มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ ทำสงคราม | (v) war, See also: battle, Syn. ออกศึก, รบ, รบรา, ทำสงคราม, ต่อสู้, ดวล, สู้, โรมรัน, Example: สหรัฐเคยทำสงครามกับญี่ปุ่นจนญี่ปุ่นแพ้ย่อยยับ |
| ดาหงัน | (-หฺงัน) ก. ทำสงคราม, รบศึก. | เต็มอัตราศึก | ว. เต็มตามกำลังที่จะทำสงคราม. | ยุทธการ | น. การรบ, การทำสงคราม. | วินาศกรรม | (วินาดสะกำ) น. การลอบทำลายหรือเผาผลาญทรัพย์สินโรงงานอุตสาหกรรมเป็นต้น ของนายจ้างหรือของศัตรู เช่น ในกรณีที่เกิดพิพาทกันขึ้นระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หรือเพื่อตัดกำลังฝ่ายศัตรูเมื่อทำสงครามกันโดยตรงหรือโดยปริยาย. | อาชญากรสงคราม | (อาดยากอน-, อาดชะยากอน-) น. ผู้ก่ออาชญากรรมในการทำสงคราม. |
|
| | Neutralization, Neutrality หรือ Neutralism | คำว่า Neutraliza-tion หมายถึง กระบวนการซึ่งรัฐได้รับการค้ำประกันความเป็นเอกราชและบูรณภาพอย่างถาวรภาย ใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศ รัฐที่ได้รับการประกันรับรองให้เป็นกลาง (Neutralized State) เช่นนี้จะผูกมัดตนว่า จะละเว้นจาการใช้อาวุธโจมตีไม่ว่าประเทศใดทั้งสิ้น นอกเสียจากว่าจะถูกโจมตีก่อน ตัวอย่างอันเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในเรื่องรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความ เป็นกลางอย่างถาวร คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามปฏิญญา (Declaration) ซึ่งมีการลงนามกัน ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1815 ประเทศใหญ่ ๆ ในสมัยนั้น คือ ออสเตรีย ฝรั่งเศส อังกฤษ ปรัสเซีย และรัสเซีย ได้รับรองว่า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม จึงเป็นการจำเป็นที่จะให้รัฐเฮลเวติก(Helvetic Swiss States) ได้รับการประกันความเป็นกลางตลอดไป ทั้งยังประกาศด้วยว่า รัฐสภาของสวิตเซอร์แลนด์ตกลงรับปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ได้ระบุไว้เมื่อไร ความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์ก็จะได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางในทันที และแล้วสมาพันธ์สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ประกาศยอมรับปฏิบัติตาม หรือให้ภาคยานุวัติเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1815 บรรดาประเทศที่รับรองค้ำประกันความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์จึงประกาศ รับรองดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1815 อนึ่ง การค้ำประกันความเป็นกลางในลักษณะที่ครอบคลุมทั้งประเทศของรัฐใดรัฐหนึ่ง นั้น มีความแตกต่างกับการค้ำประกันเพียงดินแดนส่วนใดส่วนหนึ่งของรัฐหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าดินแดนส่วนหนึ่งของรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางจะ ไม่ยอมให้ฝ่ายใดใช้ดินแดนส่วนที่ค้ำประกันนั้นเป็นเวทีสงครามเป็นอันขาด การค้ำประกันความเป็นกลางยังมีอีกแบบหนึ่งคือ รัฐหนึ่งจะประกาศตนแต่ฝ่ายเดียวว่าจะรักษาความเป็นกลางของตนตลอดไปโดยถาวร แต่ในกรณีเช่นนี้ ความเป็นเอกราชและบูรณภาพของรัฐที่ประกาศตนเป็นกลางเพียงฝ่ายเดียว จะไม่ได้รับการค้ำประกันร่วมกันจากรัฐอื่น ๆ แต่อย่างใดส่วนคติหรือลัทธิความเป็นกลาง (Neutralism) เป็นศัพท์ที่หมายถึงสถานภาพของรัฐต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการน้ำประเทศของตนเข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในสงครามเย็น ( Cold War) ที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่ระหว่างกลุ่มประเทศภาคตะวันออกกับกลุ่มประเทศภาค ตะวันตก นอกจากนี้ ผู้นำบางคนในกลุ่มของรัฐที่เป็นกลาง ไม่เห็นด้วยกีบการที่ใช้คำว่า ?Neutralism? เขาเหล่านี้เห็นว่าควรจะใช้คำว่า ?ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด? ( Uncommitted ) มากกว่าจะเห็นได้ว่า คำว่า ?ความเป็นกลาง? ( Neutrality ) นั้น หมายถึงความเป็นกลางโดยถาวร ซึ่งได้รับการค้ำประกันจากกลุ่มประเทศกลุ่มหนึ่ง เช่นในกรณีประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้หรือหมายถึงความเป็นกลางเฉพาะในดินแดน ส่วนหนึ่งของรัฐที่ไม่ยอมให้ใครเข้าไปทำสงครามกันในดินแดนที่เป็นกลางส่วน นั้นเป็นอันขาดก็ได้ ดังนั้น พอจะเห็นได้ว่า แก่นแท้ในความหมายของความเป็นกลาง ( Neutrality) จึงอยู่ที่ท่าที หรือ ทัศนคติของประเทศที่ดำรงตนเป็นกลาง ไม่ต้องการเข้าข้างประเทศคู่สงครามใด ๆ ในสงคราม ในสมัยก่อนผู้คนยังไม่รู้จักความคิดเรื่องความเป็นกลางดังที่รู้จักเข้าใจ กันในปัจจุบัน ความเป็นกลางเป็นผลมาจากการทยอยวางหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของความเป็นกลาง นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน [การทูต] | New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] | Political Offenses | ความผิดทางการเมือง หลักการข้อหนึ่งของการส่งตัวผู้กระทำความผิดไปให้อีก ประเทศหนึ่ง หรือที่เรียกว่าการส่งผู้ร้ายข้ามแดน คือ ผู้ที่กระทำผิดทางการเมืองจะถูกส่งข้ามแดนไปให้อีกประเทศหนึ่งไม่ได้เป็นอัน ขาด แต่อย่างไรก็ดี มีปัญหาในปฏิบัติคือว่า จะแยกความแตกต่างกันอย่างไรระหว่างความผิดทางการเมือง กับที่มิใช่ด้วยเหตุผลทางการเมือง นักวิชาการบางท่านนิยามความหมายของคำว่าความผิดทางการเมืองไว้ว่า คือ ความผิดฐานกบฏ (Treason) ซึ่งในกฎหมายของหลายประเทศหมายถึงการประทุษร้าย หรือพยายามประทุษร้ายต่อประมุขของประเทศ หรือช่วยฝ่ายศัตรูทำสงครามกับประเทศของตน ความผิดฐานปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบภายในประเทศ (Sedition) หรือการประกอบจารกรรม (Espionage) อันเป็นการคุกคามต่อความั่นคงหรือต่อระบบการปกครองของประเทศผู้ร้องขอ (หมายถึงประเทศที่ร้องขอให้ส่งตัวผู้กระทำผิดไปให้ในลักษณะผู้ร้ายข้ามแดน) ไม่ว่าจะกระทำโดยคนเดียวหรือหลายคนก็ตาม [การทูต] | Potsdam Proclamation | คือคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดม ออกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 โดยหัวหน้าคณะรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และจีน ลงนามโดยประธานาธิบดีของรัฐบาลจีนคณะชาติ เป็นคำประกาศเมื่อตอนใกล้จะเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฝ่ายสัมพันธมิตรดังกล่าวกำลังทำสงครามขับเคี่ยวอยู่กับฝ่ายญี่ปุ่น พึงสังเกตว่า สหภาพโซเวียต ในตอนนั้นมิได้มีส่วนร่วมในการออกคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดมแต่อย่างใดโดยแท้จริงแล้ว คำประกาศนี้เท่ากับเป็นการยื่นคำขาดให้ฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกเอาว่าจะทำ การสู้รบต่อไป หรือจะยอมจำนนเพื่อยุติสงคราม คำประกาศได้เตือนอย่างหนักแน่นว่า หากญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะสู้รบต่อไป แสนยานุภาพอันมหาศาลของสัมพันธมิตรก็จะมุ่งหน้าโจมตีบดขยี้กองทัพและประเทศ ญี่ปุ่นให้แหลกลาญ แต่หากว่าญี่ปุ่นยอมโดยคำนึงถึงเหตุผล ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้ตั้งเงื่อนไขไว้หลายข้อ สรุปแล้วก็คือ ลัทธิถืออำนาจทหารเป็นใหญ่จะต้องถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปจากโลกอำนาจและอิทธิพล ของบรรดาผู้ที่ชักนำให้พลเมืองญี่ปุ่นหลงผิด โดยกระโจนเข้าสู่สงครามเพื่อครองโลกนั้น จะต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก รวมทั้งพลังอำนาจในการก่อสงครามของญี่ปุ่นด้วยจุดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด จะต้องถูกยึดครองไว้จนกระทั่งได้ปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายของสัมพันธมิตรเป็นผล สำเร็จแล้ว อำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นให้จำกัดอยู่เฉพาะภายในเกาะฮอนซู ฮ็อกไกโด กิวชู ชิโกกุ และเกาะเล็กน้อยอื่น ๆ ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด อาชญากรสงครามทุกคนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาล รวมทั้งที่ทำทารุณโหดร้ายต่อเชลยศึกของสัมพันธมิตร รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องกำจัดสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการรื้อฟื้น และเสริมสร้างความเชื่อถือในหลักประชาธิปไตยในระหว่างพลเมืองญี่ปุ่น และจัดให้มีเสรีภาพในการพูด การนับถือศาสนา และในการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนการเคารพสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการด้านอุตสาหกรรมที่จะเกื้อกูลต่อภาวะ เศรษฐกิจของประเทศ และความสามารถที่จะชำระค่าปฏิกรรมสงคราม แต่จะไม่ยอมให้คงไว้ซึ่งกิจการอุตสาหกรรมชนิดที่จะช่วยให้ญี่ปุ่นสร้างสม อาวุธเพื่อทำสงครามขึ้นมาอีก ในทีสุด กำลังทหารสัมพันธมิตรจะถอนตัวออกจากประเทศญี่ปุ่นในทันทีที่จุดประสงค์ต่าง ๆ ได้บรรลุผลเรียบร้อยแล้ว ในตอนท้ายของเงื่อนไข สัมพันธมิตรได้เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข เสียโดยไว [การทูต] | Security Council of the United Nations | คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คณะมนตรีนี้ประกอบด้วยสมาชิกถาวร (Permanent members) 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต อังกฤษ และสหรัฐฯ และมีสมาชิกไม่ถาวร (Non-permanent members) อีก 10 ประเทศ ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นผู้เลือกตั้ง และให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งประเทศละ 2 ปี สมาชิกประเภทนี้ไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งใหม่ในทันที และในการเลือกตั้งจะคำนึงส่วนเกื้อกูลหรือบทบาทของประเทศผู้สมัครที่มีต่อ การธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมทั้งที่มีต่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ขององค์การสหประชาชาติด้วย ในการเลือกตั้ง จะคำนึงถึงการแบ่งกลุ่มประเทศสมาชิกดังนี้คือ ก. 5 ประเทศจากแอฟริกาและเอเชียข. 1 ประเทศจากยุโรปตะวันออกค. 