วัดนาปรังประชาราม | [วัด-นา-ปรัง-ประ-ชา-ราม] (org) วัดนาปรังประชาราม เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๑ ตำบลคลองกวาง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา |
동방신기 | [ทงบังชินกิ] (n, uniq) เป็นบอยแบนด์จากเกาหลีใต้ ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 2003 ในสังกัดเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ชื่อวงแปลว่า "เหล่าเทวาผู้เจิดจรัสแห่งบุรพทิศ" แรกก่อตั้ง วงประกอบด้วยสมาชิก 5 คน คือ ยูโน ยุนโฮ หัวหน้าวง, ชเวคัง ชางมิน, ยองอุง แจจุง, มิกกี ยูชอน และซีอา จุนซู กระทั่งเดือนกรกฎาคม 2009 แจจุง ยูชอน และจุนซู ฟ้องร้องตันสังกัด กิจกรรมต่าง ๆ ของวงจึงหยุดเป็นเวลา 2 ปี 3 เดือน ภายหลัง สมาชิกทั้งสามลาออกไปตั้งวงใหม่ชื่อ เจวายเจ (JYJ) สังกัดซีเจสเอนเตอร์เทนเมนต์ (C-JeS Entertainment) ทงบังชินกีจึงกลายเป็นกลุ่มนักร้องคู่โดยเหลือสมาชิกคือ ยุนโฮ และ ชางมิน |
소녀시대 | [โซ นยอ ชิ แด] (n, uniq) ศิลปินกลุ่มหญิงสัญชาติเกาหลีใต้จากสังกัดค่าย SM Entertainment มีสมาชิกทั้งหมด 9 คน ประกอบด้วย แทยอน, เจสสิก้า, ซันนี่, ทิฟฟานี่, ฮโยยอน, ยูริ, ซูยอง, ยุนอา และ ซอฮยอน เริ่มต้นเปิดตัวเข้าสู่วงการเพลงอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ด้วยซิงเกิ้ลเปิดตัว Into the New World (다시 만난 세계, Dasi Mannan Segye) ในรายการเพลง Inkigayo ทางสถานีโทรทัศน์ SBS, See also: R. Girls' Generation Image: |
สังกัด | (v) belong to, See also: to be under, to be a member with, Syn. ขึ้นตรงต่อ, ขึ้นอยู่กับ |
สังกัด | (v) belong to, See also: be under, be responsible to, be in the service of, be subordinate to, be under the jurisdi, Syn. หมายหมู่, ขึ้นอยู่, รวมอยู่, ขึ้นตรงต่อ, ขึ้นอยู่กับ, ขึ้นกับ, Example: บุคคลจำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมืองจึงจะมีสิทธิ์ลงสมัครเป็นส.ส.ได้ |
ในสังกัด | (adj) affiliated with, See also: subsidiary to, Example: เธอเซ็นสัญญาเป็นนักร้องในสังกัดเป็นระยะเวลา 3 ปี |
ต้นสังกัด | (n) original affiliation, Syn. สังกัดเดิม, Example: ต้นสังกัดสั่งให้เขาไปช่วยงานโครงการนี้ชั่วคราว, Thai Definition: หน่วยงานที่สังกัดอยู่ |
เจ้าสังกัด | น. ส่วนราชการที่หน่วยงานย่อยหรือหน่วยงานอื่นสังกัดอยู่ เช่น กระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าสังกัดของกรมราชทัณฑ์ สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. |
ต้นสังกัด | น. ส่วนราชการที่ข้าราชการนั้น ๆ สังกัดอยู่ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นต้นสังกัดของข้าราชการตำรวจทุกคน. |
