385 Results for *พ้อ*
หรือค้นหา: พ้อ, -พ้อ-

NECTEC Lexitron-2 Dictionary (TH-EN)
พ้อ(v) complain, See also: blame, grumble, reprove, reproach, Syn. ต่อว่า, ตัดพ้อ, ตัดพ้อต่อว่า, Example: คนที่ถูกขัดใจหรือไม่ได้ตามที่ตนต้องการซึ่งมักจะออกมาในรูปตัดพ้อ บ่นพึมพำ แสดงท่าไม่พอใจ, Thai Definition: พูดต่อว่าด้วยความน้อยใจ
พ้อ(v) be identical, See also: be alike, coincide, be the same, Syn. ตรง, เหมือน, ซ้ำ, Ant. ต่าง, ตรงข้าม, Example: ข้อความในกระดาษหน้านี้พ้องกับอีกหน้าหนึ่ง, Thai Definition: ตรงกัน, เหมือนกัน, ซ้ำกัน
พ้อ(n) large woven basket for paddy, See also: a large receptacle of woven bamboo strips with a small orifice, Syn. กระพ้อม, Example: เครื่องมือกสิกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อสนองประโยชน์ให้กับชาวนาและชาวสวนได้แก่ คราด พ้อม ปุ้งกี๋ สุ่มครอบไก่ เป็นต้น, Count Unit: ใบ, ลูก, Thai Definition: ภาชนะสานขนาดใหญ่สำหรับบรรจุข้าวเปลือก
พ้อ(v) speak incoherently, See also: ramble, speak nonsense, wander in one's talk, Syn. เพ้อเจ้อ, พูดพล่าม, Example: เขาเพ้อไปใหญ่แล้ว สิ่งที่เขาพูดไม่มีมูลความจริงเลยสักนิดนึง, Thai Definition: พูดโดยปราศจากหลักฐาน, พูดไม่เป็นประโยชน์
พ้อ(v) rave, See also: be delirious, Example: สารกระตุ้นประสาททำให้ผู้ป่วยเพ้อ กระวนกระวาย หายใจลำบาก และชีพจรเต้นเร็ว, Thai Definition: พูดโดยไม่มีสติ
กะพ้อ(n) water tube, Syn. กะพล้อ, Count Unit: กระบอก, Thai Definition: กระบอกตักน้ำ ปากแฉลบอย่างพวยกา
คำพ้อ(n) homonym, See also: homophone, homograph
ตัดพ้อ(v) complain, See also: grumble, blame, Syn. ต่อว่า, ตัดพ้อต่อว่า, Example: ลูกชายตัดพ้อคุณพ่อว่าไม่ยอมซื้อของเล่นให้ซักที, Thai Definition: ต่อว่าด้วยความน้อยใจ
การเพ้อ(n) deliriousness, See also: delirium, raving, Example: การเพ้อของเขาเนื่องมาจากอาการป่วยของระบบประสาท, Thai Definition: การพูดโดยไม่มีสติ
พวกพ้อ(n) friends, See also: relatives, companions, gang, adherent, Syn. พรรคพวก, พวก, Example: รักในที่นี้มีหลายแบบคือ รักพ่อแม่ญาติพี่น้อง รักเพื่อน รักพวกพ้อง
พ้องกัน(adj) synonymous, Syn. คล้องจองกัน, Example: ความหมายที่พ้องกันของเจดีย์กับสถูปทำให้คนไทยเกิดใช้ปะปนกัน, Thai Definition: ที่ตรงกันหรือประจวบเหมือนกัน, ที่ไม่ขัดกัน
พ้องกัน(v) reach unanimity of, Syn. คล้องจองกัน, Example: ความเห็นของเราพ้องกันเลยตกลงกันง่ายขึ้น, Thai Definition: ตรงกันหรือประจวบเหมือนกัน, ไม่ขัดกัน
พ้องพาน(v) encounter, See also: meet, confront, Syn. พบปะ, พบพาน, Example: มนุษย์โดยธรรมชาติย่อมรักตนแสวงหาประโยชน์เฉพาะตนแต่เมื่อมาเกี่ยวพ้องพานกับคนอื่นซึ่งอยู่รวมกันก็ต้องยอมเสียสละบางสิ่งบางอย่าง
พ้อฝัน(adj) fanciful, See also: imaginary, Syn. เพ้อเจ้อ, Example: เธอเชื่อเรื่องเพ้อฝันของคนแก่อายุ 70 จริงๆ เหรอ, Thai Definition: ที่ไม่มีสาระหรือไม่มีวันเป็นความจริงขึ้นมาได้
พ้อฝัน(v) fancy, See also: imagine, Syn. เพ้อเจ้อ, พร่ำเพ้อ, Example: ฉันก็ได้แต่เพ้ออันไปลมๆ แล้งๆ ตามประสาคนไม่เคยมีความรัก, Thai Definition: มุ่งคิดหรือพูดโดยที่ไม่มีสาระหรือไม่มีวันเป็นความจริงขึ้นมาได้
พร่ำเพ้อ(v) talk nonsense, Syn. เพ้อ, เพ้อพร่ำ, รำพัน, Example: ทั้งๆ ที่ตัวเองหมดวาสนาจะมีความรักกับเขาได้แต่ก็ยังพร่ำเพ้อถึงความรัก, Thai Definition: เพ้อร่ำไป
พ้อเจ้อ(v) drivel, See also: blather, babble, prate, Syn. พร่ำเพ้อ, เพ้อฝัน, Example: ปล่อยให้เขาเพ้อเจ้อไปคนเดียวเถอะ อย่าไปสนใจเขาเลย, Thai Definition: มุ่งคิดหรือพูดโดยที่ไม่มีสาระหรือไม่มีวันเป็นความจริงขึ้นมาได้
เห็นพ้อ(v) agree, See also: be in accord with, see things the same way (as), be unanimous, Syn. เห็นตาม, เห็นด้วย, เห็นพ้องต้องกัน, Ant. คัดค้าน, ค้าน, Example: บุคคลทั้งสองเห็นพ้องกันว่า พล.อ.เทียนชัยแบ่งงานอย่างเผด็จการและไม่มีหลักเกณฑ์
เห็นพ้อ(v) agree, See also: be in accord with, see things the same way (as), be unanimous, Syn. เห็นตาม, เห็นด้วย, เห็นพ้องต้องกัน, Ant. คัดค้าน, ค้าน, Example: บุคคลทั้งสองเห็นพ้องกันว่า พล.อ.เทียนชัยแบ่งงานอย่างเผด็จการและไม่มีหลักเกณฑ์
พ้อากาศ(v) be allergic to weather, Example: ในความเป็นจริงผู้ที่แพ้อากาศนั้น ไม่ได้แพ้อากาศที่หายใจ แต่แพ้ของที่ปะปนอยู่ในอากาศที่สูดดมเข้าไป, Thai Definition: อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือจาม
คำพ้องรูป(n) homograph
พ้อคลั่ง(v) be mad, See also: be crazy, be crazed, be insane, be morbid, Syn. บ้าคลั่ง, คลุ้มคลั่ง, Example: นักโทษบางรายเพ้อคลั่ง เพราะมีความเครียดมาก, Thai Definition: พูดแบบไม่มีสติอย่างอาการของคนบ้า
ความเพ้อฝัน(n) romance, See also: whim, caprice, prank, Syn. ความหลงละเมอ, การฝันเฟื่อง, Example: บางครั้งจิตใจของเราก็ล่องลอยไปตามความเพ้อฝัน
คำพ้องเสียง(n) homophone
พูดเพ้อเจ้อ(v) drivel, Syn. พูดเหลวไหล, พล่าม, พูดพล่าม, พูดพร่ำเพ้อ, Example: เขาพูดเพ้อเจ้อมาหลายชั่วโมงแล้วจนฉันชักจะรำคาญ, Thai Definition: อาการที่พูดมากในเรื่องที่เหลวไหลไร้สาระ
พ้องต้องกัน(v) be identical, See also: be the same, Syn. พ้องกัน, ต้องกัน, ตรงกัน, Ant. ต่างกัน, แตกต่างกัน, Example: ของอย่างนี้มันพ้องต้องกันได้ เพราะใครต่างก็ซื้อมาใช้เหมือนกัน
โรคแพ้อากาศ(n) sinusitis, Syn. โรคไซนัสอักเสบ, Example: คนทั่วไปเรียกโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ว่า โรคแพ้อากาศ ซึ่งเป็นคำที่เรียกผิด เพราะผู้ป่วยไม่ได้แพ้อากาศที่หายใจ แต่แพ้ของที่ปะปนอยู่ในอากาศ
ความเห็นพ้อ(n) agreement, See also: consent, approval, compliance, unanimity, Syn. ความเห็นด้วย, Ant. การปฏิเสธ, การโต้แย้ง, การคัดค้าน, การท้วงติง, การติง, Example: ทั้งลักกี้และแลนสกี้มีความเห็นพ้องต้องกันว่า เบนจามินมีความผิด, Thai Definition: ความคิดเห็นไปในทำนองเดียวกัน
ตัดพ้อต่อว่า(v) complain, See also: remonstrate, blame, Example: หล่อนตัดพ้อต่อว่าเขาที่ไม่ค่อยมีเวลามาหาลูกๆ, Thai Definition: ต่อว่าด้วยความน้อยใจ
ผิดพวกผิดพ้อ(adv) heterogeneously, See also: variously, Example: เขาสูงใหญ่ผิดพวกผิดพ้องคงจะเป็นเพราะเขาชอบเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจอยู่คนเดียว, Thai Definition: อย่างที่ไม่เหมือนหรือต่างออกไปจากพวกในกลุ่มเดียวกัน
คำพ้องความหมาย(n) synonym, Example: คำพ้องความหมายแต่ละคำ ไม่สามารถใช้แทนกันได้ทุกคำ แต่จะใช้ในโอกาสต่างๆ กัน, Count Unit: คำ, Thai Definition: คำที่มีความหมายตรงกันหรือซ้ำกันแต่มีรูปเขียนหรือเสียงอ่านต่างกัน
เล่นพวกเล่นพ้อ(v) play favoritism, See also: favour one's friends, Syn. เล่นพวก, เล่นพรรคเล่นพวก, Example: ีเขามักจะเล่นพวกเล่นพ้องเสมอ ใครๆ ก็รู้, Thai Definition: ถือเอาพวกพ้องของตนเป็นใหญ่และสำคัญ
เห็นพ้องต้องกัน(v) all agree, See also: express approval, give consent, view favorably, Example: ประเทศส่วนใหญ่ในโลกเห็นพ้องต้องกันให้ใช้กฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครองโปรแกรมคอมพิวเตอร์, Thai Definition: มีความเห็นตรงกันหรือเป็นไปในแนวทางเดียวกัน

พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
กระพ้อน. พ้อม.
กะพล้อ, กะพ้อน. กระบอกไม้ไผ่มีด้ามยาวในตัว ใช้สำหรับตักน้ำปลาหรือน้ำตาลสดเป็นต้น.
กะพ้อน. ชื่อปาล์มขนาดย่อมในสกุล Licuala วงศ์ Palmae มีหลายชนิด เช่น ชนิด L. spinosa Thunb. มักขึ้นเป็นกออยู่ริมทะเล หรือในที่ซึ่งนํ้าเค็มขึ้นถึง ลำต้นสูงถึง ๔ เมตร ใบกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง ๖๐-๑๑๐ เซนติเมตร เว้าเป็นแฉกลึก ก้านใบยาว ขอบก้านมีหนาม, ชนิด L. peltata Roxb. ขึ้นตามป่าดอนในที่ชุ่มชื้นและที่แฉะ ลักษณะคล้ายชนิดแรก แต่ก้านใบลํ้าอยู่ใต้โคนใบ ทั้ง ๒ ชนิดใบใช้ห่อทำไต้ ห่อของ เย็บเป็นร่ม มุงหลังคาชั่วคราว ใบอ่อนใช้มวนบุหรี่, กะชิง ก็เรียก, ปักษ์ใต้เรียก ชิง หรือ ชิ่ง, ปาล์มพวกนี้เรียก พ้อ ก็มี เช่น ใบพ้อพันห่อหุ้ม กฤษณา (โลกนิติ).
กะพ้อน. ชื่อนกชนิดหนึ่ง.
ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายายถ้าไม่ใช่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายของตน ก็ไม่ควรไว้วางใจใคร, ทำนองเดียวกับภาษิตที่ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง.
คำพ้องความน. คำที่เขียนต่างกันแต่มีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันมาก เช่น โคกับวัว ควายกับกระบือ มนุษย์กับคน, ไวพจน์ ก็ว่า.
คำพ้องรูปน. คำที่เขียนเหมือนกันแต่มีความหมายต่างกัน เช่น ขัน (น้ำ) กับ (ไก่) ขัน คู (ร่องน้ำ) กับ (นกเขา) คู.
คำพ้องเสียงน. คำที่ออกเสียงเหมือนกันแต่เขียนต่างกันและมีความหมายต่างกัน เช่น ใส-ไส-ไสย กาน-กาล-การ-การณ์, (โบ) ในหนังสือแบบเรียนภาษาไทยของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เรียกคำพ้องเสียงว่า ไวพจน์.
จันทน์กะพ้อน. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Vatica diospyroides Symington ในวงศ์ Dipterocarpaceae ขึ้นตามป่าดิบทางปักษ์ใต้และปลูกกันตามบ้าน ดอกขาว หอมคล้ายนํ้ามันจันทน์.
เจ้าพ่อน. เทพารักษ์ผู้คุ้มเกรงถิ่นนั้น ๆ, ผู้เป็นใหญ่หรือมีอิทธิพลในถิ่นนั้น.
เจ้าพ่อหลวงน. คำที่ชาวไทยภูเขาใช้เรียกพระมหากษัตริย์.
ตัดพ้อก. พูดต่อว่าด้วยความน้อยใจ, พ้อ หรือ ตัดพ้อต่อว่า ก็ใช้.
ตัดหนามอย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูกก. ทำลายให้หมดสิ้น ไม่ให้เหลือลูกหลานไว้สืบเชื้อสาย.
ประเพ้อก. เพ้อ.
ผิดพ้องหมองใจก. ขุ่นเคืองใจ.
ผิดพ่อผิดแม่ว. แตกต่างไปจากพ่อแม่.
พร่ำเพ้อก. รำพัน.
พวกพ้อน. หมู่ญาติ, เพื่อนฝูง.
พ่อน. ชายผู้ให้กำเนิดแก่ลูก
พ่อคำที่ลูกเรียกชายผู้ให้กำเนิดหรือเลี้ยงดูตน
พ่อคำที่ผู้ใหญ่เรียกผู้ชายที่มีอายุน้อยกว่าด้วยความสนิทสนมหรือรักใคร่เป็นต้นว่า พ่อนั่น พ่อนี่
พ่อคำใช้นำหน้านามเพศชาย แปลว่า ผู้เป็นหัวหน้า เช่น พ่อเมือง
พ่อผู้ชายที่กระทำกิจการหรืองานอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ค้าขาย เรียกว่า พ่อค้า ทำครัว เรียกว่า พ่อครัว
พ่อเรียกสัตว์ตัวผู้ที่มีลูก เช่น พ่อม้า พ่อวัว.
พ่อเกลอน. เพื่อนร่วมนํ้าสบถของพ่อ.
พ่อขุนน. กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ในสมัยสุโขทัย.
พ่อครัวน. หัวหน้าครอบครัว.
พ่อคุณน. คำพูดเอาใจชายหรือแสดงความเอ็นดูรักใคร่เด็กชาย.
พ่อเจ้าส. คำเรียกพ่อเมืองหรือเจ้าผู้ครองนคร, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒.
พ่อเจ้าประคุณคำเรียกแสดงความรักใคร่หรือประชดประชัน แล้วแต่น้ำเสียง (ใช้แก่ผู้ชาย) เช่น โถ ! พ่อเจ้าประคุณของย่า เจ็บไหม ทำไมไม่นอนที่โรงละครเลยล่ะพ่อเจ้าประคุณ.
พ่อแจ้แม่อูว. พันทาง, ต่างพันธุ์กัน.
พ่อตาน. พ่อของเมีย.
พ่อบ้านน. ชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัว, ชายผู้จัดการงานในบ้านเป็นต้น, ชายผู้จัดการงานธุรการในสถานที่เช่นโรงพยาบาลเป็นต้น, คู่กับ แม่บ้าน.
พ่อพวงมาลัยน. ชายที่ปล่อยชีวิตตามสบาย ไม่ยอมตั้งตัวหรือทำการงานเป็นหลักฐาน.
พ่อพันธุ์น. สัตว์ตัวผู้ที่ใช้ผสมพันธุ์.
พ่อม่ายน. ชายที่มีเมียแล้ว แต่เมียตายหรือหย่าร้างกันไป.
พ่อเมืองน. ผู้ที่ชาวเมืองยกขึ้นเป็นเจ้าเมือง.
พ่อร้างน. ชายผู้เลิกกับเมีย.
พ่อเรือนน. พลเรือน.
พ่อลิ้นทองน. คนที่พูดดี พูดเก่ง หรือพูดคล่องน่าฟัง.
พ่อเล้าน. ผู้ชายผู้เป็นหัวหน้าเลี้ยงหญิงสาวไว้บำเรอชาย.
พ่อเลี้ยงน. ผัวของแม่ แต่ไม่ใช่พ่อตัว
พ่อเลี้ยงชายผู้มีฐานะดีและได้รับความนับถือในสังคม, ผัวของแม่เลี้ยง.
พ่อสื่อน. ชายที่ทำหน้าที่ชักนำชายหญิงให้พบรู้จักรักใคร่และแต่งงานกัน, ชายผู้ช่วยเหลือให้คู่รักได้ติดต่อหรือพบปะกัน.
พ่อหลวงน. ผู้ใหญ่บ้าน
พ่อหลวงสมภาร, เจ้าอาวาส.
พ้อก. พูดต่อว่าด้วยความน้อยใจ, ตัดพ้อ หรือ ตัดพ้อต่อว่า ก็ใช้.
พ้อดู กะพ้อ ๒.
พ่อค้าตีเมียดู กับแก้ ๑.
พ้อว. ต้องกัน, ตรงกัน, ซํ้ากัน, เช่น พ้องรูป พ้องเสียง พ้องความ เห็นพ้องด้วย ชื่อพ้องกัน.

ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน
resonant frequencyความถี่สั่นพ้อ[สัทศาสตร์ ๘ มี.ค. ๒๕๔๕]
resonanceการสั่นพ้อง, การกำธร [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
resonanceการสั่นพ้อ[สัทศาสตร์ ๘ มี.ค. ๒๕๔๕]
resonance frequency; resonant frequencyความถี่พ้อง, ความถี่เรโซแนนซ์ [พลังงาน ๒๖ ม.ค. ๒๕๔๕]
resonance, vocalการสั่นพ้องเสียงพูด, การกำธรเสียงพูด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
resonant frequency; resonance frequencyความถี่พ้อง, ความถี่เรโซแนนซ์ [พลังงาน ๒๖ ม.ค. ๒๕๔๕]
resolution, concurrentมติพ้อง (อเมริกัน) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
subdeliriumอาการเพ้อคลั่งอย่างอ่อน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
simulation๑. การแสร้งป่วย, การเลียน(อาการ)โรค [ มีความหมายเหมือนกับ malingering; pathomimesis; pathomimia; pathomimicry ]๒. อาการโรคพ้อ[แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
synonymชื่อพ้อ[พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕]
synonymyชุดชื่อพ้อ[พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕]
opinion, concurringความเห็นพ้อง (ที่มีเหตุผลแตกต่างกัน) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
alcohol withdrawal delirium; delirium tremensโรคสั่นเพ้อเหตุขาดสุรา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
ad idem (L.)อย่างเดียวกัน, พ้องต้องกัน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
asthma, foodโรคหืดแพ้อาหาร [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
allergy, foodภูมิแพ้อาหาร [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
concurrent insuranceการประกันภัยพ้อ[ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
concurrent majorityเสียงส่วนใหญ่ที่เห็นพ้อง [ ดู concurrent voice ประกอบ ] [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
consensus at idem (L.); consensus in idem (L.)การเห็นพ้องต้องกันของคู่กรณี (ในสาระสำคัญของสัญญา) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
consensus in idem (L.); consensus at idem (L.)การเห็นพ้องต้องกันของคู่กรณี (ในสาระสำคัญของสัญญา) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
concurrent causeเหตุพ้องกัน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
concurrent resolutionมติพ้อง (อเมริกัน) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
concurrent voiceเสียงที่เห็นพ้อง [ ดู concurrent majority ประกอบ ] [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
concurring opinionความเห็นพ้อง (ที่มีเหตุผลแตกต่างกัน) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
day dreamการคิดเพ้อฝัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
dream, dayการคิดเพ้อฝัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
dissentไม่เห็นพ้อ[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
deliriumอาการเพ้อ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
delirium tremens; delirium, alcohol withdrawalโรคสั่นเพ้อเหตุขาดสุรา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
delirium, alcohol withdrawal; delirium tremensโรคสั่นเพ้อเหตุขาดสุรา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
delirium, febrileอาการเพ้อเหตุไข้ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
febrile deliriumอาการเพ้อเหตุไข้ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
formantกลุ่มความถี่สั่นพ้อง(ของช่องเสียง) [สัทศาสตร์ ๘ มี.ค. ๒๕๔๕]
formant frequencyความถี่สั่นพ้อง(ของช่องเสียง) [สัทศาสตร์ ๘ มี.ค. ๒๕๔๕]
fancyความเพ้อฝัน [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕]
fantasyความเพ้อฝัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
food allergyภูมิแพ้อาหาร [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
food asthmaโรคหืดแพ้อาหาร [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
voice, concurrentเสียงที่เห็นพ้อ[รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
vocal resonanceการสั่นพ้องเสียงพูด, การกำธรเสียงพูด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
tautomenial-มีระดูพ้อ[แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
homonymคำพ้องรูปพ้องเสียง [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕]
homonymous-ชื่อพ้องกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
homophoneคำพ้องเสียง [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕]
homographคำพ้องรูป [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕]
non-concurrent insuranceการประกันภัยไม่พ้องกัน [ประกันภัย ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]

คลังศัพท์ไทย (สวทช.)
Synonyms and antonyms dictionaryพจนานุกรมคำพ้องและคำตรงข้าม [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์]
Food allergyการแพ้อาหาร [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี]
Deliriumภาวะเพ้อ [TU Subject Heading]
Food Hypersensitivityการแพ้อาหาร [TU Subject Heading]
Microsoft PowerPoint (Computer file)ไมโครซอฟต์ เพาเวอร์พ้อยท์ (แฟ้มข้อมูลคอมพิวเตอร์) [TU Subject Heading]
Approbationการที่รัฐหนึ่งใดมีทัศนคติในทางพึงพอใจและเห็น พ้องด้วยกับบทบัญญัติในสนธิสัญญาหนึ่งใด ซึ่งรัฐนั้นมิได้เป็นภาคีคู่สัญญานั้นแต่อย่างใด [การทูต]
consensusฉันทามติ หมายถึง แนวปฏิบัติในการตัดสินใจที่จะมีมติดำเนินการหรือไม่ดำเนินการในเรื่องใด เรื่องหนึ่ง โดยแม้ทุกฝ่ายจะมิได้เห็นพ้องร่วมกัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดคัดค้าน [การทูต]
Gorbachev doctrineนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต]
North Atlanitc Treaty Organizationองค์การนาโต้ หรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ซึ่งได้ลงนามกันเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1949 ประเทศสมาชิกขณะเริ่มตั้งองค์การครั้งแรก ได้แก่ ประเทศเบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักแซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ ปอร์ตุเกส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ต่อมาประเทศกรีซและตรุกีได้เข้าร่วมเป็นภาคีของสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1952 และเยอรมนีตะวันตก ( ในขณะนั้น) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1955 สนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1949ในภาคอารัมภบทของสนธิสัญญา ประเทศภาคีได้ยืนยันเจตนาและความปรารถนาของตน ที่จะอยู่ร่วมกันโดยสันติกับประเทศและรัฐบาลทั้งหลาย ที่จะปกป้องคุ้มครองเสรีภาพมรดกร่วม และอารยธรรมของประเทศสมาชิกทั้งมวล ซึ่งต่างยึดมั่นในหลักการของระบอบประชาธิปไตย เสรีภาพส่วนบุคคลหลักนิติธรรม ตลอดจนจะใช้ความพยายามร่วมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อป้องกันประเทศ และเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงในสนธิสัญญาดังกล่าว บทบัญญัติที่สำคัญที่สุดคือข้อ 5 ซึ่งระบุว่า ประเทศภาคีสนธิสัญญาทั้งหลายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า หากประเทศภาคีหนึ่งใดหรือมากกว่านั้น ในทวีปยุโรปหรือในอเมริกาเหนือ ถูกโจมตีด้วยกำลังอาวุธ จักถือว่าเป็นการโจมตีต่อประเทศภาคีทั้งหมด ฉะนั้น ประเทศภาคีจึงตกลงกันว่า หากมีการโจมตีด้วยกำลังอาวุธเช่นนั้นเกิดขึ้นจริง ประเทศภาคีแต่ละแห่งซึ่งจะใช้สิทธิในการป้องกันตนโดยลำพังหรือร่วมกัน อันเป็นที่รับรองตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ จะเข้าช่วยเหลือประเทศภาคีแห่งนั้นหรือหลายประเทศซึ่งถูกโจมตีด้วยกำลัง อาวุธในทันทีองค์กรสำคัญที่สุดในองค์การนาโต้เรียกว่า คณะมนตรี (Council) ประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศภาคีสนธิสัญญานาโต้ คณะมนตรีนี้จะจัดตั้งองค์กรย่อยอื่น ๆ หลายแห่ง รวมทั้งกองบัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรภาคพื้นยุโรปและภาคพื้น แอตแลนติก สำนักงานใหญ่ขององค์การนาโต้ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส [การทูต]
New World Orderระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต]
Open Diplomacyคือการทูตแบบเปิดเผย อดีตประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน แห่งสหรัฐอเมริกา เป็นบุคคลที่สนับสนุนและเผยแพร่วิธีการทูตแบบเปิดเผยอย่างเต็มที่ หวังจะให้ชุมชนนานาชาติพร้อมใจกันสนับสนุนการทูตนี้เช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1918 วูดโรว์ วิลสัน ได้ประกาศให้โลกทราบนโยบายของท่าน 14 ข้อ ข้อหนึ่งในจำนวนนั้นท่านปรารถนาว่า ในอนาคตประเทศต่าง ๆ ควรจะทำความตกลงกันเกี่ยวกับเรื่องสันติภาพอย่างเปิดเผย และต่อไปไม่ควรจะมีการเจรจาทำความตกลงระหว่างประเทศแบบลับเฉพาะอย่างใดทั้ง สิ้นแม้ว่าโดยทั่วไปจะเห็นพ้องด้วยกับนโยบายข้อแรกของ วูดโรว์ วิลสัน คือ ความตกลงหรือสนธิสัญญาใด ๆ เมื่อตกลงเสร็จสิ้นแล้ว ให้ประกาศเปิดเผยให้โลกทราบ แต่สำหรับข้องสองคือการเจรจาในระหว่างทำสนธิสัญญาให้กระทำกันอย่างเปิดเผย นั้น ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะเห็นว่าลำพังการเจรจานั้น โดยสารัตถะสำคัญแล้วควรจะถือเป็นความลับไว้ก่อนจนกว่าจะเสร็จการเจรจา ทั้งนี้ เซอร์เดวิด เคลลี่ อดีตนักการทูตอังกฤษเคยให้ทรรศนะว่า การทูตแบบเปิดเผยนั้นเป็นถ้อยคำที่ขัดกันในตัว คือหากกระทำกันอย่างเปิดเผยเสียแล้วก็ไม่ใช่การทูตเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาตรา 102 ของกฎบัตรสหประชาชาติได้บัญญัติว่า ?1. สนธิสัญญาทุกฉบับ และความตกลงระหว่างประเทศทุกฉบับ ซึ่งสมาชิกใด ๆ แห่งสหประชาชาติได้เข้าเป็นภาคี ภายหลังที่กฎบัตรปัจจุบันได้ใช้บังคับ จักต้องจดทะเบียนไว้กับสำนักเลขาธิการโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจักได้พิมพ์ขึ้นโดยสำนักงานนี้ 2. ภาคีแห่งสนธิสัญญา หรือความตกลงระหว่างประเทศเช่นว่าใด ซึ่งมิได้จดทะเบียนไว้ตามบทบัญญัติในวรรคหนึ่งข้อนี้ ไม่อาจยกเอาสนธิสัญญาหรือความตกลงนั้น ๆ ขึ้นกล่าวอ้างต่อองค์กรใด ๆ ของสหประชาชาติ? [การทูต]
Potsdam Proclamationคือคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดม ออกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 โดยหัวหน้าคณะรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และจีน ลงนามโดยประธานาธิบดีของรัฐบาลจีนคณะชาติ เป็นคำประกาศเมื่อตอนใกล้จะเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฝ่ายสัมพันธมิตรดังกล่าวกำลังทำสงครามขับเคี่ยวอยู่กับฝ่ายญี่ปุ่น พึงสังเกตว่า สหภาพโซเวียต ในตอนนั้นมิได้มีส่วนร่วมในการออกคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดมแต่อย่างใดโดยแท้จริงแล้ว คำประกาศนี้เท่ากับเป็นการยื่นคำขาดให้ฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกเอาว่าจะทำ การสู้รบต่อไป หรือจะยอมจำนนเพื่อยุติสงคราม คำประกาศได้เตือนอย่างหนักแน่นว่า หากญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะสู้รบต่อไป แสนยานุภาพอันมหาศาลของสัมพันธมิตรก็จะมุ่งหน้าโจมตีบดขยี้กองทัพและประเทศ ญี่ปุ่นให้แหลกลาญ แต่หากว่าญี่ปุ่นยอมโดยคำนึงถึงเหตุผล ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้ตั้งเงื่อนไขไว้หลายข้อ สรุปแล้วก็คือ ลัทธิถืออำนาจทหารเป็นใหญ่จะต้องถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปจากโลกอำนาจและอิทธิพล ของบรรดาผู้ที่ชักนำให้พลเมืองญี่ปุ่นหลงผิด โดยกระโจนเข้าสู่สงครามเพื่อครองโลกนั้น จะต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก รวมทั้งพลังอำนาจในการก่อสงครามของญี่ปุ่นด้วยจุดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด จะต้องถูกยึดครองไว้จนกระทั่งได้ปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายของสัมพันธมิตรเป็นผล สำเร็จแล้ว อำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นให้จำกัดอยู่เฉพาะภายในเกาะฮอนซู ฮ็อกไกโด กิวชู ชิโกกุ และเกาะเล็กน้อยอื่น ๆ ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด อาชญากรสงครามทุกคนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาล รวมทั้งที่ทำทารุณโหดร้ายต่อเชลยศึกของสัมพันธมิตร รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องกำจัดสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการรื้อฟื้น และเสริมสร้างความเชื่อถือในหลักประชาธิปไตยในระหว่างพลเมืองญี่ปุ่น และจัดให้มีเสรีภาพในการพูด การนับถือศาสนา และในการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนการเคารพสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการด้านอุตสาหกรรมที่จะเกื้อกูลต่อภาวะ เศรษฐกิจของประเทศ และความสามารถที่จะชำระค่าปฏิกรรมสงคราม แต่จะไม่ยอมให้คงไว้ซึ่งกิจการอุตสาหกรรมชนิดที่จะช่วยให้ญี่ปุ่นสร้างสม อาวุธเพื่อทำสงครามขึ้นมาอีก ในทีสุด กำลังทหารสัมพันธมิตรจะถอนตัวออกจากประเทศญี่ปุ่นในทันทีที่จุดประสงค์ต่าง ๆ ได้บรรลุผลเรียบร้อยแล้ว ในตอนท้ายของเงื่อนไข สัมพันธมิตรได้เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข เสียโดยไว [การทูต]
Southeast Asia Collective Defense Treaty (Mahila Pact)สนธิสัญญาซีโต้ สนธิสัญญานี้ได้มีการลงนามกัน ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1954 ประเทศที่ลงนามในสนธิสัญญามีประเทศออสเตรเลีย ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ประเทศไทย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา สนธิสัญญาได้มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955ในภาคอารัมภบทของสัญญานี้ บรรดาประเทศสมาชิกต่างแสดงความปรารถนาที่จะประสานความพยายามของตนที่จะ ป้องกันร่วมกัน เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคง โดยเฉพาะข้อ 4 ของสนธิสัญญาเป็นข้อสำคัญที่สุด คือ แต่ละประเทศภาคีคู่สัญญาตกลงเห็นพ้องกันว่า หากดินแดนของประเทศใดถูกรุกรานจาการโจมตีด้วยกำลังอาวุธ ประเทศภาคีทั้งหมดที่เหลือจะถือว่าเป็นอันตรายร่วมกัน และจะปฏิบัติการเพื่อเผชิญหน้ากับอันตรายร่วมกัน หรือถ้าหากพื้นที่ภายในเขตครอบคลุมของสนธิสัญญาถูกคุกคามด้วยประการใด ๆ ประเทศภาคีทั้งหมดจะปรึกษากันในทันที เพื่อตกลงในมาตรการเพื่อการป้องกันร่วมกันสำนักงานใหญ่ขององค์การซีโต้ตั้ง อยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองของโลกได้เปลี่ยนไปมากทำให้องค์การซีโต้หมดความ จำเป็น และได้ยุบเลิกไปนานแล้ว [การทูต]
Anaphylaxiaการแพ้อย่างรุนแรง [การแพทย์]
Anaphylaxis, Severe Allergicการแพ้อย่างรุนแรง [การแพทย์]
Anti-Inflammatoryยาแก้แพ้, ยาต่อต้านการอักเสบ, ตัวต่อต้านการอักเสบ, ยาระงับการอักเสบ, ลดการอักเสบ, การลดการอักเสบ, ป้องกันการแพ้อักเสบ, ฤทธิ์ในทางลดการอักเสบ, มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ [การแพทย์]
Competพ้อ[การแพทย์]
Crossedพ้องกัน [การแพทย์]
Deliriumอาการเพ้อคลั่ง, เพ้อ, การเพ้อ, เพ้อคลั่ง, เอะอะโวยวายพูดกันไม่รู้เรื่อง [การแพทย์]
Delirium Trementsโรคสั่นและเพ้อ [การแพทย์]
Delirium, Febrileไข้สูงแล้วเพ้อ [การแพทย์]
Delirium, Toxicอาการเพ้อคลั่ง [การแพทย์]
Fantasyมโนภาพ, มโนคติ, การคิดฝัน, ความเพ้อฝัน [การแพทย์]
Fantasy Worldโลกแห่งความเพ้อฝัน [การแพทย์]
Favorite Playingอภิบาลพวกพ้อ[การแพทย์]
Food Allergyพ้อาหาร, การแพ้อาหาร, โรคแพ้อาหาร [การแพทย์]
resonanceการสั่นพ้อง, เรโซแนนซ์, ปรากฎการณ์เมื่อระบบถูกทำให้สั่นด้วยความถี่เท่ากับความถี่ธรรมชาติของระบบเองแล้ว การสั่นนั้นจะสั่นได้รุนแรงหรือมีช่วงกว้างของการสั่นกว้างมากที่สุด [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
resonance tubeหลอดเรโซแนนซ์, อุปกรณ์ทดลองเกี่ยวกับการเกิดการสั่นพ้องของเสียง [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]
Incoherenceพูดเรื่องเดียวไม่ต่อเนื่องกัน การพูดเพ้อเจ้อ [การแพทย์]
Insulin Allergyการแพ้อินสุลิน [การแพทย์]
Jargonพูดเพ้อเจ้อ, แสดงท่าทางเสมือนหนึ่งว่าเข้าใจ [การแพทย์]