2 ประเทศจากละตินอเมริกาง. 2 ประเทศจากยุโรปตะวันตก และประเทศอื่น ๆหน้าที่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีดังนี้1. ธำรงรักษาสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศตามวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ2. สอบสวนเกี่ยวกับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งระหว่างประเทศ3. เสนอแนะวิธีที่จะใช้กรณีพิพาทเช่นว่านั้น หรือ เงื่อนไขที่ให้มีการตกลงปรองดองกัน4. วางแผนเพื่อสถาปนาระบบการควบคุมกำลังอาวุธ5. ค้นหาและวินิจฉัยว่ามีภัยคุกคามต่อสันติภาพ หรือ เป็นการกระทำที่รุกรานหรือไม่ แล้วเสนอแนะว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร 6. เรียกร้องให้สมาชิกประเทศที่ทำการลงโทษในทางเศรษฐกิจ และใช้มาตรการอื่น ๆ ที่ไม่ถึงขั้นทำสงคราม เพื่อป้องกันมิให้เกิดหรือหยุดยั้งการรุกราน7. ดำเนินการทางทหารตอบโต้ฝ่ายที่รุกราน8. เสนอให้รับประเทศสมาชิกใหม่ รวมทั้งเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ ในการที่จะเข้าเป็นภาคีตามกฎหมายของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ 9. ทำหน้าที่ให้ภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ ในเขตที่ถือว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์10. เสนอแนะให้สมัชชาสหประชาชาติ แต่งตั้งตัวเลขาธิการและร่วมกับสมัชชาในการเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลโลก11. ส่งรายงานประจำปีและรายงานพิเศษต่อสมัชชาสหประชาชาติบรรดาประเทศสมาชิกของสห ประชาชาติ ต่างตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อมติใด ๆ ของคณะมนตรีความมั่นคง ทั้งยังรับรองที่จะจัดกำลังกองทัพของตนให้แก่คณะมนตรีความมั่นคงหากขอร้อง รวมทั้งความช่วยเหลือและและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ [การทูต] | The Hague Peace Conferences | การประชุมสันติภาพ ณ กรุงเฮก ในประเทศเนเธอร์แลนด์ การประชุมนี้ได้กระทำกันเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1899 โดย พระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่สอง ของประเทศรัสเซียเป็นผู้จัดให้มีขึ้น ณ กรุงเฮก เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1899 ที่ประชุมได้รับรองอนุสัญญาว่าด้วยการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติ วิธี ได้ตกลงจัดตั้งศาลซึ่งตัดสินประเทศโดยสันติวิธี พร้อมทั้งได้ตกลงจัดตั้งศาลซึ่งตัดสินโดยอนุญาโตตุลาการเป็นการถาวร และเสนอแนะให้วางประมวลพิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการ ทั้งยังได้ตกลงรับรองอนุสัญญาและปฏิญญาต่าง ๆ หลายฉบับ ในจำนวนนี้ ที่สำคัญที่สุดได้แก่ อนุสัญญาควบคุมกฎหมายและขนบประเพณีว่าด้วยการทำสงครามภาคพื้นดินการประชุม สันติภาพ ณ กรุงเฮกครั้งที่สอง หรือการประชุม ณ กรุงเฮกปี ค.ศ.1907 ตามคำขอร้องของรัฐบาลรัสเซีย ได้มีขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ.1907 วัตถุประสงค์สำคัญของการประชุมคือต้องการปรับปรุงและขยายข้อความในอนุสัญญา ต่าง ๆ ที่ทำไว้เมื่อปี ค.ศ. 1899 ว่าด้วยการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติวิธี รวมทั้งกฎหมายและขนบประเพณีเกี่ยวกับสงครามภาคพื้นดิน ตลอดจนรับรองอนุสัญญาเกี่ยวกับกฎหมายและขนมประเพณีของการทำสงครามทางทะเล การประชุม ณ กรุงเฮกครั้งที่สองนี้ยังได้เสนอแนะให้ที่ประชุมกำหนดให้ประเทศผู้ลงนาม รับรองและนำออกใช้ซึ่งร่างอนุสัญญาว่าด้วยการก่อตั้งศาลสถิตยุติธรรม เพื่อพิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการอีกด้วย [การทูต] |