รัฐมนตรีเจ้าสังกัด | น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง รัฐมนตรีว่าการทบวง นายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสำนักนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมและไม่สังกัดกระทรวง. |
สังกัด | ก. ขึ้นอยู่, รวมอยู่, เช่น กรมศิลปากรสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม. |
สังกัด | น. ส่วนราชการที่มีหน่วยงานย่อย ๆ ขึ้นอยู่ เช่น กรมการศาสนาอยู่ในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม, โดยปริยายหมายถึงที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เช่น เขาเป็นคนไม่มีสังกัด คือ เป็นคนที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หมายถึง คนที่เร่ร่อนพเนจร. |
กรม ๓ | (กฺรม) น. หมู่เหล่าอันเป็นที่รวมกำลังไพร่พลของแผ่นดินตามลักษณะปกครองสมัยโบราณ เพื่อประโยชน์ในราชการและเวลาเกิดศึกสงคราม จะได้เรียกระดมคนได้ทันท่วงที บรรดาชายฉกรรจ์ต้องเข้าอยู่ในกรมหรือในหมู่เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เรียกว่า สังกัดกรม มีหัวหน้าควบคุมเป็นเจ้ากรม ปลัดกรม ตามลำดับ ซึ่งเมื่อพระเจ้าแผ่นดินทรงตั้งให้เจ้านายปกครองเป็นองค์ ๆ เรียกว่าตั้งกรม แล้ว เจ้านายพระองค์นั้นก็ ทรงกรม เป็น เจ้าต่างกรม เพราะมีกรมขึ้นต่างหากออกไปเป็นกรมหนึ่ง มีอำนาจตั้งเจ้ากรม ปลัดกรม เป็น หมื่น ขุน หลวง พระ พระยา ได้ และเรียกชื่อกรมนั้น ๆ ตามบรรดาศักดิ์เจ้ากรมว่า กรมหมื่น กรมขุน กรมหมื่น กรมขุน กรมหลวง กรมหลวงกรมพระ และกรมพระยา หรือ เมื่อจะทรงกรมสูงขึ้นกว่าเดิม ก็โปรดให้ เลื่อนกรม ขึ้น โดยเจ้ากรมมีบรรดาศักดิ์เลื่อนขึ้น เช่นจากหมื่นเป็นขุน, มาในปัจจุบันชื่อกรมเหล่านี้มีความหมายกลายเป็นพระอิสริยยศและพระนามเจ้านายเท่านั้น. |
กรมท่ากลาง | น. ส่วนราชการในสังกัดกรมพระคลัง ที่ตั้งขึ้นภายหลังกรมท่าซ้าย กรมท่าขวา ทำหน้าที่รวมงานการติดต่อกับชาติตะวันตกเรื่องการค้าขายและการต่างประเทศ เช่น โปรตุเกส ฮอลันดา อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา. |
กรมท่าขวา | น. ส่วนราชการในสังกัดกรมพระคลัง ทำหน้าที่ติดต่อกับต่างชาติเรื่องการค้าขายและการต่างประเทศ กับชาติที่อยู่ทางด้านขวาหรือทางตะวันตกของอ่าวไทย เช่น อินเดีย อิหร่าน รวมทั้งชาติที่เข้ามาติดต่อทางด้านนั้น. |
กรมท่าซ้าย | น. ส่วนราชการในสังกัดกรมพระคลัง ทำหน้าที่ติดต่อกับต่างชาติเรื่องการค้าขายและการต่างประเทศกับชาติที่อยู่ทางด้านซ้ายหรือทางตะวันออกของอ่าวไทย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี รวมทั้งชาติที่เข้ามาติดต่อทางด้านนั้น. |
กรมนา | น. กรมใหญ่กรมหนึ่งในจตุสดมภ์ มีเสนาบดีเป็นผู้บังคับบัญชา มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษานาหลวง เก็บหางข้าวขึ้นฉางหลวง ทำนุบำรุงอาชีพเกษตรกรรมและเก็บค่าภาษีอากรเกี่ยวกับการนั้น รวมทั้งบังคับบัญชาศาลในสังกัดซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีพิพาทเกี่ยวกับที่นาและโคกระบือเป็นต้น |