Volubilis Dictionary (TH-EN-FR)
เห็นพ้องต้องกัน[hen phøng tǿng kan] (v, exp) EN: all agree ; express approval ; give consent ; view favorably
หัวหน้าพ่อครัว[hūanā phøkhrūa] (n) EN: chief  FR: chef [ m ]
เจ้าพ่อ[jaophø] (n) EN: mogul ; godfather  FR: nabab [ m ] ; parrain [ m ]
กำพร้าพ่อ[kamphrā phø] (adj) EN: fatherless  FR: orphelin du père
การเห็นพ้องต้องกัน[kān hen phøng tǿng kan] (n, exp) EN: consensus  FR: consensus [ m ]
กะพ้อ[kaphø] (n) EN: water tube
กะพ้อหนาม[kaphø nām] (n, exp) EN: Mangrove fan palm
คำพ้อ[kham phøng] (n) EN: synonym  FR: synonyme [ m ]
คำพ้องเสียง[kham phøng sīeng] (n) EN: homophone  FR: homophone [ m ]
คุณพ่อ[khun phø] (n, exp) EN: father  FR: père [ m ]
เล่นพวกเล่นพ้อ[lenphūak len phøng] (v, exp) EN: play favoritism ; favour one's friends
หลวงพ่อ[Lūang Phø] (n, prop) EN: Reverend Father ; venerable bhikku ; elder monk
ลูกไม่มีพ่อ[lūk mai mī phø] (n, exp) FR: enfant naturel [ m ]
ไม่เห็นพ้อ[mai hen phøng] (v, exp) EN: disagree
พืชต้นพ่อ[pheūt ton phø] (n, exp) FR: plante mâle [ m ]
ผีเสื้อพ่อมด[phīseūa phø mot] (n, exp) EN: Wizard
ผิดพ้องหมองใจ[phitphøng-møngjai] (v) EN: have a difference ; have dissensions ; have differences of opinion ; be estranged ; be at odds ; offend ; be discordant ; displease ; estrange ; be gloomy
ผิดพ่อผิดแม่[phitphø-phitmaē] (v) EN: be different from one's parents ; mutate
ผิดพ่อผิดแม่[phitphø-phitmaē] (x) EN: unlike one's parents
ผิดพวกผิดพ้อ[phit phūak phit phøng] (adv) EN: heterogeneously ; variously
พ่อ[phø] (n) EN: father ; dad ; daddy ; papa  FR: père [ m ] ; papa [ m ] ; paternel (fam.) [ m ] ; vieux (fam.) [ m ]
พ้อ[phø] (v) EN: complain ; blame ; grumble
พ่อบ้าน[phøbān] (n) EN: head of the household ; head of the family  FR: chef de famille [ m ]
พ่อบุญธรรม[phø buntham] (n, exp) EN: adoptive father  FR: père adoptif [ m ]
พ้อ[phoē] (v) EN: speak incoherently ; ramble ; speak nonsense ; wander in one's talk ; be in a delirium ; have hallucinations  FR: délirer
พ้อ[phoē] (v) EN: drivel ; rave
พ้อฝัน[phoēfan] (v) EN: fancy ; imagine
พ้อฝัน[phoēfan] (adj) EN: fanciful ; imaginary
พ้อเจ้อ[phoējoē] (v) EN: drivel ; blather ; babble ; prate  FR: délirer ; divaguer
พ้อคลั่ง[phoēkhlang] (v) EN: be mad ; be crazy ; be crazed ; be insane ; be morbid  FR: être fanatique
พ้อคลั่ง[phoēkhlang] (adj) EN: delirious ; deranged ; unhinged
พ่อกะแม่[phø ka maē] (n, exp) EN: dad and mum
พ่อกับแม่[phø kap maē] (n, exp) EN: father and mother  FR: père et mère
พ่อค้า[phøkhā] (n) EN: merchant ; trader ; businessman ; tradesman  FR: marchand [ m ] ; négociant [ m ] ; commerçant [ m ] ; homme d'affaires [ m ]
พ่อค้าขายปลีก[phøkhā khāiplīk] (n) EN: retailer ; small retailer  FR: détaillant [ m ] ; petit détaillant [ m ]
พ่อค้าขายส่ง[phøkhā khāisong] (n) EN: wholesale dealer ; wholesaler  FR: grossiste [ m ]
พ่อค้าของชำ[phøkhā khøngcham] (n) EN: grocer  FR: épicier [ m ]
พ่อค้าคนกลาง[phøkhā khonklāng] (n) EN: middleman ; intermediary ; go-between  FR: intermédiaire [ m ]
พ่อค้าเหมา[phøkhā mao] (n) EN: wholesale dealer ; wholesaler  FR: grossiste [ m ]
พ่อค้าเพชรพลอย[phøkhā phetphløi] (n, exp) EN: jeweller  FR: joaillier [ m ]
พ่อค้าปลีก[phøkhā plīk] (n) EN: retailer ; shopkeeper  FR: détaillant [ m ]
พ่อค้าเร่[phøkhā rē] (n) EN: travelling salesman ; peddler ; pedlar ; hawker  FR: colporteur [ m ] ; marchand ambulant [ m ]
พ่อค้าส่งออก[phøkhā song-øk] (n) EN: exporter  FR: exportateur [ m ]
พ่อค้าย่อย[phøkhā yǿi] (n, exp) EN: retailer ; small retailer  FR: détaillant [ m ] ; petit détaillant [ m ]
พ่อครัว[phøkhrūa] (n, exp) EN: master of the kitchen ; cook ; chef ; chef de cuisine  FR: cuisinier [ m ] ; chef [ m ] ; cuistot [ m ] (fam.)
พ่อขุน[phøkhun] (n) EN: sovereign ; king
พ่อคุณ[phøkhun] (n) EN: my good man  FR: mon bon monsieur ; cher monsieur
พ่อเลี้ยง[phølīeng] (n) EN: stepfather  FR: beau-père [ m ]
พ่อแม่[phømaē] (n) EN: parents ; father and mother  FR: parents [ mpl ] ; père et mère [ mpl ] ; vieux (fam.) [ mpl ]
พ่อม่าย[phømāi] (n) EN: widower  FR: veuf [ m ]

Longdo Approved EN-TH
blather(n, vi, vt) เพ้อเจ้อ, See also: also written as blether
down-to-earth(adj) เป็นจริง, ไม่เพ้อฝัน, อยู่ในโลกแห่งความจริง, See also: A. idealistic, unrealistic, Syn. practical
MRI(n, abbrev) ระบบสร้างภาพจากการสั่นพ้องของคลื่นสนามแม่เหล็ก (Magnetic Resonance Imaging)

