, พูดเพ้อเจ้อ, อาละวาด |
reverie | (n) การรำพึง, ความเพ้อฝัน, จินตนาการ, การฝันกลางวัน |
revery | (n) การรำพึง, ความเพ้อฝัน, จินตนาการ, การฝันกลางวัน |
romantic | (adj) โรแมนติก, เพ้อฝัน, เกี่ยวกับเรื่องรักใคร่, ในจินตนาการ |