กรมพระคลัง | น. กรมใหญ่กรมหนึ่งในจตุสดมภ์ มีเสนาบดีเป็นผู้บังคับบัญชา มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการคลัง การต่างประเทศ และการค้ากับต่างประเทศ รวมทั้งบังคับบัญชาศาลในสังกัดซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีความเกี่ยวข้องด้วยพระราชทรัพย์หลวง และคดีความต่างประเทศ, พระคลัง หรือ พระคลังกรมท่า ก็เรียก |
กรมเมือง | (กฺรมมะ-) น. กรมใหญ่กรมหนึ่งในจตุสดมภ์ มีเสนาบดีเป็นผู้บังคับบัญชา มีอำนาจหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในราชธานีและปริมณฑล ปราบปรามโจรผู้ร้าย รวมทั้งบังคับบัญชาศาลในสังกัดซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีความอุกฉกรรจ์และดูแลคุก (เรือนจำ) มหันตโทษ, เวียง หรือ กรมพระนครบาล ก็เรียก |
กรมวัง | (กฺรมมะ-) น. กรมใหญ่กรมหนึ่งในจตุสดมภ์ มีเสนาบดีเป็นผู้บังคับบัญชา มีอำนาจหน้าที่รักษาพระราชมนเทียร พระราชวังชั้นนอก พระราชวังชั้นใน บริหารกิจการในพระราชสำนัก และบังคับบัญชาศาลในสังกัดซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับสมใน ได้แก่ ศาลแพ่งวัง ศาลอาชญาวัง และศาลนครบาลวัง รวมทั้งบังคับบัญชาศาลมรดก |
กรรกง | (กัน-) น. ที่ล้อมวง เช่น จำเนียรกรรกงรอบนั้น (ม. คำหลวง นครกัณฑ์), ใช้เป็น กงกรร ก็มี เช่น แลสับสังกัดกงกรร (สมุทรโฆษ). |
กรุ ๑ | (กฺรุ) น. ห้องที่ทำไว้ใต้ดิน ใต้พระเจดีย์ เป็นต้น สำหรับเก็บพระพุทธรูปและสิ่งมีค่าอื่น ๆ, โดยปริยายหมายถึงกระทรวง ทบวง กรม ที่ข้าราชการในสังกัดถูกเรียกตัวเข้ามาอยู่ประจำ โดยมิได้มีตำแหน่งหน้าที่ใด ๆ เพื่อเป็นการลงโทษหรือก่อนเกษียณอายุราชการ ในความว่า เรียกเก็บเข้ากรุ. |
ข้อมือขาว | น. คนที่ไม่ได้สักข้อมือขึ้นทะเบียนสังกัดเป็นไพร่หลวง ไพร่สม. |
ขึ้น ๑ | อยู่ในสังกัด เช่น กรมศิลปากรขึ้นกับกระทรวงวัฒนธรรม |
จางวาง | น. ตำแหน่งข้าราชการชั้นสูงกว่าเจ้ากรมที่มิใช่กรมเสนาบดี ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา กำกับดูแลกรมนั้น ๆ, ตำแหน่งในสังกัดของเจ้านายที่ทรงกรม ทำหน้าที่กำกับดูแลกรมเจ้านาย, ตำแหน่งข้าราชการชั้นสูงในกรมมหาดเล็ก ตั้งขึ้นในรัชกาลที่ ๔ มีหน้าที่บังคับบัญชาหัวหมื่นมหาดเล็ก |
ชา ๔ | ก. หมายไว้, กำหนดไว้, เช่น เอามีดสับชาไว้ที่ประมาณส่วนกลางลำอ้อยในการเล่นค่องอ้อย, ใช้ประกอบกับคำ กฎ เป็น กำหนดกฎชา, สังกัด เช่น แบ่งปันแผนกหมู่ชา (พระอัยการบานแพนก), สรนุกนิเรียบเรือชา (สมุทรโฆษ). |
ชำนัญพิเศษ | เรียกองค์การต่าง ๆ ในสังกัดองค์การสหประชาชาติ ว่า ทบวงการชำนัญพิเศษ. |
เด็กชา | น. บุตรชายของข้าราชการหรือคหบดีที่ยังเยาว์วัยได้รับการนำขึ้นถวายตัวแด่พระเจ้าอยู่หัวสำหรับทรงใช้สอยโดยการเข้าสังกัดอยู่ในกรมมหาดเล็กแต่ยังมิใช่ข้าราชการ. |