NECTEC Lexitron Dictionary EN-TH
acceptance(n) การเห็นพ้องกับ, See also: การเห็นด้วยกับ, Syn. agreement
accordance(n) การยอมรับร่วมกัน, See also: การเห็นพ้องต้องกัน, Syn. agreement, conformity, harmony
according(adj) ที่ยอมรับร่วมกัน, See also: ที่เห็นด้วย, ที่เห็นพ้องต้องกัน, Syn. agreeing
acquiescence(n) การยอมตาม, See also: การยอมรับ, ความเห็นพ้อง, Syn. submission, resignation
aerial(adj) ซึ่งอยู่ในจินตนาการ, See also: เพ้อฝัน, เหนือจริง, Syn. imaginery, unreal
affirmative(n) ข้อความที่แสดงการยินยอม, See also: ข้อความที่แสดงการเห็นพ้อง
affirmative(adj) ซึ่งแสดงถึงการยินยอม, See also: ซึ่งเห็นพ้อง, Syn. agreeing, affirming, Ant. negative
agree(vt) เห็นด้วย, See also: เห็นพ้อง
agree(vi) เห็นด้วย, See also: เห็นพ้อง, Syn. harmonize, coincide, concur, accord, conform, Ant. differ, disagree, refuse
agreement(n) การเห็นพ้อง, See also: การเห็นด้วย, การเห็นชอบร่วมกัน, การยอมรับร่วมกัน, Syn. complying, accession, agreeing, Ant. disagreeing, disrupting
agreement(n) ข้อตกลง, See also: ความตกลง, ความยินยอม, ความเห็นพ้อง, Syn. recognition, approval
approval(n) ความเห็นพ้อง, See also: ความยินยอมพร้อมใจ, ความเห็นชอบด้วย
approve(vt) เห็นด้วย, See also: เห็นควร, เห็นสมควร, เห็นพ้อง, เห็นชอบ, เห็นดีเห็นชอบ, Syn. affirm, support, ratify, Ant. refect, veto
accord with(phrv) เข้ากันกับ, See also: เข้ากับ, เห็นพ้องกับ
acquiesce in(phrv) เห็นพ้องกับ, See also: เห็นด้วยกับ, เห็นด้วย, Syn. agree to
acquiesce to(phrv) เห็นพ้องกับ, See also: เห็นด้วยกับ, เห็นด้วย, Syn. agree to
act out(phrv) แสดง (ความคิด, ความกลัวที่ซ่อนใต้จิตสำนึก, ความเพ้อฝัน) ออกมา, Syn. play out
against someone's will(idm) ปราศจากความเห็นพ้อ
agree about(phrv) เห็นพ้องกับ, See also: เห็นด้วย, Syn. agree on
agree on(phrv) เห็นพ้องกับ, See also: เห็นด้วยใน, ตกลง เรื่อง, Syn. agree about
agree upon(phrv) เห็นพ้องกับ, See also: เห็นด้วยใน, ตกลง เรื่อง, Syn. agree about, agree on
agree with(phrv) เห็นพ้องกับ, See also: เห็นด้วยใน, ตกลง เรื่อง, Ant. disagree with
align with(phrv) ทำให้เห็นพ้องกัน
assent to(phrv) เห็นด้วยกับ (มักใช้รูป simple tenses), See also: เห็นพ้องกับ, Syn. agree to
blitz(vt) พยายามที่จะครอบงำผู้อื่นเพื่อให้เห็นพ้อ
brotherhood(n) พวกพ้องเดียวกัน, Syn. fellowship, Ant. hostility
be in collusion with(idm) เห็นพ้องกันอย่างลับๆ กับ (เพื่อทำสิ่งผิด), See also: สมคบคิด, สมรู้ร่วมคิด
beat someone to his knees(idm) ทำให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ, See also: ทำให้แพ้อย่างมาก
bring someone to his knees(idm) ทำให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ, Syn. come to
bring together(phrv) ทำให้เห็นพ้องกัน, See also: ทำให้เห็นด้วย, Syn. come together
chatter(vt) พูดพล่าม, See also: พล่าม, เพ้อเจ้อ, Syn. blabber, clack, gabble, gibber, maunder, palaver, piffle, prate, prattle, tattle, tittle-tattle, twaddle
chatter(vi) พูดเรื่อยเปื่อย, See also: พูดจ้อ, พูดไร้สาระ, พูดไปเรื่อย, พูดเพ้อเจ้อ, Syn. blabber, clack, gabble, gibber, maunder, palaver, piffle, prate, prattle, tattle, tittle-tattle, twaddle
chimera(n) ความเพ้อฝัน, See also: ความฝันหรือความหวังที่ยากจะเป็นจริง, Syn. fancy, figment
clannish(adj) ที่รักแต่พวกพ้องตัวเอง, Syn. select, cliquish
coherent(adj) ซึ่งสอดคล้อง, See also: ซึ่งเห็นพ้องตรงกัน, ไม่ขัดแย้งในตัวเอง, ซึ่งมีเหตุผล, Syn. consistent, harmonious
coincide(vi) พ้องกัน (ความคิด), See also: ตรงกัน, เหมือนกัน, ต้องกัน, Syn. correspond, agree, accord, match, tally, jibe, square, concur, harmonise, harmonize, admit, resemble, Ant. differ, contradict
coincident(adj) พ้องกัน, See also: ต้องกัน, สอดคล้องกัน, Syn. coinciding
coincidently(adv) อย่างพ้องกัน, See also: อย่างตรงกัน, อย่างสอดคล้องกัน
concert(n) การเห็นพ้องร่วมกัน, Syn. agreement, harmony
concurrence(n) การเห็นพ้องด้วย, Syn. agreement, concurrency
concurrency(n) การเห็นพ้องด้วย, Syn. agreement, concurrence
concurrent(adj) ที่เห็นพ้องต้องกัน, Syn. agreeing, harmonious
chaw up(phrv) ทำให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ
compound with(phrv) เห็นพ้องกับ
conform to(phrv) สอดคล้องกับ, See also: เห็นพ้องกับ, เข้ากันได้กับ, Syn. comply with
conform with(phrv) สอดคล้องกับ, See also: เห็นพ้องกับ, เข้ากันได้กับ, Syn. comply with
cow someone into submission(idm) บังคับให้เห็นด้วย, See also: เห็นพ้องด้วยเพราะว่ากลัว
differ from(phrv) ไม่เห็นด้วยกับ, See also: ไม่ลงรอยกับ, ไม่เห็นพ้องกับ, Syn. differ with
differ with(phrv) ไม่เห็นด้วยกับ, See also: ไม่เห็นพ้องกับ, Syn. differ from
down to earth(idm) เป็นจริง, See also: ทางปฏิบัติ, ตามความจริง, ไม่เพ้อฝัน