| -Oh, the war. Yes. | ทำสงคราม ใช่สิ The Englishman Who Went Up a Hill But Came Down a Mountain (1995) | ...but towards the end, he was paroled to help with the American war effort, so for six months he's worked in my pastry shop. | แต่ในช่วงสุดท้ายที่เขาเป็นคนคุมเพื่อช่วยให้มีความพยายามทำสงครามอเมริกัน เพื่อให้เป็นเวลาหกเดือนที่เขาทำงานอยู่ในร้านขนมของฉัน The Godfather (1972) | I want Sollozzo, or we go to war... | ฉันต้องการ Sollozzo หรือเราจะไปทำสงคราม ... The Godfather (1972) | Men, you are about to embark on a great crusade to stamp out runaway decency in the West. | ทุกคน เรากำลังจะได้ทำสงครามอันยิ่งใหญ่ เพื่อขับไล่พวกที่ทำให้ตะวันตกมัวหมอง Blazing Saddles (1974) | For reasons long forgotten, two mighty warrior tribes went to war and touched off a blaze which engulfed them all. | ด้วยสาเหตุ ที่เลือนไปแล้ว 2 เผ่านักรบใหญ่ทำสงครามกัน... ผู้คนถูกกลืนหายไปในเปลวเพลิง The Road Warrior (1981) | He coined the phrase, "Make love, not war." | เขาประดิษฐ์วลี "ร่วมรักไม่ใช่ทำสงคราม" Field of Dreams (1989) | In a nutshell, the Soviet's strategic capability for waging nuclear war. | สรุปความสามารถในเชิงกลยุทธ์ของสหภาพโซเวียตสำหรับทำสงครามนิวเคลียร์ The Russia House (1990) | It was before Apalachin and before Crazy Joe... decided to take on a boss and start a war. | เป็นช่วงก่อนหน้า อพาลาคิน และ ก่อนหน้าที่เครซี่ โจ ตัดสินใจขึ้นบังลังก์เปิดศึกทำสงคราม Goodfellas (1990) | And until he left for the war, was considered... the South's premier golfer. | และก่อนที่เขาจะจากไปทำสงคราม... ...เขาเป็นยอดนักกอล์ฟของภาคใต้ The Legend of Bagger Vance (2000) | My father equates business with war. | พ่อฉันคิดว่าการทำธุรกิจก็เหมือนกับการทำสงคราม Metamorphosis (2001) | Yeah, yeah, it sounds like they're gonna start a war. | ใช่ๆ เหมือนกับว่าพวกนั้นอยากจะทำสงคราม Howl's Moving Castle (2004) | It's... promoting human warfare... Promoting human warfare | มันคือการสนับสนุนการทำสงครามของมนุษย์ 100 Days with Mr. Arrogant (2004) | Jos jätän armeijan Guyn haltuun, - hän saa vallan sisarestani, - ja julistaa sodan muslimeille. | ถ้าข้าปล่อยให้กีย์คุมกองทัพ, เขาจะยึดอำนาจ ผ่านพี่ของข้าและทำสงครามกับพวกมุสลิม. Kingdom of Heaven (2005) | The women make the homes. The men make the wars... and hooch. | ผู้หญิงสร้างครอบครัว พวกผู้ชายดีแต่ทำสงครามกับเหล้า The Constant Gardener (2005) | This is how it was, this tiny world of women, friend turned against friend. | นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น, ในโลกเล็กของผู้หญิง, เพื่อนต้องต่อสู้กับเพื่อน และตอนนี้เกอิชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสองคนกำลังทำสงครามโดยมีฉันเป็นเดิมพัน Memoirs of a Geisha (2005) | You can't go to war with Victor Sweet. Not straight up. | นายทำสงครามกับวิคเตอร์ สวีท ไม่ได้หรอก ปะทะตรงๆ ไม่ไหว Four Brothers (2005) | Those idiots... starting the war for nothing Just made the oil prices go up... | คนงี่เง่าพวกนั้น... เริ่มทำสงครามกันแล้ว ราคาน้ำมันก็จะขึ้นอีก Jenny, Juno (2005) | Weren't you going to use this world's powers in the war in the other world? | ไหนบอกว่าแกจะดึงพลังจากที่นี่ไปทำสงครามที่โลกโน้นไง? Fullmetal Alchemist the Movie: Conqueror of Shamballa (2005) | and