ทบวง | (ทะ-) น. ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลางที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่สูงกว่ากรม โดยมีทบวง ๒ ประเภท คือ ทบวงที่มีฐานะเทียบเท่ากับกระทรวง และทบวงที่มีฐานะต่ำกว่ากระทรวงซึ่งต้องอยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวง. |
ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร | น. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากหัวหน้าพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรที่สมาชิกในสังกัดของพรรคตนมิได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ. |
ไพร่หลวง | น. ชายฉกรรจ์อายุ ๑๘ ปีขึ้นไปซึ่งเป็นราษฎรสามัญผ่านการสักขึ้นทะเบียนสังกัดกรมกองต่าง ๆ เพื่อรับราชการหรือเข้าเดือน. (ดู เลกสมสัก ประกอบ). |
ยกกระบัตร | น. ตำแหน่งข้าราชการสังกัดกระทรวงวัง มีหน้าที่ออกไปประจำอยู่ตามหัวเมืองเพื่อสอดส่องอรรถคดี |
ลูกหมู่ | น. ลูกหลานที่ต้องถูกเกณฑ์รับราชการตามสังกัดของบิดามารดาในครั้งโบราณ. |
ลูกหม้อ | โดยปริยายหมายถึงผู้มีวิชาชีพโดยสืบต่อเชื้อสายกันมาหรือทำงานในสังกัดนั้น ๆ มาตั้งแต่เดิม. |
แวดวง | น. วงการ, กลุ่มที่สังกัดอยู่, เช่น ในแวดวงนักการเมือง ในแวดวงนักธุรกิจ. |
ศาลทหาร | น. ศาลที่ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ ซึ่งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาที่ผู้กระทำผิดเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหาร เช่น ทหารพลเรือนที่สังกัดอยู่ในราชการทหาร. |
สัก ๓ | ก. เอาของแหลมแทงลงด้วยวิธีการหรือเพื่อประโยชน์ต่าง ๆ กัน เช่น สักปลาไหล สักหาของในนํ้า สักรอยชํ้าเพื่อรีดเอาเลือดที่คั่งออก, ใช้เหล็กแหลมจุ้มหมึกหรือนํ้ามันแทงที่ผิวหนังให้เป็นอักขระเครื่องหมาย หรือลวดลาย, ถ้าใช้หมึก เรียกว่า สักหมึก, ถ้าใช้นํ้ามัน เรียกว่า สักนํ้ามัน, (โบ) ทำเครื่องหมายโดยใช้เหล็กแหลมจุ้มหมึกจิ้มที่ผิวหนังเพื่อแสดงเป็นหลักฐานบนร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น สักข้อมือ แสดงว่าได้ขึ้นทะเบียนเป็นชายฉกรรจ์หรือเป็นเลกมีสังกัดกรมกองแล้ว สักหน้า แสดงว่าเป็นผู้ที่ต้องโทษปาราชิกเป็นต้น. |
สักหมายหมู่ | น. การสักบอกสังกัด, การสักเลกหรือคนที่ต้องขึ้นทะเบียนเป็นไพร่หลวงหรือไพร่สม ให้รู้ว่าอยู่ในหมู่ใดกรมใด เพื่อใช้ในราชการและไม่ให้ไพร่อยู่อย่างไร้สังกัด เช่น ไพร่หลวงทั้งปวงซึ่งมีสักหมายหมู่กรมนั้นแล้ว (สามดวง), หมายประกาศเรื่องปลอมสักหมายหมู่ (ประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔), สักเข้าหมู่ ก็ว่า. |
สารวัตรทหาร | น. ทหารที่ได้รับคำสั่งจากผู้มีอำนาจสั่งใช้ให้ปฏิบัติหน้าที่ เช่น สอดส่อง ตรวจตรา ตักเตือน จับกุมทหาร ข้าราชการพลเรือนและคนงานสังกัดกระทรวงกลาโหมที่กระทำความผิดหรือไม่อยู่ในระเบียบวินัยซึ่งอยู่ภายนอกที่ตั้งหน่วยทหาร. |