Hope Dictionary
aerial(แอ' เรียล) adj. เกี่ยวกับอากาศ, อยู่ในอา-กาศ, อยู่สูงในอากาศ, ไม่มีรูปร่าง, เพ้อฝัน, สวยงาม, เจริญได้ดีในที่ที่มีอากาศ, เกี่ยวกับเครื่องบิน. -n. สายอากาศ., Syn. antenna, dreaming
affirm(อะเฟิร์ม') vt. ยืนยัน, เห็นพ้อง, อนุมัติ, พิสูจน์เป็นความจริง, รับรอง, Syn. state, assert
agree(อะกรี') vt., vi. ตกลง, เห็นพ้อง, ยอมรับ, เห็นด้วย, ยินยอม, สนับสนุน, ตกลงกำหนด, เข้ากันได้, ลงรอย, เหมือน, เหมาะ สมกับ. -agreeingly adv., Syn. concur, comply, assent
airy(แอร์' รี) adj. ซึ่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก, โปร่ง, คล่องแคล่ว, เบา, สบายใจ, เพ้อฝัน, จินตนาการ, บนอากาศ, สูง. -airiness n.
armada(อาร์มา'ดะ) n. กองเรือรบใหญ่, Armada กองเรือรบสเปญที่พ่ายแพ้อังกฤษในปี ค.ศ.1588
autism(ออ'ทิสซึม) n. การคิดหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง, ความคิดเพ้อฝัน. -autistic adj.
calenture(แคล'เลนเชอะ) n. ภาวะไข้สูงและมีอาการเพ้อ
chimera(คิเม'ระ) n. สัตว์ประหลาดน่ากลัว, ความเพ้อผัน, พันธุ์ต่อกิ่งผสม, Syn. chimaera
chimeric(คิเม'ริเคิล) adj. ไม่จริง, เพ้อฝัน, See also: chimericalness n.
chimerical(คิเม'ริเคิล) adj. ไม่จริง, เพ้อฝัน, See also: chimericalness n.
clan(แคลน) n. เผ่า, เผ่าพันธุ์, วงศ์, วงศ์ตะกูล, ชาติวงศ์, ครอบครัว, กลุ่มคน, พวก, พ้อ
clansmann. สมาชิกของเผ่าพันธ์, พรรคพวก, พวกพ้อง, See also: clansmanship n. ดูclansman
clobber { clobberedvt. ตีอย่างแรง, ทุบอย่างแรง, ทำให้แพ้อย่างราบคาบ, ข่มขี่, บังคับ, ทาบน
clobberingvt. ตีอย่างแรง, ทุบอย่างแรง, ทำให้แพ้อย่างราบคาบ, ข่มขี่, บังคับ, ทาบน
clobbers }vt. ตีอย่างแรง, ทุบอย่างแรง, ทำให้แพ้อย่างราบคาบ, ข่มขี่, บังคับ, ทาบน
cloud-builtadj. ฝันหวาน, เพ้อฝัน
coincident(โคอิน'ซิเดนทฺ) adj. บังเอิญ, พ้องกัน, ต้องกัน, สอดคล้องกัน, ประจวบกัน
coincidentaladj. บังเอิญ, พ้องกัน, ประจวบกัน, พร้อมกัน
conceit(คันซีท') { conceited, conceiting, conceits } n. ความหยิ่ง, ความทะนง, ความถือดี, ความคิด, จินตนาการ, ความเพ้อฝัน, ข้ออุปมาแห่งจินตนาการ vt. จินตนาการ, ติดอกติดใจ, Syn. egoism, egotism, self-esteem, notion, Ant. modesty, diffidence
concent(คันเซนทฺ') n. ความเห็นพ้อง, ความลงรอยกัน, Syn. harmony
concur(คันเคอร์') { concurred, concurring, concurs } vi. เกิดขึ้นพร้อมกัน อย่างบังเอิญ, ประจวบกัน, เห็นด้วย, เห็นพ้อง, ทำงานร่วมกัน, ให้ความร่วมมือ, สนับสนุน, รวมกัน, Syn. assent, Ant. contend, deny
concurrence(คันเคอ'เรินซฺ) n. การบังเกิดขึ้นพร้อมกัน, การประจวบกัน, การเห็นด้วย, การเห็นพ้อง, การให้ความร่วมมือ, การสนับสนุน, จุดบนเส้น 'เส้นหรือมากกว่านั้น, อำนาจร่วมหรือเท่ากัน, Syn. agreement
consentaneous(คอยเซนเท'เนียส) adj. ซึ่งเห็นพ้อง, เป็นเอกฉันท์., See also: consentaneousness n. ดูconsentaneous consentaneity n. ดูconsentaneous
consentient(คันเซน'เชินทฺ) adj. ซึ่งเห็นพ้อง, ซึ่งเห็นด้วย,
consistent(คันซิส'เทินทฺ) adj. มั่นคง, ซึ่งยึดมั่นเหนียวแน่น, เห็นพ้อง, ลงรอยกัน., Syn. according, Ant. inconsistent -Conf. constant
consonance(คอน'ซะเนินซฺ) n. ความเห็นพ้อง, ความลงรอยกัน, เสียงประสาน., Syn. consonancy, Ant. dissonance
delirious(ดิเลอ'เรียส) adj. เพ้อ, พูดเพ้อ, คุ้มคลั่ง, See also: deliriousness n. ดูdelirious
delirium(ดิลี'เรียม) n. อาการเพ้อคลั่ง, ภาวะที่มีอารมณ์ตื่นเต้นมาก
delusion(ดิลู'เ??ชิน) n. การลวงตา, การหลอกลวง, ความเชื่อผิด ๆ , ความคิดเพ้อเจ้อ, การเข้าใจผิด, มหันต์
disagree(ดิสอะกรี') { disagreed, disagreeing, disagrees } vi. ไม่เห็นด้วย, ไม่เห็นพ้อง, โต้แย้ง, ทะเลาะ, ไม่เหมาะ, ทำความเสียหายแก่, Syn. dissent, quarrel
disagreement(ดิสอะกรี'เมินทฺ) n. ความไม่เห็นด้วย, ความไม่ลงรอยกัน, ความไม่เห็นพ้อง, การทะเลาะ, การโต้แย้ง, Syn. rift
discomfit(ดิสคัม'ฟิท) vt., n. (การ) ทำให้พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง, ทำให้ยุ่งเหยิง, ทำให้สับสน., See also: discomfiter n. ดูdiscomfit, Syn. frustrate
disenchant(ดิสเอนชานทฺ') vt. แก้เสน่ห์, ทำให้หลุดพ้นจากการถูกผีสิง, ทำให้ไม่เพ้อฝัน, ทำให้พ้นอาการประสาทหลอน., See also: disenchantment n. ดูdisenchant, Syn. disillusion
dissidence(ดิส'ซิเดินซฺ) n. ความไม่เห็นด้วย, ความไม่ลงรอยกัน, ความไม่เห็นพ้อง, ข้อเสนอที่แตกต่างหรือขัดแย้ง, Syn. dissent
dissident(ดิส'ซิเดินทฺ) n. ซึ่งไม่เห็นด้วย, ซึ่งไม่ลงรอยกัน, ซึ่งมีความเห็นไม่พ้องกัน. n. ผู้ที่ไม่เห็นด้วย, ผู้ที่มีความเห็นไม่พ้องกัน, Syn. protestor, dissenter, nonconformist
dream(ดรีม) { dreamed/dreamt, dreaming, dreams } n. ปรารถนา, สิ่งที่สวยงามประดุจฝัน. vi., vt. ฝัน, นึกฝัน, เพ้อฝัน -Phr. (dream up วางแผน) . -adj. ดีเลิศเป็นที่ปรารถนา., See also: dreamer n. dreaminglyadv., Syn. illusion, fantasy, vis
dreamy(ดรีม'มี) adj. ชอบเพ้อฝัน, เหมือนฝัน, เลือนลาง, ไม่ชัด, เงียบสงบ, น่าอัศจรรย์, จับใจ, งดงาม., See also: dreamily adv. dreaminess n., Syn. visionary
factional(แฟค'เชินเนิล) adj. เกี่ยวกับหมู่ (เหล่า, ก๊ก, พวก, ฝ่าย) , เห็นแก่ตัว, ซึ่งถือพวกถือพ้อ
fadge(เฟดจฺ) vt. เหมาะกัน, พ้องกับ, ประสบความสำเร็จ, เจริญ,
fanciful(แฟน'ซีฟูล) adj. เพ้อฝัน, ซึ่งนึกฝัน, ไม่จริง., See also: fancifully adv. fancifulness n., Syn. imaginary
fanciless(แฟน'ซิลิส) adj. ไร้จินตนาการ, ไร้ความเพ้อฝัน
fantasia(แฟนเท'เซีย) n. เพลงเพ้อฝัน, Syn. fancy
fantasy(แฟน'ทะซี) n. การจินตนาการ, การนึกฝัน, ความเพ้อฝัน, ผลิตผลของจินตนาการ. vi. จินตนาการ, นึกฝัน
favor(ฟะ'เวอะ) n. ความกรุณา, การกระทำที่กรุณา, ความสงเคราะห์, ความประทับใจ, ความนิยม, ความเข้าข้าง, ไมตรีจิต, บุญคุณ, การสนับสนุน, ความเห็นพ้อง, ของขวัญ, ของระลึก, เครื่องหมาย, โบ, สิทธิพิเศษ. -Phr. (in favo (u) r of สนับสนุน, เข้าข้าง) . -Phr. (in one's favo (u) r เพื่อผลประโยชน
favour(ฟะ'เวอะ) n. ความกรุณา, การกระทำที่กรุณา, ความสงเคราะห์, ความประทับใจ, ความนิยม, ความเข้าข้าง, ไมตรีจิต, บุญคุณ, การสนับสนุน, ความเห็นพ้อง, ของขวัญ, ของระลึก, เครื่องหมาย, โบ, สิทธิพิเศษ. -Phr. (in favo (u) r of สนับสนุน, เข้าข้าง) . -Phr. (in one's favo (u) r เพื่อผลประโยชน
freakish(ฟรีค'คิช) adj. เป็นลายเป็นเส้นที่ประหลาด, ประหลาด, วิตถาร, เพ้อฝัน, ผิดปกติ, นอกลู่, นอกทาง., See also: freakishly adv. freakishness, Syn. grotesque
friend(เฟรนดฺ) n. เพื่อน, สหาย, มิตร, พวกพ้อง, ผู้สนับสนุน, ผู้ช่วยเหลือ, คนคุ้นเคย, สมาชิกของกลุ่มหรือสมาคมเดียวกัน. -Phr. (make friends with คบเป็นเพื่อนกับ) . vt. ทำให้เป็นเพื่อน, See also: friendless adj. friendlessness n. -S...
fun(ฟัน) n. ความสนุกสนาน, ความขบขัน, เรื่องขบขัน, การหยอกล้อ -Phr. (make fun of, poke fun at หยอกล้อ, หัวเราะเยาะ) vt., vi. เล่นตลก, ล้อเล่น. adj. เกี่ยวกับการหยอกล้อ, เกี่ยวกับการล้อเล่น, เพ้อฝัน, ร่าเริง, Syn. amusement
grouse(เกราซฺ) n., (pl. grouse, grouses) ไก่ป่า, n. การบ่น, การตัดพ้อ, คำบ่น vi. บ่น, ตัดพ้อ.
ideal(ไอเดียล') n. อุดมคติ, อุดมการณ์ adj. ดีเลิศ, สมบูรณ์, เป็นเพียงความนึกฝัน, เพ้อฝัน, ไม่มีจริง, ไม่เป็นความจริง, เกี่ยวกับอุดมการณ์, เกี่ยวกับอุดมคติ, Syn. fancied, imaginary

Nontri Dictionary
accede(vi) ยอม, ยอมจำนน, เห็นพ้อง, ยอมตาม, บรรลุ
affirm(vi, vt) รับว่าจริง, ยืนยัน, รับรอง, เห็นพ้อ
ally(n) พันธมิตร, พรรคพวก, พวกพ้อ
apostasy(n) การปลีกตัวออกจากพวกพ้อง, การละทิ้งศาสนา
apostate(n) ผู้ปลีกตัวจากพวกพ้อง, ผู้ละทิ้งศาสนา
assent(n) การยินยอม, การเห็นพ้องต้องกัน, การยอมรับ, การตกลง
autism(n) ความคิดเพ้อฝัน, ความหมกหมุ่น
autistic(adj) เพ้อฝัน, หมกหมุ่น
chimera(n) สัตว์ประหลาดในนิยาย, ความฝัน, ความเพ้อฝัน, ความเพ้อเจ้อ
chimerical(adj เพ้อฝัน, ฝันลมๆ) แล้งๆ, เพ้อเจ้อ
clansman(n) พี่น้องร่วมสกุล, พี่น้องร่วมแซ่, พวกพ้อ
coincide(vi) ร่วมกัน, พ้องกัน, เกิดขึ้นพร้อมกัน, ลงรอยกัน, เข้ากัน, สอดคล้องกัน, กันตรงกัน
coincidence(n) เหตุบังเอิญ, การพ้องกัน, การเกิดขึ้นพร้อมกัน
coincident(adj) พ้องกัน, เกิดขึ้นเวลาเดียวกัน, ประจวบกัน, บังเอิญ
conceit(n) ความหยิ่ง, ความถือดี, ความทะนงตัว, ความเพ้อฝัน, จินตนาการ
concert(n) การแสดงดนตรี, มโหรี, สังคีต, คอนเสิร์ต, การเห็นพ้องต้องกัน, ความร่วมมือ
concur(vi) รวมกัน, เห็นด้วย, เห็นพ้อง, พร้อมกัน, ประจวบกัน
concurrent(adj) รวมกัน, ประจวบกัน, พร้อมกัน, พ้องกัน
delirious(adj) เพ้อ, คลั่ง, คุ้มคลั่ง, บ้า
delirium(n) การเพ้อ, ความคุ้มคลั่ง, ความเพ้อคลั่ง
disagreement(n) ความไม่เห็นด้วย, ความไม่ลงรอยกัน, ความไม่เห็นพ้อ
dream(n) ความฝัน, ความเพ้อฝัน, ความนึกฝัน
dream(vi) ฝัน, นึกฝัน, เพ้อฝัน
dreamy(adj) เหมือนฝัน, ชอบฝัน, ชอบเพ้อฝัน, น่าอัศจรรย์, เลือนลาง
fanciful(adj) ประหลาด, เพ้อฝัน, ไม่จริง, ชอบจินตนาการ
fancy(n) ความนึกฝัน, ความชอบ, ความเพ้อฝัน, จินตนาการ, รสนิยม
fancy(vi, vt) นึกฝัน, เพ้อฝัน, คิดฝัน, ลองนึก, จินตนาการ
fantasy(n) การนึกฝัน, ความเพ้อฝัน, จินตนาการ, ความคิดฟุ้งซ่าน
friendless(adj) ไม่มีเพื่อน, ไม่มีพวกพ้อง, ไม่มีพรรคพวก
hallucination(n) อาการประสาทหลอน, อาการเพ้อ, สัญญาวิปลาส
homonym(n) คำพ้องเสียง
ideal(adj) ดีเลิศ, เพ้อฝัน, ในอุดมคติ, เกี่ยวกับอุดมการณ์
imaginary(adj) ในความนึกคิด, สมมุติขึ้น, เพ้อฝัน
impractical(adj) ไม่มีประโยชน์, เพ้อฝัน, ทำไม่ได้, ไม่ได้ผลจริง
MATTER-OF-matter-of-fact(adj) ตามความจริง, จริงจัง, ไม่เพ้อฝัน
maunder(vi) พูดเพ้อเจ้อ, พูดพล่อย
nepotism(n) การแบ่งพรรคพวก, การถือพวกพ้อง, การเลือกที่รักมักที่ชัง
partisan(adj) ซึ่งแบ่งพวกพ้อง, ซึ่งถือพรรคถือพวก, ซึ่งเข้าข้าง
partisan(n) ผู้เข้าข้าง, พรรคพวก, พวกพ้อง, พลพรรค
partizan(n) ผู้เข้าข้าง, พรรคพวก, พวกพ้อง, พลพรรค
phantasm(n) ความคิดฝันไป, ภาพหลอน, ความเพ้อฝัน, การฝันเฟื่อง
prate(n) การพูดเพ้อเจ้อ, การพูดพร่ำ, การพูดจ้อ, การพูดเรื่อยเปื่อย
prate(vi) พูดพร่ำ, พูดเพ้อเจ้อ, พูดเรื่อยเปื่อย, พูดจ้อ
prattle(n) การพูดเพ้อเจ้อ, การพูดพร่ำ, การพูดจ้อ, การพูดเรื่อยเปื่อย
prattle(vi) พูดพร่ำ, พูดเพ้อเจ้อ, พูดเรื่อยเปื่อย, พูดจ้อ
rattle(vi) สั่น, มีเสียงแหลม, ปลุก, วิ่งเร็ว, พูดฉอด, พูดเพ้อเจ้อ
rave(vi) คลั่ง, พูดเพ้อเจ้อ, อาละวาด
reverie(n) การรำพึง, ความเพ้อฝัน, จินตนาการ, การฝันกลางวัน
revery(n) การรำพึง, ความเพ้อฝัน, จินตนาการ, การฝันกลางวัน
romantic(adj) โรแมนติก, เพ้อฝัน, เกี่ยวกับเรื่องรักใคร่, ในจินตนาการ

Longdo Unapproved EN-TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
complain(vi) ตัดพ้อ
cronyism(n) ระบบพวกพ้อง การเล่นพรรคเล่นพวก หรือ การเอื้อประโยชน์ให้แก่คนใกล้ชิดของตน
Doctrine of Signature[doc-trin of sik-na-tur] (n) การบำบัดรักษาโรคด้วยส่วนของพืชที่มีลักษณะพ้องจองกับอวัยวะหรืออาการนั้นๆ, สัญลักษณาการบำบัด (สญฺญลกฺษณ+อาการฺ+ขจดฺ), Syn. สัญลักษณ์บำบัด
homophony(n) คำพ้องเสียง, คำที่มีเสียงเหมือน, See also: A. polyphony, homophonous
MRI(n, abbrev) (Magnetic Resonance Imaging) ระบบสร้างภาพจากการสั่นพ้องของคลื่นสนามแม่เหล็ก ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการสร้างภาพตัดขวางทางการแพทย์
tomography(n) การสร้างภาพตัดขวางของรูปทรงโดยใช้เทคนิคต่างๆ ดังเช่น จากการสั่นพ้องของคลื่นสนามแม่เหล็ก หรือ จากรังสีเอกซ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์

Longdo Unapproved JP-TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
一致[いっち, itchi] (vi, adj) เหมือนกัน, พ้องกัน, เห็นด้วย, เป็นเอกฉันท์, See also: A. 反対
中る[あたる, ataru] (vt) (อาการ)แพ้ เช่น แพ้อาหาร, See also: S. 当たる
コテンパン[こてんぱん, kotenpan] (colloq) พ่ายแพ้อย่างหมดรูป
フィックション[こてんぱん, fikkushon] (n) นวนิยาย, เรื่องเพ้อฝัน, เรื่องที่แต่งขึ้น
面白さ[おもしろさ, omoshirosa] (n) (ฟัน) n. ความสนุกสนาน, ความขบขัน, เรื่องขบขัน, การหยอกล้อ -Phr. (make fun of, poke fun at หยอกล้อ, หัวเราะเยาะ) vt., vi. เล่นตลก, ล้อเล่น. adj. เกี่ยวกับการหยอกล้อ, เกี่ยวกับการล้อเล่น, เพ้อฝัน, ร่าเริง, S. amusement
惨敗[ざんぱい, zanpai] (n, vt) พ่ายแพ้อย่างน่าอับอาย
厨房 ; 中坊 ; 中に病[จูโบ จูนิเบียว จูนิบโย chuubou chuububyou ちゅうにびょう ちゅうぼう] (n, slang) ความหมายโดยแท้จริง แปลว่า ครัว แต่เนื่องจากไปพ้องเสียงกับอีกคำแสลงอีกคำที่มีความหมายว่า เกรียน (ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต ก่อกวน หรือสร้างความรำคาญให้ผู้อื่น) คือ 中坊 (เด็กมัธยมต้น หรือ เด็กที่ไม่รู้จักโต) และในขั้นตอนเวลาพิมพ์คำว่า 中坊 มักจะไม่ออกมาให้เลือก ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จึงใช้คำ 厨房 ในเชิงคำแสลงว่า "เกรียน" แทนคำเดิมไปโดยปริยาย นอกจากนี้ยังมีคำว่า 中に病 (ちゅうにびょう)ซึ่งแปลว่า "โรคเด็กม.ต้น" ก็มีใช้ในความหมายเชิงว่า เกรียน ได้ด้วยเ่ช่นกัน (ขอบคุณข้อมูลจากเพจ "เรียนภาษาญี่ปุ่นกับโอมเซนเซ" ด้วยค่ะ)
同義語[どうぎご, dougigo] (n) คำพ้องความหมาย

Saikam JP-TH-EN Dictionary
合意[ごうい, goui] TH: เห็นพ้องด้วย  EN: consent
夢想[むそう, musou] TH: ความเพ้อฝัน  EN: dream

Longdo Approved DE-TH
einverstanden(adj, pp) ที่เห็นด้วย, เห็นพ้องต้องกัน เช่น Sie sind damit nicht einverstanden. (= Sie sind nicht dafür.) พวกเขา/คุณไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้, See also: Related: zustimmen
Konsens(n) |der, pl. Konsense| มติเอกฉันท์, การเห็นพ้อ
Tomografie(n) |die, pl. Tomografien| การสร้างภาพตัดขวางของรูปทรงโดยใช้เทคนิคต่างๆ ดังเช่น จากการสั่นพ้องของคลื่นสนามแม่เหล็ก หรือ จากรังสีเอกซ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์
Magnetresonanztomografie(n) |die, pl. Magnetresonanztomografien| ระบบสร้างภาพตัดขวางจากการสั่นพ้องของคลื่นสนามแม่เหล็ก

Longdo Unapproved DE-TH
**ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
die Zustimmung, -en(n) เสียงสนับสนุน/ความเห็นพ้องต้องกัน

Longdo Approved FR-TH
d'accord(phrase) ตกลง, เห็นด้วย, โอเค (เป็นวลีที่ใช้บ่งแสดงความเห็นพ้องหรือความเข้าใจ)

Time: 0.0482 seconds, cache age: 6.858 (clear)Longdo Dict -- https://dict.longdo.com/