had started a religious war against the pagans. | .... และเริ่มทำสงครามศาสนากับชาวเพเกิน The Da Vinci Code (2006) | Or did the pagans commence war against the Christians? | หรือจะเป็นเพเกินเริ่มทำสงครามกับชาวคริสเตียน? The Da Vinci Code (2006) | Because while they are starving with their strikes and with their protests... the people of Uganda are eating beef and driving big cars. | เพราะในขณะพวกเขาอดตายจากการทำสงคราม คนอูกันดากินเนื้อวัวแล้วก็ขับรถหรู The Last King of Scotland (2006) | And in my opinion, I believe that if some other country wanted to go to the moon and live there we'd get in a war with them because we think the moon is ours. | แต่ในความเห็นของผม ผมเชื่อว่าถ้ามีประเทศอื่น... ...ต้องการไปดวงจันทร์และอยู่ที่นั่น ...เราคงทำสงครามกับพวกเขา เพราะว่าเราคิดว่าดวงจันทร์เป็นของเรา The Astronaut Farmer (2006) | How would you feel if America and Japan were to enter war? | คุณคิดยังไง.. หาก อเมริกา และญี่ปุ่น เกิดทำสงครามกัน Letters from Iwo Jima (2006) | Precisely the kind of terrorist organization today's accord was designed to combat. | ตกลงว่าจุดมุ่งหมายของผกก.ในวันนี้คือการทำสงคราม Day 5: 9:00 a.m.-10:00 a.m. (2006) | We're gonna be Mom and Dad, and I don't wanna be at war with the mother of my child, so, here. | เราจะเป็นพ่อกับแม่ และผมก็ไม่อยากทำสงครามกับแม่ของลูกผม ดังนั้น นี่ It Takes Two (2006) | They force people to fight who don't want to and kill them like bugs | พวกนั้นบังคับชาวบ้านที่ไม่อยากทำสงคราม แล้วก็ฆ่าพวกเขายังกับแมลง Grave of the Fireflys (2005) | Ever since the last battle, the Hans have been planning on another war with us. | ตั้งแต่สงครามคราวที่แล้ว ฮั่นก็ได้วางแผนจะทำสงครามกับเราอีก Episode #1.41 (2006) | During the last war with BuYeo, you helped them fight against the Han, | ในช่วงสงครามครั้งที่แล้ว เจ้าช่วยพวกมันทำสงครามกับฮั่น Episode #1.41 (2006) | We aren't strong enough for a war with BiRyu. | เราไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำสงครามกับไบรุ Episode #1.41 (2006) | The last time I saw you was at the meeting, before our battle with Han Nation. | ครั้งสุดท้ายที่กระหม่อมเข้าเฝ้าพระองค์คือตอนประชุม ก่อนทำสงครามกับชาติฮั่น มันนานมากแล้ว Episode #1.42 (2006) | Then we might have to have another war with the Han Nation. | ไม่งั้นเราอาจจะต้องทำสงครามกับฮั่น Episode #1.43 (2006) | Ju-Mong had a war to save the refugees. | จูมงเคยทำสงครามพวกผู้อพยพ Episode #1.43 (2006) | Once you had a war to save the refugees, but now you are trying hard to send them to the Han Nation as slaves. | ครั้งหนึ่งท่านทำสงครามเพื่อช่วยผู้อพยพ แต่ตอนนี้ท่านกำลังพยายามอย่างหนักที่จะส่งพวกเขาไปเป็นทาสของฮั่น Episode #1.43 (2006) | If we engage in a battle with the BuYeo Army while crossing the border, we'll have to go to war with BuYeo too. | ถ้าเราต่อสู้กับกองทัพพูยอ ในขณะที่ข้ามเขตแดน เราจะต้องทำสงครามกับพูยอด้วย The Book of the Three Hans (2006) | Oh, you like to mock the war effort, do you? | นี่ แกกำลังเย้ยหยันการทำสงครามครั้งนี้ยังงั้นเหรอ The Water Horse (2007) | None Spartaan leaves for a war Without first listening to the Oracle. | ไม่มีสปาตันคนใดออกไปทำสงคราม โดยไม่ฟังคำทำนายก่อน Meet the Spartans (2008) | If you are at war with Persia, Then you will surely die. | ถ้าท่านทำสงครามกับเปอร์เซีย ท่านจะต้องตาย Meet the Spartans (2008) | If I had known this, I would have killed myself before and spared you this war. | ถ้าข้ารู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ข้าจะฆ่าตัวตายเสียก่อน ท่านจะได้ไม่ต้องทำสงครามครั้งนี้ Sita Sings the Blues (2008) | While the Jedi are occupied fighting a war, no one is left to keep the peace. | ในขณะที่พวกเจไดกำลังวุ่นอยู่กับการทำสงคราม, ไม่เหลือผู้ใดอยู่รักษาความสงบ Star Wars: The Clone Wars (2008) | Soon the Jedi will not only be at war with you, Count but the Hutt clan as well. | ไม่ช้าพวกเจไดไม่เพียงจะทำสงคราม กับท่านเท่านั้น แต่กับชาวฮัตต์อีกด้วย Star Wars: The Clone Wars (2008) | Clandestine warfare isn't pretty, but the rules of engagement don't include killing and torturing the innocent. | การทำสงครามกันอย่างลับๆมันไม่สวยงามหรอก แต่ข้องตกลงของสัญญา ไม่ได้ร่วมถึงการฆ่า และการทรมานคนบริสุทธิ์ The Sunshine State (2008) | You want to go to war with me, you sick piece of shit? | นายอยากจะทำสงครามกับฉัน แกมันไอ้โรตจิตมากใช่ไหม Old Bones (2008) | We're not ready for war. | พวกเรายังไม่พร้อมกับการทำสงคราม The Pull (2008) | Your throne's in Danger, and you can't wage war on Serena without an ally. | และเธอจะทำสงครามกับเซรีน่าไม่ได้ ถ้าไม่มีผู้ร่วมอุดมการณ์นะ The Serena Also Rises (2008) | For an army of Camelot to enter it would be an act of war. | อยู่ดีๆก็บุกเข้าไปอย่างนั้น แลดูเหมือนการทำสงครามกัน The Moment of Truth (2008) | A new frontier of psychic warfare. That was Stalin's dream. | แนวคิดในการทำสงครามพลังจิต นั่นคือความฝันของ สตาลิน Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull (2008) | For months now, President Ashton has been working with leaders from five continents, to forge a new ground-breaking alliance in the ongoing war on terror. | หลายเดือนมานี้ ประธานาธิปดีแอชตั้น ได้ปรึกษากับบรรดาผู้นำจาก 5 ทวีป เพื่อสร้างพันธมิตรใหม่ในการ ทำสงครามต่อสู้การก่อการร้ายค่ะ Vantage Point (2008) | Because you do know we're at war, right? | เรากำลังทำสงครามอยู่ Body of Lies (2008) | ... heignitedatribalwarthatkilled tens of thousands of civilians. | เขาทำสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งฆ่าคนไปกว่าหมื่นคน 24: Redemption (2008) | No, I'm doing the hurting to you. | ไม่ต้องกลัวฉันอยู่นี่ เราจะทำสงครามกับมัน Gomorrah (2008) |
| conventional warfare | (phrase) การยุทธตามรูปแบบ, การทำสงครามโดยใช้อาวุธและยุทธวิธีทางการทหาร ซึ่งแต่ละชนชาติจะเผชิญหน้ากันอย่างเปิดเผย |