หมากลางถนน | น. หมาที่ไม่มีเจ้าของ, โดยปริยายใช้เป็นสำนวนเปรียบเทียบคนที่ไม่มีสังกัด ไม่มีญาติพี่น้อง ยากจนอนาถา ไม่มีใครเหลียวแล เช่น เขาตายอย่างหมากลางถนน. |
อิสร-, อิสระ | (อิดสะหฺระ-) ว. เป็นใหญ่, เป็นไทแก่ตัว, เช่น อิสรชน, ที่ปกครองตนเอง เช่น รัฐอิสระ, ไม่ขึ้นแก่ใคร, ไม่สังกัดใคร, เช่น อาชีพอิสระ นักเขียนอิสระ. |
โอน | ย้ายสังกัด |
party identification | การสังกัดพรรคการเมือง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
dependency | ๑. ภาวะพึ่งพิง๒. เขตสังกัด [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
disallowance | ๑. การไม่ยอมรับกฎหมาย (ที่ออกโดยอาณานิคมหรือเขตสังกัด)๒. การบอกปัด (ข้อเรียกร้อง) [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
floating vote | ๑. คะแนนเสียงเลื่อนลอย๒. คะแนนเสียงของผู้ไม่สังกัดพรรค [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
vote, floating | ๑. คะแนนเสียงเลื่อนลอย๒. คะแนนเสียงของผู้ไม่สังกัดพรรค [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] |
High Commiissioner | ข้าหลวงใหญ่ หรือผู้แทนทางการทูตของแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกสังกัดเครือจักรภพอังกฤษ (The Commonwealth of Nations) และประจำอยู่ ณ ประเทศของสมาคมนี้ด้วยกัน แท้ที่จริงแล้วตำแหน่งนี้ก็เท่ากับตำแหน่งเอกอัคร ราชทูตในกรณีของประเทศที่มิได้เป็นสมาชิกสังกัดในเครือจักรภพนั่นเอง เช่น ในกรณีที่ผู้แทนทางการทูตของประเทศแคนาดาไปประจำ ณ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งทั้งสองเป็นประเทศในเครือจักรภพด้วยกัน เขาจะเรียกผู้แทนทางการทูตของแคนาดานั้นว่า High Commissioner ไม่ใช้คำว่า Ambassador แต่ถ้าผู้แทนทางการทูตของแคนาดาไปประจำประเทศนอกเครือจักรภพ เช่น ประเทศไทย ก็จะเรียกผู้แทนทางการทูตของแคนาดานั้นว่า เอกอัครราชทูต (Ambassador) [การทูต] |
สังกัด | [sangkat] (v) EN: belong to ; be under ; be responsible to ; be in the service of ; be subordinate to ; be under the jurisdiction of ; be under the command of ; be affiliated with ; be a member with FR: être rattaché à ; dépendre de |
belong | (vi) เป็นส่วนหนึ่งของ, See also: อยู่ใน, อยู่สังกัด, เป็นสมาชิกของ |
ensign | (n) ธงของเรือเพื่อแสดงให้ทราบว่าสังกัดทหารหน่วยใด, See also: ธงของเครื่องบินเพื่อแสดงให้ทราบว่าสังกัดทหารหน่วยใด, Syn. flag |
accessory | (แอคเซส' โซรี) n., adj. ผู้สมรู้ร่วมคิด, ส่วนประกอบ, อุปกรณ์, ของเพิ่มเติม, ของประกอบ, ผนวก, สังกัด, สมคบ, ร่วมมือ -accessoriness n., Syn. supplement |
accidental | (แอคซิเดน' เทิล) adj., n. บังเอิญ, ส่วนประกอบ, ลักษณะสังกัด, ส่วนที่ไม่เรียบ, เครื่องหมาย (ดนตรี) ชั่วคราว. -accidentally adv., Syn. unexpected |
adjunctive | (อะจังคฺ' ทิฟว) adj. เป็นสิ่งประกอบหรือส่งเสริม, คำเสริม, ส่วนสังกัด |
appendage | (อะเพน'เดจฺ) n. ส่วนผนวก, ส่วนเพิ่มใส่, แขนขา, อวัยวะประกอบ, ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา, ผู้อยู่ในสังกัด, Syn. accessory, appendix, Ant. separation |
appendant | (อะเพน'เดินทฺ) adj. ผนวก, ติด, เพิ่ม, ใส่, ในสังกัด, ทรัพย์สินหรือสิทธิ์ที่ติดตามมา. -appendance, appendancy, appendence, appendency n. (adjunct, supplement) |
appendent | (อะเพน'เดินทฺ) adj. ผนวก, ติด, เพิ่ม, ใส่, ในสังกัด, ทรัพย์สินหรือสิทธิ์ที่ติดตามมา. -appendance, appendancy, appendence, appendency n. (adjunct, supplement) |
auxiliary | (ออกซิล'เลียรี) adj. เป็นองค์ประกอบ, ช่วย, เพิ่ม, สนับสนุน, หนุน, สำรอง, อยู่ในสังกัด. -n. เครื่องช่วย, เครื่องสนับสนุน, ผู้ช่วย, ผู้สนับสนุน, บุคคลในสังกัด, Syn. assisting, subordinate, helper, Ant. principal |
belong | (บิลอง') { belonged, belonging, belongs } vi. เป็นของ, เป็นส่วนหนึ่งของ, ขึ้นอยู่กับ, อยู่ใน, อยู่สังกัด, อยู่, พัก, เกี่ยวกับ, ขึ้นอยู่กับ |
chantry | (ชาน'ทรี) n. ปัจจัยที่ถวายพระ, โบสถ์เล็ก ๆ ในสังกัด |
collateral | (คะแลท'เทอรัล) adj. เคียงข้าง, ขนานกัน, เพิ่มเติม, ประกอบ, สังกัด, เป็นส่วนเสริม, ที่สอง, โดยทางอ้อม, ไม่ใกล้ชิด, ห่าง ๆ, See also: collaterality n., Syn. adjunct |
secondary | (เซค'เคินเดอริ) adj. ที่สอง, ลำดับสอง, ทุติยะ, อันดับรอง, รอง, สำรอง, ทีหลัง, ต่อเนื่อง, สังกัด, ได้มาจาก, ไม่สำคัญ, ส่งเสริม, ส่วนเสริม, เกี่ยวกับโรงเรียนมัธยม, เกี่ยวกับคาร์บอนอะตอมที่รวมตัวกับอีกสองคาร์บอนอะตอม, เป็นอนุพันธุ์, เกี่ยวกับอดีต, เกี่ยวกับการเน้นเสียงที่สอง |
subject | (ซับ'จิคทฺ) n. เรื่อง, กรณี, ประเด็น, บัญหา, ข้อ, หัวข้อ, สาขาวิชา, สาเหตุ, มูลเหตุ, ประชากร, ข้า, ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน, ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา, ผู้รับการทดสอบ, (ไวยากรณ์) ประธานประโยค, (ปรัชญา) ตัวหลัก, ตัวของตัวเอง. adj. ภายใต้การควบคุม, เปิดเผย, อยู่ในสังกัด, อยู่ในความควบคุม, |
subjection | (ซับเจค'เชิน) n. การพิชิต, การเอาชนะ, การทำให้อยู่ภายใต้การควบคุม, การทำให้อยู่ในสังกัด, การอยู่ภายใต้การควบคุม, การอยู่ในสังกัด, Syn. conquer, ocntrol |
subordinate | (ซับบอร์'ดิเนท) adj. เป็นรอง, ใต้บังคับบัญชา, สำคัญน้อยกว่า, ในสังกัด, เป็นบริวาร, เป็นข้า, ขึ้นอยู่กับ, (ไวยากรณ์) เสริมแต่ง. n. คนที่เป็นรอง, สิ่งที่เป็นรอง. vt. ทำให้อยู่ในลำดับรอง, ทำให้อยู่ในบังคับบัญชา., See also: subordination n. subordinative adj |
subsidiary | (ซับซิด'เดียรี) adj. เสริม, ส่งเสริม, ช่วยเหลือ, สังกัด, เป็นองค์ประกอบ, รอง, ลูกมือ, ไม่ใช่ตัวการ, บริษัทสาขา. -subsidiarily adv., See also: subsidiariness n., Syn. assisting |
under | (อันเดอะ) prep., adj., adv. ภายใต้, ใต้, ข้างล่าง, ล่าง, ต่ำกว่า, น้อยกว่า, รอง, ในสังกัด, ตามที่, ในระหว่างที่. -Phr . (go under ยอมแพ้ ตกต่ำ), Syn. beneath, below |
belong | (vi) เป็นของ, อยู่ในสังกัด, ขึ้นอยู่กับ |
subject | (adj) อยู่ในสังกัด, อยู่ในอำนาจ, จำต้อง |
subjection | (n) การพิชิต, การอยู่ใต้อำนาจ, การอยู่ในสังกัด |
subordinate | (adj) อยู่ใต้บังคับบัญชา, รองลงมา, อยู่ในสังกัด, ขึ้นอยู่กับ |
subordinate | (n) ผู้น้อย, ผู้ใต้บังคับบัญชา, คนในสังกัด |
subordinate | (vt) ทำให้อยู่ในสังกัด, ทำให้อยู่ใต้บังคับบัญชา |
subordination | (n) การอยู่ในสังกัด, การอยู่ใต้บังคับบัญชา |
Debsirin school | (n) โรงเรียนเทพศิรินทร์ เป็นโรงเรียนรัฐบาลสังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๔๖๖ ถนนกรุงเกษม แขวงวัดเทพศิรินทราวาส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เป็นโรงเรียนชายล้วน โดยรัชกาลที่ 5 สร้างโรงเรียนขึ้นเพื่อลำรึกถึงสมเด็จพระเทพศิรินทร์ทราบรมราชินี (พระมารดา) |
girls' generation | [เกิล'ส เจเนอเรชั่น] (name, uniq) ศิลปินกลุ่มหญิงสัญชาติเกาหลีใต้จากสังกัดค่าย SM Entertainment มีสมาชิกทั้งหมด 9 คน ประกอบด้วย แทยอน, เจสสิก้า, ซันนี่, ทิฟฟานี่, ฮโยยอน, ยูริ, ซูยอง, ยุนอา และ ซอฮยอน เริ่มต้นเปิดตัวเข้าสู่วงการเพลงเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ด้วยซิงเกิ้ลเปิดตัว Into the New World (다시 만난 세계, Dasi Mannan Segye) ในรายการเพลง Inkigayo ทางสถานีโทรทัศน์ SBS |
SNSD | [โซ นยอ ชิ แด] (abbrev, uniq) ศิลปินกลุ่มหญิงสัญชาติเกาหลีใต้จากสังกัดค่าย SM Entertainment มีสมาชิกทั้งหมด 9 คน ประกอบด้วย แทยอน, เจสสิก้า, ซันนี่, ทิฟฟานี่, ฮโยยอน, ยูริ, ซูยอง, ยุนอา และ ซอฮยอน เริ่มต้นเปิดตัวเข้าสู่วงการเพลงเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ด้วยซิงเกิ้ลเปิดตัว Into the New World (다시 만난 세계, Dasi Mannan Segye) ในรายการเพลง Inkigayo ทางสถานีโทรทัศน์ SBS, See also: 소녀시대, Syn. Girls' Generation |
เมเชอร์เเม็กซ์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ | [เม-เชอร์-เเมกซ์-เอน-เตอร์-เทน-เมนท์] (name) เป็นบริษัท-ค่ายเพลง ในสังกัด เมเชอร์เกทส์ เเอลทีดี บริษัทเริ่มมีชื่อเสียงในผลงานต่างๆของเหล่ากลุ่มดนตรี เจเนสส์บอมมี่[ สร้างเมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 โดย บริษัท เมเชอร์เกทส์ ไอเอ็นซี |
属する | [ぞくする, zokusuru] TH: สังกัด EN: to belong to |
付属 | [ふぞく, fuzoku] TH: หน่วยงานย่อยที่สังกัดในเครือข่ายขององค์กรใดองค์กรหนึ่งที่ใหญ่กว่า EN: attached to (vs) |