| cannon fodder | (n) ทหารที่ถูกคิดว่าเป็นเพียงวัตถุที่ใช้ทำสงคราม | engagement | (n) การสู้รบ, See also: การทำสงคราม, Syn. battle, combat | fight | (vi) ต่อสู้, See also: ต่อต้าน, สู้รบ, ทำสงคราม, เข้าปะทะ, โจมตี, Syn. collide, battle, Ant. stop, quit | fight | (vt) ต่อสู้, See also: ต่อต้าน, สู้รบ, ทำสงคราม, ปะทะ, โจมตี, Syn. collide, battle | martialism | (n) การทำสงคราม, Syn. military, warlike, soldierly | martialist | (n) นักรบ, See also: ผู้ทำสงคราม, ผู้ชอบทำสงคราม, Ant. pacifist | militant | (adj) เกี่ยวกับการทำสงคราม, Syn. bellicose, combative, Ant. dovish, peaceable | militarist | (n) ผู้ทำสงคราม, See also: ทหาร, ผู้เข้มแข็ง, Syn. combatant, warmonger, soldier | militarization | (n) การทำสงคราม | petard | (n) เครื่องระเบิดประตูหรือกำแพงในการทำสงครามสมัยโบราณ, Syn. firecracker, explosive, squib | ragnarok | (n) การทำสงครามทำลายล้างครั้งยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าและปีศาจในเทพนิยายนอซหรือนอร์เวย์, Syn. Twilight of the Gods | tactics | (n) การทหาร, See also: กลยุทธ์ที่ใช้ในการรบหรือทำสงคราม | trigger-happy | (adj) ซึ่งชอบทำสงคราม, See also: ซึ่งกระหายเลือด | war | (n) ระยะเวลาที่ทำสงคราม, See also: ช่วงเวลาระหว่างสงคราม | war | (vi) ทำสงคราม, See also: ต่อสู้ | war cry | (n) เสียงกู่ร้องก่อนการทำสงครามของทหาร, Syn. battle cry | war zone | (n) บริเวณที่มีการทำสงคราม, See also: เขตสงคราม | warfare | (n) การทำสงคราม, See also: การสู้รบ, การสงคราม | warlike | (adj) ที่ชอบทำสงคราม, See also: ที่ชอบให้เกิดสงคราม | Whig | (n) ผู้สนับสนุนให้ทำสงครามเพื่อประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ |
| angary | (แอง' กะรี) n สิทธิของรัฐที่ทำสงครามในการยึดครองหรือทำลายทรัพย์สินของประเทศที่เป็นกลางแล้ว, รอไว้ชดใช้ค่าเสียหาย หรือสินไหมทดแทนในภายหลัง | belligerence | (เบลลิจ'เจอเรินซฺ) n. ภาวะคล้ายสงคราม, ลักษณะกระหายสงคราม, ลักษณะชอบต่อสู้, การทำสงคราม, Syn. war | belligerency | (บะลิจ'เจอเรินซี) n. ภาวะสงคราม, ภาวะเข้าสู่การทำสงคราม, Syn. aggression, Ant. peace | belligerent | (บะลิจ'เจอเรินทฺ) adj. ชอบสงคราม, ทำสงคราม, มุ่งร้าย, ก่อสงคราม n. ภาวะสงคราม, ฝ่ายที่เข้าทำสงคราม, Syn. pugnacious, Ant. pacific | crusade | (ครูเซด') n. สงครามศาสนา, สงครามศาสนาในศตวรรษที่ 11, 12, 13 ระหว่างทหารคริสเตียนกับทหารมุสลิม, การปราบปราม vi. ทำสงครามครูเสด, ปราบปราม | hostility | (ฮอลทิล'ลิที) n. ความเป็นปรปักษ์, การมีเจตนาร้าย, การเป็นศัตรู, การไม่เป็นมิตร., See also: hostilities n. สงคราม, การทำสงคราม, Syn. enmity, animosity | militant | (มิล'ลิเทินทฺ) adj. บุกรุก, เข้มแข็ง, กระฉับกระเฉง, เกี่ยวกับการทำสงคราม. n. ผู้ทำสงคราม | war | (วอร์) n. สงคราม, ภาวะสงคราม, การรบ vi. ทำสงครามรบ, ต่อสู้, ขัดแย้ง, ต่อต้าน adj. เกี่ยวกับสงคราม, Syn. warfare, fight | war cry | เสียงกู่ร้องการทำสงคราม, คติพจน์หรือคำขวัญที่ใช้ในการเรียกร้องความสามัคคี | war zone | n. บริเวณที่มีการทำสงคราม, เขตสงคราม | warfare | (วอร์'แฟร์) n. การสงคราม, การทำสงคราม, การสู้รบ, Syn. fighting, war, battle | warpath | (วอร์'พาธ -แพธ) n. เส้นทางออกรบของอินเดียนแดง, โกรธเคือง มุ่งร้าย pl. warpaths -Phr. (on the warpath เตรียมสงคราม ทำสงคราม) | warring | (วอ'ริง) adj. สู้รบกัน, ทำสงครามกัน, ต่อสู้กัน, Syn. fighting |
| |
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |