มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ เบย | เลย เป็นคำแผลงที่มาจากการใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือพิมพ์ข้อความ เนื่องจากแป้นตัวอักษร ล ลิง และ บ ใบไม้ อยู่ใกล้กัน จึงทำให้เกิดการพิมพ์ผิดได้บ่อยครั้ง จนเป็นที่เข้าใจกันว่าถ้าพิมพ์ว่า เบย จะหมายความถึง เลย และยังแฝงถึงความรู้สึกเล่นๆ สนุกๆ ไม่จริงจัง กรณีที่พบบ่อย เช่นคำว่า จังเลย อาจแผลงได้เป็น จุงเบย เช่น เจ๊บจุงเบย (เจ็บจังเลย), ฮาจุงเบย (ฮา จังเลย) |
|
| hyperbilirubinemia | (n) การมีบิลิรูบินสูงในกระแสเลือด ( ตั้งแต่ 2.5 mg/dl ) ทำให้เกิดภาวะตัวเหลือง ตาเหลือง หรือ เรียกว่า ดีซ่าน |
| ฌาณ | (n) ฌาณ หรือ อธิจิต(supraconscious) เป็นจิตที่เป็นที่สุดของปัญญา คือความรู้ชัดธรรมชาติของมนุษย์ว่านี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา(คือความรู้มรรค 8 การคิดปฏิบัติเพื่อดับทุกข์) เป็นจิตที่อยู่เหนือและสามารถ ควบคุมหรือข่ม ได้ทั้งจิตสำนึก(consious) และจิตใต้สำนึก(subconsious) ซึ่งเป็นความรู้ที่สูดของวิญญาณคือความรู้แจ้งของธรรมชาติของมนุษย์ว่า นี้สุข นี้ทุกข์ นี้มิใช่ทุกข์ มิใช่สุข อธิจิตใช้สำหรับดับกิเลส ซึ่งสามารถทำให้เกิดนิมิตขึ้นมาได้ เพื่อดับกิเลสในเวลาที่เกิดกิเลสขึ้น พระผู้มีพระภาค(พระพุทธเจ้า)ได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ไว้ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์๑๐. วิตักกสัณฐานสูตรว่าด้วย อาการแห่งวิตก การเรียกอธิจิตของตนเอง ถ้าไม่มีพรสวรรค์หรือบารมีที่สะสมมาแต่ปางก่อน จะเรียกไม่ได้ เพราะจิตยังไม่มั่นคงพอ จะต้องเรียนรู้และทำความเพียรที่ทนได้ยาก ฝึกฝน จนเกิดความชำนาญ ซึ่งข้าพเจ้ามีความสามารถที่จะให้คนทั่วไปเรียกอธิจิตของตนเองได้ เช่นให้ผู้ป่วยเรียกอธิจิตของเขาออกมารักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งทางกายและใจของเขาที่เป็นอยู่ โดยสั่งให้จิตของเขาตกอยู่ในภาวะภวังค์ ด้วยการสั่งระงับจิตหยาบที่ทำให้เขาเกิดโรคทั้งทางกายและทางใจ เพื่อเขาจะได้มีจิตที่มั่นคงถึงอธิจิตแล้วสั่งยาหรือภูมิต้านทานในตัวของเขาออกมารักษาโรค ซึ่งได้ผลดีกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์ทางเลือกวิธีอื่น นี่คือประโยชน์จากการเรียกหรือฝึกเรียกอธิจิตของตนเอง ซึ่งพระพุทธเจ้าสามารถเรียก Stem cell ในพระวรกายของพระองค์ออกมารักษาโรคได้นานมาแล้วหรือมากกว่า 2554 ปี ส่วนนักวิทยาศาสตร์พึ่งจะมาค้นพบวิธีใช้ Stem cell รักษาบางโรคเมื่อ 50 ปีมานี้เอง การรักษายังมีข้อบ่กพร่องและเงื่อนไขในการรักษาเพื่อจะได้ผลลัพท์จนเป็นที่น่าพอใจของแพทย์อยู่อีกมาก แต่วิธีของพระพุทธองค์ไม่มีเงื่อนไข ถ้าคนป่วยสามารถเรียกอธิจิตของตนเองได้ ข้าพเจ้าได้ใช้อธิจิตรักษา โรคปวดตามอวัยวะและโรคหวัดป่วยของข้าพเจ้าเอง และรักษาโรคปวดและอัมพาลให้กับคนป่วยแล้วหลายราย ซึ่งได้รับผลเป็นที่น่าพอใจของข้าพเจ้าและของคนป่วย |
| ภาษาอีสาน | [ภา-สา-อี-สาน] (n) ภาษาอีสานเป็นภาษาท้องถิ่นที่มีความหลากหลาย เนื่องจากภาคอีสานมีหลากหลายชนเผ่าจึงทำให้เกิดความหลากหลายทางภาษา อ้างอิง : https://esan108.com/dict/ |
| ทำให้เกิด | (v) cause, See also: produce an effect, Example: พายุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้เกิดความเสียหายแก่ชาวบ้านแถบชายทะเลเป็นอย่างมาก |
| กรอ ๕ | ก. บรรเลงดนตรีประเภทเครื่องตีดำเนินทำนอง ที่ทำให้เกิดเสียงต่อเนื่องกันเป็นเสียงยาวสม่ำเสมอ โดยใช้ ๒ มือตีสลับกันถี่ ๆ ด้วยน้ำหนักมือที่เท่ากัน. | กระดิ่ง | น. เครื่องทำเสียงสัญญาณทำด้วยโลหะ มีรูปคล้ายระฆัง แต่ขนาดเล็กกว่า มีตุ้มเล็ก ๆ อยู่ข้างใน สำหรับทำให้เกิดเสียง, โดยปริยายหมายถึงสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น กระดิ่งจักรยาน. | กระดึง | น. ระฆังเล็ก ๆ ทำด้วยโลหะ ที่ปลายตุ้มมีใบพานซึ่งนิยมทำเป็นรูปใบโพ เมื่อลมพัดปลายตุ้มจะกระทบตัวกระดึงทำให้เกิดเสียง ใช้แขวนที่ชายคาโบสถ์และวิหารเป็นต้น, เครื่องโลหะหรือเครื่องไม้มักมีรูปคล้ายกระดิ่ง มีลูกกระทบแขวนอยู่ภายในหรือห้อยกระหนาบอยู่ภายนอก เพื่อให้เกิดเสียงดัง มักใช้แขวนคอสัตว์เช่นวัวควาย. | กระเดาะปาก | ก. ทำให้เกิดเสียงดังด้วยการใช้ลิ้นดันเพดานปากเป็นต้น แล้วสลัดลงอย่างเร็วพร้อมอ้าปาก เพื่อแสดงความสบอารมณ์หรือสร้างความสนใจเป็นต้น, เดาะปาก ก็ว่า. | กวน ๑ | ก. รบกวนทำให้เกิดความรำคาญ เช่น กวนใจ, ก่อกวนทำให้วุ่นวาย เช่น กวนบ้านกวนเมือง, ชวนให้เกิดความรำคาญ ชวนให้ทำร้าย เช่น กวนมือ กวนตีน. | ก่อ ๑ | ก. ทำให้เกิดขึ้น มีขึ้น หรือเป็นรูปขึ้น เช่น ก่อไฟ ก่อสงคราม ก่อตึก. | กังหัน | น. สิ่งที่ประกอบด้วยใบพัดหมุนได้ด้วยกำลังลม, จังหัน ก็ว่า, โดยปริยายเรียกเครื่องหมุนบางชนิดมีรูปทำนองกังหัน ทำให้เกิดกำลังงาน เช่น กังหันนํ้า คือเครื่องหมุนด้วยกำลังนํ้า, กังหันลม คือเครื่องหมุนด้วยกำลังลม, กังหันไอนํ้า คือเครื่องหมุนด้วยกำลังไอนํ้า | กำลัง ๑ | น. แรง, สิ่งที่ทำให้เกิดอำนาจความเข้มแข็ง. | กุ้งดีด, กุ้งดีดขัน | น. ชื่อกุ้งขนาดเล็กหลายชนิดหลายสกุล เช่น สกุล Alpheus ในวงศ์ Alpheidae มีก้ามใหญ่ ๒ ข้าง ก้ามข้างหนึ่งโตกว่ามาก สามารถทำให้เกิดเสียงดังด้วยวิธีหนีบก้าม โดยเฉพาะเมื่อกระทบขันเสียงจะดังยิ่งขึ้น จึงได้ชื่อว่า กุ้งดีดขัน พบอาศัยหลบซ่อนอยู่ตามซอกวัสดุต่าง ๆ ริมฝั่งทั้งในนํ้าเค็มและนํ้ากร่อย ยกเว้นชนิด Alpheus microrhynchus De Man ที่พบอยู่ในนํ้าจืดด้วย, กระเตาะ ก็เรียก. | โกงเจ้าหนี้ | น. เป็นฐานความผิดอาญา ที่ลูกหนี้ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์ที่ตนจำนำไว้ หรือกระทำการบางอย่างที่ทำให้เจ้าหนี้เสียหายในการที่จะได้รับชำระหนี้ เช่น โอนทรัพย์ให้คนอื่นหรือแกล้งเป็นหนี้ที่ไม่เป็นความจริง. | แขกไม่ได้รับเชิญ | น. คนหรือสัตว์ที่ไม่พึงปรารถนาซึ่งเข้ามาทำให้เกิดความเสียหาย หรือเดือดร้อนรำคาญ มักหมายถึง ขโมยหรือสัตว์บางชนิด เช่น ก่อนนอนอย่าลืมปิดประตูหน้าต่าง มิฉะนั้นแขกไม่ได้รับเชิญจะขนของไปหมด กางเต็นท์นอนในป่าระวังแขกไม่ได้รับเชิญจะเข้ามา. | คำร้องทุกข์ | น. การที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้น จะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตามซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ. | จ้องหน่อง | น. เครื่องทำให้เกิดเสียงเป็นเพลง โดยใช้ปากคาบแล้วกระตุกหรือชักด้วยเชือกให้สั่นดังเป็นเสียงดนตรี. | จุดบอด | น. บริเวณที่เครื่องมือสื่อสารรับสัญญาณได้ไม่ชัด, บริเวณหลังลูกตาที่ไม่รับแสง, บริเวณที่ควรจะมองเห็นแต่ไม่สามารถมองเห็นได้ เช่น ทางโค้งนี้มีจุดบอด ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันบ่อย ๆ, จุดของปัญหาที่ไม่สามารถตัดสินใจหรือแยกแยะได้อย่างชัดเจนอาจจะเนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เป็นต้น, โดยปริยายหมายถึงสภาวะที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้. | เจ้าพายุ | น. ชื่อตะเกียงชนิดหนึ่งเมื่อเผาไส้แล้วสูบลมให้ดันนํ้ามันเป็นไอขึ้นไปเลี้ยงไส้ทำให้เกิดแสงสว่างนวลจ้า. | ชนกกรรม | (ชะนะกะกำ) น. กรรมอันนำให้เกิดหรือกรรมอันเป็นต้นเค้าทั้งข้างดีหรือข้างชั่ว เช่น กรรมอันทำให้เกิดเป็นคนชั้นสูง เป็นชนกกรรมฝ่ายกุศล (อรรถศาสน์). | ชักเงา | ก. ทำให้เกิดเงามันวาว. | ชักเงา | ว. ที่ทำให้เกิดเงามันวาว เช่น นํ้ามันชักเงา. | ช่างไฟ | น. ผู้มีหน้าที่ใส่ฟืนเป็นเชื้อเพลิงที่จะต้มหม้อน้ำทำให้เกิดไอน้ำสำหรับขับเคลื่อนในเครื่องจักรไอน้ำ | เชื้อ ๑ | น. สิ่งที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดสิ่งอื่น ๆ ที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน เช่น เชื้อไฟ เชื้อแป้งข้าวหมาก | เชื้อเพลิง | สิ่งที่ทำให้เกิดการเผาไหม้ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง. | เชื้อรา | น. เชื้อจุลินทรีย์อยู่ในกลุ่มพืชชั้นตํ่า บางชนิดทำให้เกิดโรค เช่น กลาก เกลื้อนได้. | เชื้อโรค | น. สิ่งที่มีชีวิต เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์หรือสัตว์แล้ว ทำให้เกิดโรคได้. | ใช้ | เอามาทำให้เกิดผลหรือประโยชน์ เช่น ใช้เวลา ใช้เรือ ใช้รถ | ใช้สอย | ก. เอามาทำให้เกิดประโยชน์, จับจ่าย, ให้ช่วยทำงาน เช่น ช่วยหาเด็กมาให้แม่ใช้สอยสักคน. | ฐานกรณ์ | (ถานกอน) น. ที่ตั้งและอวัยวะที่ทำให้เกิดเสียงในการออกเสียง. | ด้วงน้ำมัน | น. ชื่อแมลงพวกด้วง ในวงศ์ Meloidae ที่สำคัญ ได้แก่ ชนิด Mylabris phalerata (Pallas) ลำตัวยาวประมาณ ๓.๕ เซนติเมตร ปีกมีสีดำและเหลืองสลับกันอย่างละ ๓ แถบ มีน้ำมันซึมออกมาซึ่งมีสารแคนทาริดินปนอยู่ นำไปใช้ในทางการแพทย์ เมื่อถูกตัวจะทำให้เกิดผื่นคัน หากกินจะทำลายระบบการทำงานของไตและกระเพาะอาหาร ทำให้อาเจียน ปัสสาวะเป็นเลือด ดิ้นทุรนทุรายคล้ายคนบ้า หมดสติและเสียชีวิต กินใบและดอกโสน กระเจี๊ยบแดง ปอแก้ว และถั่ว, ด้วงไฟ ด้วงถั่ว เต่าบ้า หรือ แมลงไฟเดือนห้า ก็เรียก. | ดอก ๑ | น. ส่วนหนึ่งของต้นไม้ที่ผลิออกจากต้นหรือกิ่ง มีหน้าที่ทำให้เกิดผลและเมล็ดเพื่อสืบพันธุ์ มีเกสรและเรณูเป็นเครื่องสืบพันธุ์ | ดุน | ทำให้เกิดลวดลายที่นูนขึ้นจากผิวพื้นวัสดุ เช่น ดุนลาย. | เดาะปาก | ก. ทำให้เกิดเสียงดังด้วยการใช้ลิ้นดันเพดานปากเป็นต้น แล้วสลัดลงอย่างเร็วพร้อมอ้าปาก เพื่อแสดงความสบอารมณ์หรือสร้างความสนใจเป็นต้น, กระเดาะปาก ก็ว่า. | ต้นเพลิง | น. คนหรือสิ่งที่เป็นเหตุทำให้เกิดไฟไหม้. | ต้นเรื่อง | น. มูลเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนั้น ๆ, เรื่องเดิม, เรื่องก่อนที่จะเริ่มเรื่องที่แต่ง, เช่น เรื่องนนทุกเป็นต้นเรื่องรามเกียรติ์. | ต้นเหตุ | น. คนหรือสัตว์เป็นต้นที่ทำให้เกิดเหตุเกิดเรื่อง. | ตบมือ | ก. เอาฝ่ามือตีกันให้เกิดเสียงเพื่อแสดงความยินดีเป็นต้น, ปรบมือ ก็ว่า, เอาฝ่ามือตีกันให้เกิดเสียงเพื่อทำให้เกิดจังหวะหรือขับไล่เป็นต้น. | ตะเกียงเจ้าพายุ | น. ตะเกียงชนิดหนึ่ง เมื่อเผาไส้แล้วสูบลมให้ดันน้ำมันเป็นไอขึ้นไปเลี้ยงไส้ทำให้เกิดแสงสว่างนวลจ้า. | ตะคริว, ตะคิว | น. อาการหดตัวของกล้ามเนื้อและค้างอยู่ ทำให้เกิดการเจ็บปวด. | ตับแข็ง | น. ชื่อโรคเรื้อรังที่เกิดแก่ตับ ทำให้เนื้อเยื่อของตับหดตัวและมีจำนวนน้อยลง ส่วนเนื้อเยื่อยึดต่อมีจำนวนมากขึ้นผิดปรกติ มักทำให้เกิดอาการบวมที่ท้อง ตาเหลือง ซึม หมดสติ และอาเจียนเป็นโลหิต. | ตัวประกอบ ๒ | น. จำนวนที่เมื่อคูณกันแล้วทำให้เกิดอีกจำนวนหนึ่ง เช่น ๒ x ๓ = ๖ จำนวน ๒ และ ๓ ต่างเป็นตัวประกอบของ ๖. | ติด ๑ | ทำให้เกิดขัดอยู่หรือข้องอยู่จนไม่อาจให้เคลื่อนไปได้ เช่น ติดขบวนแห่ ติดไฟแดง ติดฝน | ตี | ทำให้เกิดเสียง เช่น ตีระฆัง | ตุ๊ยตุ่ย, ตุ๋ยตุ่ย | น. ชื่อว่าวชนิดหนึ่ง คล้ายว่าวจุฬา แต่หัวไม่ยาว มีไม้ยื่นออกไปสำหรับผูกคันธนู เมื่อถูกลมพัด ใบธนูที่ทำด้วยใบลานจะพลิกหมุนกลับไปมาทำให้เกิดเสียงดังตุ๊ยตุ่ยคล้ายเสียงเพลง นิยมเอาว่าวขึ้นในเวลาเย็น แล้วเอาเชือกผูกไว้ตามต้นไม้เป็นต้นเพื่อฟังเสียงในเวลากลางคืน. | เตรียม | ทำให้เกิดสารเคมีที่ต้องการจากสารเคมีอื่นด้วยกระบวนการทางเคมี เช่น เตรียมแก๊สออกซิเจนจากดินประสิว. | แตร | (แตฺร) น. เครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่า ทำด้วยโลหะ มีปากบาน, อุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียงเพื่อเป็นสัญญาณ เช่น แตรรถยนต์ แตรเรือขายของ. | ทำไฟ | ทำให้เกิดกระแสไฟ เช่น เครื่องทำไฟ. | เทวทูต | น. ทูตของเทพ คือสิ่งที่เป็นสัญญาณเตือนให้ระลึกถึงคติธรรมดาของชีวิต เพื่อให้เกิดความสังเวชและรีบเร่งทำความดีด้วยความไม่ประมาท เช่น เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จประพาสอุทยานพบเทวทูต ๓ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ทำให้เกิดความสังเวช ต่อมาได้พบเทวทูตที่ ๔ คือสมณะ ทำให้คิดออกบวช. | เนยเทียม | น. สิ่งที่ทำจากไขมันหรือนํ้ามันที่ได้จากพืชและสัตว์ นำมาทำให้บริสุทธิ์ ผสมวิตามินเอ วิตามินดี เติมนมและสีที่เหมาะสม แบคทีเรียในนมจะทำให้เกิดกลิ่นและรสคล้ายเนย ใช้เป็นอาหารได้. | บังเกิด | ก. เกิด เช่น บังเกิดอุบัติเหตุ บังเกิดลมพายุ, ทำให้เกิด เช่น แม่บังเกิดเกล้า. | บ้า ๒ | น. ชื่อปลานํ้าจืดขนาดเล็กถึงขนาดกลางชนิด Leptobarbus hoeveni (Bleeker) ในวงศ์ Cyprinidae ลำตัวค่อนข้างยาวหนาเกือบเป็นรูปทรงกระบอก หัวกว้าง มีหนวด ๒ คู่ ท้องกลมมน ด้านหลังและข้างตัวสีเขียวอ่อน ด้านท้องสีขาวแต้มเหลือง ครีบท้อง ครีบก้น และครีบหลังสีแดงอ่อน ในปลาขนาดเล็กมีแถบสีดำคลํ้าพาดตลอดข้างตัว พบอาศัยตามแม่นํ้าลำคลองและบึงใหญ่ทั่วไป ขนาดยาวได้ถึง ๕๐ เซนติเมตร ในธรรมชาติกินผลไม้รวมทั้งผลกระเบา เมื่อมีผู้นำไปบริโภคทำให้เกิดอาการมึนเมา, อ้ายบ้า หรือ พวง ก็เรียก. | บาด | ก. ทำให้เกิดเป็นแผลหรือรอยขีดข่วนอย่างของมีคมบาด เช่น มีดบาด แก้วบาด หญ้าคาบาด. | บิดไส้ | ก. ใช้เวทมนตร์ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดในท้องคล้ายลำไส้ถูกบิด. |
| pleuritogenous | -ทำให้เกิดเยื่อหุ้มปอดอักเสบ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | putting in fear | ทำให้เกิดความกลัว [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | pellagragenic | -ทำให้เกิดเพลแลกรา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pacification | การทำให้เกิดสันติ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | pyogenic | -ทำให้เกิดหนอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | amylogenesis | การทำให้เกิดแป้ง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | bodily injury | การทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย, การทำร้ายร่างกาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | morbific; morbigenous | -ทำให้เกิดโรค [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | morbigenous; morbific | -ทำให้เกิดโรค [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | clone | ๑. โคลน๒. เพาะไม่ผสมพันธุ์, สำเนาพันธุ์, ทำให้เกิดตามแม่แบบ๓. เพาะเลี้ยงกลุ่มแฝด๔. กลุ่มแฝดเพาะเลี้ยง, สำเนาพันธุ์, ผู้เกิดตามแม่แบบ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | cloning | ๑. การโคลน๒. การเพาะไม่ผสมพันธุ์, การทำให้เกิดตามแม่แบบ๓. การเพาะเลี้ยงกลุ่มแฝด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | cause injury | ทำให้เกิดความเสียหาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | genesis | กำเนิด, การทำให้เกิด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | fluidization | การทำให้เกิดของไหล [ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖] | enure | มีผลบังคับ, ทำให้เกิดผล [ ดู inure ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | injury | ความเสียหาย, การทำให้เกิดความเสียหาย, การทำให้เกิดอันตราย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | inure | มีผลบังคับ, ทำให้เกิดผล [ ดู enure ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | induced | -ชักนำ, -ทำให้เกิด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | icterogenic; icterogenous | -ทำให้เกิดดีซ่าน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | icterogenous; icterogenic | -ทำให้เกิดดีซ่าน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | implementation | การทำให้เกิดผล [คอมพิวเตอร์ ๑๙ มิ.ย. ๒๕๔๔] | vesicatory; vesicant | ๑. -ทำให้เกิดตุ่มพอง๒. สารทำให้เกิดตุ่มพอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | vesicant; vesicatory | ๑. -ทำให้เกิดตุ่มพอง๒. สารทำให้เกิดตุ่มพอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | traumatogenic | ๑. -ทำให้เกิดการบาดเจ็บ๒. -เหตุบาดแผล [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | urticant | ๑. -ทำให้คัน๒. -ทำให้เกิดผื่นคัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | urticariogenic | -ทำให้เกิดลมพิษ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | urticate | ๑. -เกิดลมพิษ๒. ทำให้เกิดลมพิษ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| Site-directed mutagenesis | การทำให้เกิดการกลายพันธุ์เฉพาะที่, Example: วิศวกรรมโปรตีนเป็นการศึกษาโปรตีนที่สนใจโดยการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอเพื่อให้ได้โปรตีนที่มีกรดอะมิโนที่ตำแหน่งที่ต้องการศึกษาเปลี่ยนแปลงไป เพื่อศึกษาหน้าที่และความสำคัญของกรดอะมิโน ดังนั้นการทำให้เกิดการกลายพันธุ์เฉพาะที่จึงมีความสำคัญต่องานวิศวกรรมโปรตีน โดยเริ่มจากดีเอ็นเอสายเดี่ยวซึ่งเป็นดีเอ็นเอต้นแบบ แล้วสังเคราะห์ดีเอ็นเอสายใหม่โดยการคัดลอกจากดีเอ็นเอต้นแบบโดยใช้ primer ที่มีเบสผิดไป 1 ตำแหน่ง ผลก็คือจะได้ดีเอ็นเอที่มีเบสผิดไป 1 ตำแหน่ง ซึ่งส่งผลให้เมื่อมีการแปลรหัสของดีเอ็นเอจะได้โปรตีนที่มีกรดอะมิโนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในตำแหน่งที่ต้องการ และเมื่อนำโปรตีนกลายพันธุ์ไปศึกษาหน้าที่จะทำให้รู้ว่ากรดอะมิโนในตำแหน่งนั้นมีความสำคัญต่อหน้าที่ของโปรตีนอย่างไร <br> <br>แหล่งข้อมูล<br> สุรินทร์ ปิยะโชคณากุล. “เวกเตอร์” ในพันธุวิศวกรรมเบื้องต้น. หน้า 77-105. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2545. [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Kill Well | การปรับสภาพความดันหลุมให้เข้าสู่สมดุลย์ความดันและการกำจัดของไหลออกจากหลุม, การปรับสภาพความดันหลุมให้เข้าสู่สมดุลย์ความดันและการกำจัดของไหลออกจากหลุมโดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับหลุมเจาะ (หรือหากมีก็ให้น้อยที่สุด) [ปิโตรเลี่ยม] | Autoradiograph | ภาพรังสีในตัว, ภาพบันทึกการกระจายของรังสีจากสารกัมมันตรังสีในวัตถุหรือสิ่งมีชีวิต โดยวางวัตถุนั้นไว้ใกล้แผ่นฟิล์มถ่ายภาพหรือเยื่อไวแสง (emulsion) รังสีที่แผ่ออกมาจะทำให้เกิดภาพบนแผ่นฟิล์มหรือเยื่อไวแสง (ดู radiography ประกอบ) [นิวเคลียร์] | Bone marrow syndrome | กลุ่มอาการทางไขกระดูก, กลุ่มอาการป่วยจากการได้รับรังสีที่มีอำนาจทะลุทะลวงสูงจากภายนอกทั่วร่างกายในระยะเวลาสั้นๆ ปริมาณตั้งแต่ 1 เกรย์ ขึ้นไป ทำให้เกิดการลดลงของเม็ดเลือดและก่อให้เกิดอาการต่างๆ เช่น อ่อนเพลีย โลหิตจาง ร่างกายติดเชื้อง่าย เลือดไหลไม่หยุด (ดู Radiation syndrome, Gastrointestinal syndrome และ Cerebrovascular syndrome ประกอบ) [นิวเคลียร์] | Chain reaction, Fission | ปฏิกิริยาลูกโซ่แบ่งแยกนิวเคลียส, ปฏิกิริยาแบ่งแยกนิวเคลียสที่สามารถเกิดขึ้นซ้ำๆ ได้เอง โดยนิวเคลียสจะดูดกลืนนิวตรอนแล้วเกิดการแบ่งแยกของนิวเคลียสขึ้น พร้อมกับปลดปล่อยนิวตรอนใหม่เพิ่มขึ้นออกมา ซึ่งจะถูกนิวเคลียสอื่นๆ ดูดกลืนต่อไปอีก และทำให้เกิดปฏิกิริยาแบ่งแยกนิวเคลียสต่อเนื่องไปเรื่อยๆ (ดู nuclear fission ประกอบ) [นิวเคลียร์] | Spallation Neutron Source | ต้นกำเนิดนิวตรอนแบบสปอลเลชัน, เครื่องผลิตนิวตรอนชนิดหนึ่ง โดยการเร่งโปรตอนพลังงานสูงกว่า 100 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ เข้าชนเป้าซึ่งเป็นธาตุหนัก เช่น แทนทาลัม ทังสเตน หรือ ยูเรเนียม ทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่มีการปลดปล่อยนิวตรอนพลังงานเฉลี่ย 1 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ ต้นกำเนิดนิวตรอนแบบสปอลเลชันเครื่องแรกมีชื่อว่า KENS ตั้งอยู่ที่สถาบัน KEK (Ko Enerugi Kenkyujo) ประเทศญี่ปุ่น เริ่มใช้งานครั้งแรกในปี พ.ศ. 2523 [นิวเคลียร์] | Reflector | ตัวสะท้อน(นิวตรอน), ชั้นวัสดุที่ล้อมรอบแกนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ทำหน้าที่สะท้อนนิวตรอนกลับเข้าไปในแกนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ทำให้เกิดการแบ่งแยกนิวเคลียสมากขึ้นและใช้นิวตรอนอย่างคุ้มค่า วัสดุที่ใช้เป็นตัวสะท้อนนิวตรอน เช่น แกรไฟต์ เบริลเลียม และยูเรเนียมธรรมชาติ, Example: [นิวเคลียร์] | Radiolytic product | ผลผลิตการแยกสลายด้วยรังสี, สารประกอบทางเคมีที่เกิดขึ้นจากการฉายรังสีสารใดๆ เช่น การฉายรังสีอาหาร รังสีจะถ่ายเทพลังงานให้โมเลกุลต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของอาหาร เช่น น้ำ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน ทำให้เกิดการแตกตัวเป็นโมเลกุลที่มีประจุไฟฟ้า และ เกิดการแยกสลาย ได้อนุมูลอิสระซึ่งไม่เสถียรและทำปฏิกิริยากับสารที่เป็นองค์ประกอบของอาหารได้สารประกอบต่างๆ ที่มีโมเลกุลเล็กลง [นิวเคลียร์] | Radiation sprout inhibition | การยับยั้งการงอกด้วยรังสี, การฉายรังสีอาหารประเภทพืชหัวด้วยปริมาณรังสีต่ำกว่า 0.15 กิโลเกรย์ เพื่อควบคุมหรือหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ทำให้เกิดการงอก ยังผลให้สามารถเก็บรักษาอาหารได้นานหลายเดือน ทั้งนี้ต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่จะทำให้อาหารเน่าเสีย อาหารที่ผ่านการฉายรังสีเพื่อยับยั้งการงอก เช่น หอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง กระเทียม <br>(ดู food irradiation ประกอบ) </br> [นิวเคลียร์] | Neutron Activation Analysis | การวิเคราะห์เชิงก่อกัมมันตภาพรังสีด้วยนิวตรอน, เอ็นเอเอ, การจำแนกชนิดและปริมาณของธาตุในสารตัวอย่างโดยใช้อนุภาคนิวตรอนเป็นตัวกระทำให้เกิดกัมมันตภาพรังสีแก่สารตัวอย่างที่ต้องการวิเคราะห์ แล้ววัดรังสีแกมมาเฉพาะตัวที่ปลดปล่อยจากนิวไคลด์รังสีที่เกิดขึ้น <br>(ดู activation ประกอบ)</br> [นิวเคลียร์] | Lethal dose | ปริมาณรังสีถึงตาย, แอลดี, ปริมาณรังสีขนาดหนึ่งซึ่งคาดว่าเมื่อได้รับแล้วเป็นเหตุทำให้เสียชีวิต เช่น หากระบุเป็น lethal dose 50/30 (LD 50/30) จะหมายถึงปริมาณรังสีขนาดหนึ่งซึ่งเมื่อประชากรได้รับเข้าไปแล้ว ทำให้เกิดการเสียชีวิตร้อยละ 50 ภายในเวลา 30 วัน โดยทั่วไป LD 50/30 สำหรับมนุษย์ เป็นการรับปริมาณรังสีในช่วง 4 – 5 ซีเวิร์ต ในระยะเวลาสั้นๆ [นิวเคลียร์] | Ionizing radiation | รังสีชนิดก่อไอออน, รังสีหรืออนุภาคใดๆ ที่สามารถก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออนได้ทั้งโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมในตัวกลางที่ผ่านไป เช่น รังสีแอลฟา รังสีบีตา รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ อนุภาคนิวตรอน อิเล็กตรอนที่มีความเร็วสูง โปรตอนที่มีความเร็วสูง รังสีเหล่านี้อาจทำให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต <br>(ดู beta particle ประกอบ)</br> [นิวเคลียร์] | Hematopoietic syndrome | กลุ่มอาการทางระบบเลือด, กลุ่มอาการป่วยจากการได้รับรังสีที่มีอำนาจทะลุทะลวงสูงจากภายนอกทั่วร่าง กายในระยะเวลาสั้นๆ ปริมาณตั้งแต่ 1 เกรย์ ขึ้นไป ทำให้เกิดการลดลงของเม็ดเลือดและก่อให้เกิดอาการต่างๆ เช่น อ่อนเพลีย โลหิตจาง ร่างกายติดเชื้อง่าย เลือดไหลไม่หยุด (ดู Radiation syndrome, Gastrointestinal syndrome และ Cerebrovascular syndrome ประกอบ) [นิวเคลียร์] | CAD/CAM | คอมพิวเตอร์ช่วยในงานออกแบบและคอมพิวเตอร์ช่วยในงานผลิต, คอมพิวเตอร์ช่วยในงานออกแบบและคอมพิวเตอร์ช่วยในงานผลิต (ระบบแคด/แคม) เมื่อสองระบบมาต่อกัน ทำให้เกิดการส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ที่มีแบบของสินค้ามายังคอมพิวเตอร์ที่ต่อกับอุปกรณ์การผลิต สามารถทำให้สร้างผลิตภัณฑ์รูปทรงใหม่ได้รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำมาก [Assistive Technology] | Carbonization | กระบวนการทำให้เกิดถ่าน [TU Subject Heading] | Fluidization | การทำให้เกิดของไหล [TU Subject Heading] | Substance Causing Diseases | วัตถุที่ทำให้เกิดโรค, Example: วัตถุที่ทำให้เกิดโรค หรือการแพร่กระจายของโรคได้ [สิ่งแวดล้อม] | Genocide | การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือฆ่ามนุษย์เป็นกลุ่มก้อน เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1946 สมัชชาสหประชาชาติได้ยืนยันเป็นเอกฉันท์ว่า การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือการฆ่ามนุษย์เป็นกลุ่มก้อนนั้นให้ถือเป็นอาชญากรรม ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งโลกที่บรรลุความเจริญแล้วประณามอย่างรุนแรงอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกัน และการลงโทษอาชญากรรมเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ สมัชชาสหประชาชาติได้ลงมติรับรองเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1948 อนุสัญญานี้ได้นิยามคำว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) หมายถึงการประกอบอาชญากรรมบางอย่าง โดยมีเจตนาที่จะทำลายล้างกลุ่มชนชาติ กลุ่มเผ่าพันธุ์ กลุ่มเชื้อชาติ หรือกลุ่มศาสนา ในบางส่วนหรือทั้งหมดก็ตาม การประกอบกรรมซึ่งถือเป็นการฆ่าล้างชาตินั้นได้แก่ การฆ่า การทำให้เกิดความเสียหายอย่างสาหัส ทั้งต่อร่างกายหรือจิตใจ และการบังคับให้มีสภาวะการครองชีพที่เจตนาจะให้ชีวิตร่ายกายถูกทำลาย ไม่ว่าจะเพียงส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดก็ตาม ตลอดจนออกมาตรการกีดกันมิให้มีลูกและโยกย้ายเด็ก ๆ ไม่เพียงแต่การฆ่าล้างชาติอย่างเดียว หากแต่การคบคิดหรือการยุยงให้มีการฆ่าล้างชาติ รวมทั้งความพยายามที่จะฆ่าล้างชาติและสมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรมดังกล่าว ย่อมถูกลงโทษได้ตามนัยแห่งอนุสัญญานี้ บรรดาผู้ที่มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติจะต้องถูกลงโทษไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ ปกครอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง หรือเอกชนส่วนบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดของตามกฎหมายก็ตามบรรดาประเทศที่ภาคี อนุสัญญานี้จำเป็นต้องออกกฎหมายของตนเพื่อรองรับ และจะต้องตกลงเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนในกรณีที่บุคคลนั้นๆ มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติ และบุคคลที่มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติจะต้องถูกพิจารณาลงโทษในประเทศที่มีการ ประกอบอาชญากรรมดังกล่าวขึ้น หรือโดยศาลระหว่างประเทศที่มีอำนาจครอบคลุมถึงเจตนารมณ์ของสนธิสัญญานี้ เพื่อต้องการป้องกัน และลงโทษอาชญากรรมฆ่าล้างชาติ ไม่ว่าจะประกอบขึ้นในยามสงครามหรือในยามสงบก็ตามอนุสัญญาดังกล่าวได้เริ่มมี ผลบังคับเมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1951 เป็นเวลา 90 วันหลังจากที่ 20 ประเทศได้ให้สัตยาบัน หรือให้ภาคยานุวัติตามที่ระบุอยู่ในอนุสัญญา อนุสัญญานี้จะมีผลบังคับเป็นเวลา 10 ปี และมีการต่ออายุสัญญาทุก 5 ปี สำหรับประเทศที่มิได้บอกเลิกสัญญา หากประเทศที่ยังเป็นภาคีอนุสัญญามีจำนวนเหลือไม่ถึง 16 ประเทศ อนุสัญญานี้จะเลิกมีผลบังคับทันที [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] | peace making | การทำให้เกิดสันติภาพ เป็นการดำเนินการทางการทูตโดยมักใช้วิธีไกล่เกลี่ย และเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งโดยสันติวิธี [การทูต] | Personal Diplomacy | คือการเจรจากันโดยตรงระหว่างรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงต่างประเทศด้วยกัน ส่วนการเจรจากันโดยตรงระหว่างประมุขของรัฐ หรือหัวหน้าของรัฐบาล แต่เดิมก็จัดอยู่ในประเภทการมทูตส่วนบุคคล แต่มาในปัจจุบันนี้ มักนิยมเรียกกันว่าเป็นทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) แยกออกต่างหากจากการทูตส่วนบุคคลมีผู้สังเกตการณ์หลายคนเตือนว่า ในกรณีที่เกิดเรื่องหรือปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่นั้น ไม่ควรหันเข้าใช้วิธีส่งผู้แทนพิเศษจากนครหลวงไปแก้ปัญหา ควรให้เอกอัครราชทูตเป็นผู้ดำเนินการมากกว่า เพราะประการแรก การกระทำเช่นนั้นยังผลเสียหายต่อศักดิ์ศรีของตัวเอกอัครราชทูตเอง ทั้งยังกระทบกระเทือนต่อการที่เขาจะปฏิบัติงานให้ประสบผลอย่างเต็มที่ ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในประเทศนั้นในภายหน้าด้วย อีกประการหนึ่ง จะพึงคาดหมายได้อย่างไรว่า ตัวผู้แทนพิเศษที่ส่งไปนั้นจะมีความรอบรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของปัญหา รวมทั้งตัวบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเท่ากับตัวเอกอัครราชทูตเอง ซึ่งได้ประจำทำงานอยู่ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ณ ที่นั่น แม้แต่ แฮโรลด์ นิโคลสัน ก็ไม่เห็นด้วย และได้เตือนว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศหนึ่งไปเยือนและพบปะกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอีกประเทศหนึ่งบ่อย ๆ นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำและไม่ควรสนับสนุน เพราะการกระทำเช่นนี้ นอกจากจะทำให้ประชาชนคาดหมายไปต่าง ๆ นานาแล้ว ยังจะทำให้เกิดเข้าใจผิด และเกิดความสับสนขึ้นมาได้แม้แต่ผู้รอบรู้ในเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติทางการ ทูตบางคนก็ยังแคลงใจว่า การทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) จะได้ประโยชน์และให้ผลจริง ๆ หรือไม่ นอกจากเฉพาะในกรณียกเว้นจริง ๆ เท่านั้น บ้างเห็นว่า การพบปะเจรจาแบบสุดยอดมักจะกลายสภาพเป็นการโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์มากกว่า ที่จะเป็นการเจรจากันอย่างแท้จริง เพราะมีอันตรายอยู่ว่า ผู้ร่วมเจรจามักจะแสดงความคิดเห็นตามความรู้สึกมากกว่าตามข้อเท็จจริง เพราะมัวแต่เป็นห่วงและคำนึงถึงประชามติในประเทศของตนมากเกินไปนอกจากนี้ ผู้เจรจาไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ข้อลดหย่อนหรือทำการประนีประนอม ( ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งหากจะให้เจรจาบังเกิดผล) เพราะกลัวเสียหน้าหากกระทำเช่นนั้น ตามปกติ ถ้าให้นักการทูตเป็นผู้เจรจา เขาจะมีโอกาสมากกว่าที่จะใช้วิธีหลบหลีกอันชาญฉลาดในการเจรจาต่อรอง เพื่อให้เป็นผลตามที่มุ่งประสงค์ [การทูต] | United Nations University | มหาวิทยาลัยสหประชาชาติ จัดตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1973 ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นสถาบันอิสระที่บริหารปกครองตนเองภายในโครงร่างของสหประชาชาติ เรียกได้ว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือ ระหว่างประเทศในเชิงวิชาการ ในอันที่จะมีส่วนช่วยเหลือเกื้อกูลต่อการแก้ปัญหาเร่งด่วนต่าง ๆ ของโลก มหาวิทยาลัยนี้มีลักษณะไม่เหมือนกับมหาวิทยาลัยอื่นทั่ว ๆ ไป ทั้งในด้านโครางสร้างและแบบอย่างการดำเนินงาน กล่าวคือ ไม่มีนิสิตนักศึกษาของตนเอง ไม่มีคณะในมหาวิทยาลัย และไม่มีบริเวณมหาวิทยาลัย (campus) ดำเนินงานภายในเครือข่ายของสถาบันวิจัยและวิชาการต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งศูนย์ฝึกและศูนย์วิจัยของตนเอง ทั้งยังรวมไปถึงผู้คงแก่เรียนเป็นรายบุคคลด้วย ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันหาทางแก้ปัญหาต่าง ๆ ของโลกเป็นจุดสำคัญเรื่องที่มหาวิทยาลัยสหประชาชาติกำลังกังวลและสนใจอยู่ใน ขณะนี้ คือ เรื่องเกี่ยวกับค่านิยมของมนุษย์ทั่วโลก รวมทั้งความรับผิดชอบทั้งหลายที่มนุษย์ทั่วโลกจะพึงมี เรื่องทิศทางใหม่ ๆ ในภาวะเศรษฐกิจที่กลังปรากฏอยู่ในโลก รวมทั้งเรื่องความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และวิทยาการทางเทคโนโลยีเรื่องพลัง ที่ทำให้เกิดความผันแปรระหว่างพลเมืองของโลก ตลอดจนเรื่องสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ของมนุษย์ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ยังมุ่งหมายที่จะช่วยเพิ่มพูนศักยภาพในการวิจัย และการฝึกในประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลายด้วย และภายในมหาวิทยาลัยเองก็กำลังสนใจด้านวิจัยและการฝึกฝนในบางเรื่องโดยเฉพาะ [การทูต] | ionisingradiation | รังสีชนิดก่อไอออน, คือ พลังงานในรูปแม่เหล็กไฟฟ้า หรืออนุภาครังสีใดๆ ที่สามารถก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออนได้ ทั้งโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมในตัวกลางที่ผ่านไป เช่น รังสีแอลฟา รังสีบีตา รังสีแกมมา รังสีเอกซ์ อนุภาคนิวตรอน อิเล็กตรอนที่มีความเร็วสูง โปรตรอนที่มีความเร็วสูง รังสีชนิดนี้อาจทำให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต [พลังงาน] | neutron generato | เครื่องกำเนิดนิวตรอน, เป็นเครื่องผลิตนิวตรอนพลังงานสูง โดยการเร่งอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า เช่น ดิวเทอรอน (deuteron) ให้มีพลังงานจลน์ในช่วง 150-500 กิโลอิเล็กตรอนโวลต์ แล้วให้ชนกับเป้าบางๆ โดยทั่วไปปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่ใช้ในการผลิตนิวตรอน ได้จากการเร่งดิวเทอรอนให้ชนกับตริเตรียม(tritium) ทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ ดังสมการ [พลังงาน] | radiation sprout inhibition | การยับยั้งการงอกด้วยรังสี, คือ การนำอาหารประเภทพืชหัวไปผ่านการฉายรังสีแกมมา หรือรังสีเอกซ์ หรืออิเล็กตรอน ด้วยปริมาณรังสีต่ำกว่า0.15 กิโลเกรย์ เพื่อควบคุม หรือหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ทำให้เกิดการงอก ยังผลให้สามารถเก็บรักษาอาหารได้นานหลายเดือนโดยไม่งอกหรืองอกเล็กน้อย ทั้งนี้ต้องเก็บรักษาอาหารที่ผ่านการฉายรังสีที่อุณหภูมิต่ำ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ทำให้ อาหารเน่าเสีย ตัวอย่างของอาหารที่นำมาฉายรังสี ได้แก่ หอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง กระเทียม และขิง [พลังงาน] | radicidation | การฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี, คือ การนำอาหารหรือผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ ไปผ่านการฉายรังสีแกมมา หรือรังสีเอกซ์ หรืออิเล็กตรอน ด้วยปริมาณรังสีต่ำกว่า 10 กิโลเกรย์ เพื่อฆ่าเชื้อโรคชนิดที่ไม่สร้างสปอร์ เช่น ซาลโมเนลลา ชิเกลลาอี.โคไล ฯลฯ เชื้อโรคเหล่านี้เป็นต้นเหตุทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง ปวดท้อง ขาดน้ำ อาเจียน และเป็นไข้ ตัวอย่างอาหารที่นำมาฉายรังสีเพื่อฆ่าเชื้อโรค ได้แก่ แหนม กุ้งแช่แข็ง ขากบแช่แข็ง และเนื้อไก่แช่แข็ง การฆ่าเชื้อโรคด้วยวิธีนี้เทียบได้กับการพาสเจอร์ไรซ์ [พลังงาน] | radiolytic products | เรดิโอไลติกโปรดักส์, คือ สารประกอบทางเคมีที่เกิดขึ้นจากการฉายรังสีอาหาร เมื่อรังสีทะลุผ่านอาหาร รังสีจะถ่ายเทพลังงานให้โมเลกุลต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของอาหาร เช่น น้ำ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน ทำให้เกิดการแตกตัวเป็นโมเลกุลที่มีประจุไฟฟ้า และเกิดปฏิกิริยาเรดิโอไลซิส ได้อนุมูลอิสระซึ่งไม่เสถียร และไปทำปฏิกิริยากับสารที่เป็นองค์ประกอบของอาหาร ได้สารประกอบต่างๆ ที่มีโมเลกุลเล็กลง ซึ่งเรียกโดยรวมว่า เรดิโอไลติก โปรดักส์ การเกิดอนุมูลอิสระนอกจากจะเกิดจากการใช้รังสีแล้ว ยังเกิดจากการใช้ความร้อน เช่น การต้ม การทอด การอบ การย่าง และการปิ้ง และอนุมูลอิสระที่เกิดจากการใช้ความร้อนนี้ทำให้เกิดสารประกอบต่างๆ ที่มี โมเลกุลเล็กลงได้เช่นกัน แต่เรียกโดยรวมว่าเทอร์โมไลติกโปรดักส์ และเมื่อเปรียบเทียบกับเรดิโอไลติกโปรดักส์ พบว่า สารประกอบส่วนใหญ่เป็นชนิดเดียวกัน และเป็นสารประกอบที่ตรวจพบได้ในอาหารที่ไม่ได้ฉายรังสี [พลังงาน] | spallation neutron source | ต้นกำเนิดนิวตรอนแบบสปอลเลชัน, เป็นต้นกำเนิดนิวตรอนรุ่นใหม่ จัดเป็นเครื่องผลิตนิวตรอนพลังงานสูงชนิดหนึ่ง มีหลักการทำงานคือ เมื่อยิงโปรตรอนพลังงานสูง (มากกว่า 100 ล้าน อิเล็กตรอนโวลต์) เข้าไปในเป้าซึ่งเป็นธาตุหนัก เช่น แทนทาลัม ทังสเตน และยูเรเนียม จะทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์แบบสปอลเลชั่น และมีการปลดปล่อยนิวตรอน พร้อมทั้งอนุภาคชนิดอื่นๆ เช่นโปรตรอน และเกิดปฏิกิริยาต่อเนื่องหลั่นกันไป (cascade) ต้นกำเนิดนิวตรอนชนิดนี้ ให้นิวตรอนพลังงานเฉลี่ยประ มาณ 1 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ จำนวนประมาณ 10-30 เท่าของการยิงโปรตรอน 1 อนุภาค นิวตรอนที่ผลิตขึ้นนี้ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในงานวิจัยด้านต่างๆ ต้นกำเนิดนิวตรอนแบบ สปอลเลชันเครื่องแรกมีชื่อว่า KENSตั้งอยู่ที่สถาบัน KEK (National Laboratory for High Energy Physics) ประเทศญี่ปุ่น เริ่มใช้งานครั้งแรกในปี พ.ศ.2523 สำหรับต้นกำเนิดนิวตรอนแบบสปอลเลชัน ที่ให้นิวตรอนเข้มข้นสูงสุดในปัจจุบันคือ ISIS ของ Rutherford Appleton Laboratory ประเทศอังกฤษ เริ่มเดินเครื่องในปี พ.ศ. 2527 และให้นิวตรอนฟลักซ์เฉลี่ยประมาณ 1015นิวตรอน/ ตร.ซม.-วินาที และมีฟลักซ์สูงสุดมากกว่า 40 เท่าของฟลักซ์เฉลี่ย [พลังงาน] | จุดวาบไฟ | จุดวาบไฟ, อุณหภูมิต่ำสุดน้ำมันที่ทำให้เกิดไอน้ำมันเป็นปริมาณมากพอ เมื่อสัมผัสเปลวไปก็จะทำให้ลุกไหม้ทันที จุดวาบไฟไม่มีผลต่อคุณภาพหรือการใช้งานโดยตรง หากเป็นข้อกำหนดทางกฎหมายเพื่อความปลอดภัยจากการเกิดอัคคีภัย การเก็บรักษาและขนถ่าย เพราะถ้าเกินอุณหภูมิจุดนี้ไปแล้วจะเป็นจุดติดไฟ [ปิโตรเลี่ยม] | Blowing agent | สารที่มีความเสถียรที่อุณหภูมิห้อง แต่จะสลายตัวที่อุณหภูมิสูงและปล่อยก๊าซออกมา โดยการเกิดปฏิกิริยาเคมี และ/หรือปฏิกิริยาทางความร้อน ทำให้เกิดช่องว่างหรือรูพรุนขึ้นในผลิตภัณฑ์ เช่น การผลิตยางฟองน้ำ (Sponge) ตัวอย่างสารในกลุ่มนี้ได้แก่ โซเดียมไบคาร์บอเนต [เทคโนโลยียาง] | Crazing | ลักษณะการเสื่อมสภาพของยางเมื่ออยู่ภายใต้สภาพอากาศทั่วไปนานๆ โดยเฉพาะในภาวะที่ต้องสัมผัสกับแสงแดดหรือแสงอัลตราไวโอเลต ซึ่งจะทำให้เกิดรอยแตกขนาดเล็กต่อเนื่องกันแบบไร้ทิศทางที่แน่นอนบนพื้นผิว ของผลิตภัณฑ์ รอยแตกเหล่านี้จะมีลักษณะคล้ายผิวส้มที่เหี่ยวหรือผิวหนังช้าง [เทคโนโลยียาง] | Crosslinking | การทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุลของพอลิเมอร์ เช่น การเติมกำมะถันในยางธรรมชาติ (กระบวนการเรียกว่า vulcanization) ทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุลของยางโดยกำมะถัน ได้ยางที่มีโครงสร้างแบบเชื่อมโยง (crosslink) หรือร่างแห (network) ทำให้ยางเปลี่ยนสมบัติจากอ่อนนิ่ม เป็นยางที่มีสมบัติแข็งและเหนียวขึ้น เหมาะแก่การใช้งาน [เทคโนโลยียาง] | Kicker | คิกเกอร์ คือ สารกระตุ้นหรือสารตัวเร่งการเกิดเป็นฟอง ทำหน้าที่ลดอุณหภูมิการสลายตัวของสารที่ทำให้เกิดฟอง ช่วยให้เกิดปฏิกิริยาการเกิดฟองได้เร็วขึ้น มักใช้คู่กับสารทำให้เกิดฟอง ตัวอย่างของคิกเกอร์ ได้แก่ ซิงก์ออกไซด์ เกลือของซิงก์ เป็นต้น [เทคโนโลยียาง] | Mooney viscosity | ความหนืดของยางดิบหรือยางคอมพาวด์ ทดสอบด้วยเครื่องวัดความหนืด Mooney viscometer ซึ่งเครื่องวัดดังกล่าวมีจานโลหะหมุนอยู่ในห้องใส่ยางภายใต้อุณหภูมิและความ ดันตามที่กำหนดไว้ การหมุนของจานโลหะในยางทำให้เกิดแรงบิด (torque) ขึ้น และจะขับให้สปริงรูปตัวยูเกิดการเคลื่อนที่ ใช้ไมโครมิเตอร์วัดขนาดการเคลื่อนที่ให้ออกมาเป็นมาตรที่เรียกว่า Mooney Viscosity เช่น 50 ML 1+4 (100C) 50 หมายถึง ค่าความหนืดที่วัดได้ในหน่วยมูนนี่ M หมายถึง Mooney L หมายถึง จานหมุนขนาดใหญ่ (ถ้าใช้จานหมุนขนาดเล็กให้ใช้อักษร S) 1 หมายถึง ระยะเวลาที่ใช้ในการอุ่นยางก่อนทดสอบ เป็นนาที 4 หมายถึง เวลาที่ใช้ในการทดสอบ เป็นนาที 100 degree C หมายถึง อุณหภูมิที่ใช้ในการทดสอบ [เทคโนโลยียาง] | Oscillating disc rheometer | เครื่องมือที่ใช้ในการหาเวลาที่ยางเกิดการคงรูป (หรือหาอัตราเร็วของการเกิด ปฏิกิริยาวัลคาไนเซชัน) โดยวัดค่าความแข็งที่เพิ่มขึ้นของยางคอมพาวด์เมื่อเกิดการวัลคาไนซ์จากการ สั่นของตัววัด (Disc) ภายในช่องวัด (Chamber) เครื่องมือชนิดนี้มีความสำคัญมากต่อโรงงานอุตสาหกรรมยาง เพราะนอกจากเครื่อง ODR จะช่วยบอกระยะเวลาที่ทำให้เกิดยางตายหรือที่เรียกในภาษาเทคนิคว่า “scorch time” แล้ว เครื่องมือนี้ยังบอกระยะเวลาที่เหมาะสมในการอบยางให้คงรูป (optimum cure time)อีกด้วย [เทคโนโลยียาง] | Peroxide | สารเคมีที่มี –O-O- ในโมเลกุล เช่น H2O2, Na2O2, benzoyl peroxide [ (C6H5CO)2O2 ] ออกซิเจนในเพอร์ออกไซด์มีเลขออกซิเดชัน -1 ทำให้เพอร์ออกไซด์โดยทั่วไปไม่เสถียร เมื่อให้ความร้อนจะสลายตัวให้อนุมูลอิสระ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงของโมเลกุลขึ้นได้ด้วยพันธะคาร์บอน-คาร์บอน นิยมใช้เพอร์ออกไซด์เป็นสารทำให้ยางคงรูปในยางที่ไม่มีพันธะคู่ เช่น EPM, EVA, CPE, Q หรือยางที่มีปริมาณพันธะคู่ในโมเลกุลต่ำมากเท่านั้น เช่น HNBR, EPDM [เทคโนโลยียาง] | Two-roll mill | เครื่องผสมยางแบบสองลูกกลิ้งเป็นเครื่องผสมยางระบบเปิดที่ประกอบด้วย ลูกกลิ้ง 2 ลูก หมุนเข้าหากันด้วยความเร็วต่างกัน ทำให้เกิดแรงเฉือนที่จำเป็นต่อการบดผสมยางกับสารเคมียาง ในการผสมยางกับสารเคมียางจะใส่ยางลงช่องระหว่างลูกกลิ้ง ยางจะถูกรีดออกมาเป็นแผ่นรอบลูกกลิ้งด้านหน้า จากนั้นจึงเติมสารเคมียาง โดยผู้ผสมต้องทำการกรีดยางแผ่นและพับไปมาในขณะที่เติมสารเคมีลงไปในยาง ซึ่งยางที่ถูกตัดพับจะถูกใส่กลับไปช่องระหว่างลูกกลิ้ง แรงเฉือนที่เกิดขึ้นจะช่วยให้สารเคมีต่างๆ กระจายตัวเข้ากับเนื้อยางได้ดี เครื่องผสมยางแบบสองลูกกลิ้งใช้ผสมยางในปริมาณไม่มาก เนื่องจากต้องใช้ความชำนาญและกำลังคนในการผสม [เทคโนโลยียาง] | Acne, Steroid | สเตียรอยด์มีผลทำให้เกิดสิว, สิวสเตอรอยด์, สิวจากสตีรอยด์ [การแพทย์] | Agents | ตัวการ, สิ่งที่ทำให้เกิดโรค, สาร, ตัวทำ, ตัวกระทำ [การแพทย์] | Agents | สิ่งที่ทำให้เกิดโรค, เชื้อโรค [การแพทย์] | Agents, Causative | ตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรค [การแพทย์] | Allergenic Products | ผลิตผลที่ทำให้เกิดอาการแพ้ [การแพทย์] | Anchoring Group | กรุ๊ปที่ไปทำให้เกิดเกลือ [การแพทย์] | Antibodies, Agglutinating | การทำให้เกิดสารต่อต้าน [การแพทย์] | Antibodies, Vibriocidal | การทำให้เกิดสารต่อต้าน [การแพทย์] | Artificial | คนทำให้เกิดขึ้น [การแพทย์] | Bacteria, Pathogenic | บักเตรีทำให้เกิดโรค [การแพทย์] | Bacteria, Pyogenic | เชื้อโรคที่ทำให้เกิดหนอง [การแพทย์] | Bacterial Infections, Pyogenic | บัคเตรีชนิดที่ทำให้เกิดหนอง [การแพทย์] |
| Our masks really get us in Dutch, don't they? | หน้ากากเราทำให้เกิดปัญหาไม่ใช่รึ Don Juan DeMarco (1994) | He knew you'd bring it back and start the change... make what's happened here happen everywhere. | เขารู้ว่าแกจะเอามันกลับไป และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้บางอย่างเกิดขึ้นที่นี่ เกิดขึ้นไปทุกหนแห่ง In the Mouth of Madness (1994) | Be awful careful 'cause if anything'd happen to you, I, I... | แย่ระมัดระวัง ทำให้เกิดถ้าอะไรจะเกิดขึ้นกับ คุณฉันฉัน Snow White and the Seven Dwarfs (1937) | This howling is the most exciting thing I've ever heard | ซึ่งทำให้เกิดเสียงร้องโหยหวนนี้คือ exciting thing ส่วนมาก ที่ฉัน'ได้เคยได้ยิน Salò, or the 120 Days of Sodom (1975) | They can cause suffering, sickness and even the death... | พวกมันทำให้เกิดการเจ็บป่วยทรมาน, แม้กระทั่งความตาย... Suspiria (1977) | From there, the poison works on the central nervous system, causing severe muscle spasms, followed by the inevitable drooling. | จากตรงนั้น พิษจะทำลาย ระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกรุนแรง ตามด้วยน้ำลายไหลยืดตลอด Airplane! (1980) | If you put the Staff in a certain place at a certain time, the sun shone through here and made a beam on the floor, giving the location of the Well of Souls. | ถ้าคุณเอาไม้เท้านั่นไปไว้ตรงกลางห้อง ในเวลาที่เหมาะสม, พระอาทิตย์ฉายแสงผ่านตรงนี้ ทำให้เกิด สำแสงตรงไปบนพื้น, เพื่อให้ตำแหน่งของกำแพงแห่งวิญญาณ Indiana Jones and the Raiders of the Lost Ark (1981) | There is no beauty in the finest cloth if it makes hunger and unhappiness. | ไม่มีความงามอยู่ในผ้าที่สวยที่สุด ถ้ามันทำให้เกิด ความหิวและความทุกข์ Gandhi (1982) | It must have produced hardship. | คงทำให้เกิดความยุ่งยาก Gandhi (1982) | If you push yourself, you might do irreparable damage. | ถ้าเธอพลักมันด้วยตัวเอง, เธออาจจะ ทำให้เกิดความเสียหายจนไม่สามารถแก้ไขได้นะ Akira (1988) | ...can bring silence! | ...ทำให้เกิดความเงียบและความมืด... Punchline (1988) | Now, these three magnetic rings, when they align, it creates an artificial black hole which allows the ship to travel to any point in space. | วงแหวนแม่เหล็ก 3 วง จัดเรียงเป็นแนวเดียวกัน มันจะทำให้เกิดหลุมดำจำลอง Event Horizon (1997) | I'd like to know what caused that noise. Look, thermal changes in the hull could've caused the metal to expand and contract rapidly, causing reverberations. | การเปลี่ยนความร้อนภายในยาน อาจทำให้เกิดเสียงสะท้อน Event Horizon (1997) | I'll be eradicating any potentially prejudicial conditions: | เราจะขอใช้สิทธิ์ที่จะกำจัดข้อด้อยซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียเช่น-- Gattaca (1997) | You could conceive naturally a 1000 times and never get such a result. | คุณสามารถทำให้เกิดการปฏิสนธิได้เป็นพันครั้ง โดยไม่มีทางได้ผลลัพธ์เช่นนี้เลย Gattaca (1997) | All that will do is defile you and turn you into something else! | ทั้งหมดที่จะทำคือการทำให้เกิดมลพิษกับคุณและทำให้คุณเป็นอย่างอื่น! Princess Mononoke (1997) | He went under, and now some fucking Korean owns it... who fired these guys and is making a killing... because he hired 40 fucking border jumpers. | เขาลงไปใต้ และตอนนี้ / กลายเป็นไอเกาหลีที่เป็นเจ้าของมัน... คนที่ยิงคนพวกนั้น / และทำให้เกิดอาชญากรรม... เพราะเขาให้ค่าจ้าง พวกต่างด้าวกว่า 40 ชีวิต American History X (1998) | All this stuff about making everything equal. | ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ/การทำให้เกิดความเสมอภาคกัน American History X (1998) | It's not gonna make a fuckin' bit of difference. | มันไม่ได้ทำให้เกิด/ความแตกต่างอะไรหรอก American History X (1998) | This is where you and I started. This is where we became an "us". | ที่นี่คือที่คุณกับผมเริ่่มต้นกันนะ ที่นี่ที่ทำให้เกิด "เรา" The Story of Us (1999) | One can see that would create a complication. | มันจะทำให้เกิดปัญหายุ่งยากได้ Bicentennial Man (1999) | I don't want a bad influence to spread chaos among them | ฉันไม่ต้องการให้มีอิทธิพลไม่ดี มาทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายกับพวกเขา GTO (1999) | And so the Lord God smote poor Job with festering boils all over his body. | และพระผู้เป็นเจ้าฟาดสั่งสอนจ๊อปผู้หน้าสงสาร ทำให้เกิดแผลเน่าหนองไปทั่วทั้งตัว Death Has a Shadow (1999) | And from here, the envy, the lies, the disgrace that have deprived her even of a father's trust! | ความสวยทำให้เกิดความอิจฉา การโกหก ความอับอาย Malèna (2000) | Good gracious, you have been productive. | สง่างาม คุณทำให้เกิดผลดี The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001) | It made a great deal of difference. | เธอทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ Harry Potter and the Prisoner of Azkaban (2004) | And for that matter, all masturbatory emissions... where his sperm was clearly not seeking an egg... could be termed reckless abandonment. | แล้วยิ่งกว่านั้นนะ การหลั่งจากการปรนเปรอตัวเองแต่ละครั้งล่ะ ซึ่งเห็นๆอยู่ว่าไม่ได้ทำให้เกิดการปฏิสนธิแต่อย่างใด อาจจะเรียกว่าเป็นการละทิ้งบุตรก็ได้ Legally Blonde (2001) | Never seen a police car flip and cause other cars to burst into flames. | ไม่เคยเห็นรถตำรวจและทำให้เกิดการพลิกรถคันอื่น ๆ ที่จะออกมาเป็นเปลวไฟ Showtime (2002) | There is a plot, a plot to make most terrible things happen. | มีการวางแผน แผนการที่จะทำให้เกิดสิ่งเลวร้ายมาก Harry Potter and the Chamber of Secrets (2002) | I'm sorry this had to happen. | ขอโทษด้วยนะที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น The Matrix Revolutions (2003) | It's going to give a whole new meaning to the term "police dog." | มันจำทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่... ของคำว่า "สุนัขตำรวจ" Inspector Gadget 2 (2003) | Point of light in the shadow of the neck leading the eye. | มันทำให้เกิดเงาบนลำคอและขับประกายดวงตา Girl with a Pearl Earring (2003) | One word gets you pregnant one word gets you in love | คำพูดคำเดียวทำให้ตั้งท้อง ปราศจากคำพูดทำให้เกิดความรัก Oldboy (2003) | We begin our inquiry as scandals threaten to trigger a wide debate about the lack of public control over big corporations. | สารคดีเรื่องนี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่มีเรื่องอื้อฉาว ที่ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับการที่สังคมไม่สามารถควบคุมบรรษัทใหญ่ ๆ ได้ The Corporation (2003) | It caused something called mastitis which is a very painful infection of the udders. | มันทำให้เกิดโรคเต้านมอักเสบ เป็นการติดเชื้อที่เต้านมที่ทำให้เจ็บปวดมาก The Corporation (2003) | We know that people are consuming antibiotics through their food and we know that that's contributing to antibiotic resistant bacteria and diseases. | เรารู้ว่าประชาชนได้รับยาปฏิชีวนะ ผ่านทางอาหารที่บริโภค และเรารู้ว่านั่นทำให้เกิด The Corporation (2003) | Ultimately we have to as individuals accept responsibility for our collective action and the larger harm that it causes you know in our world. | ถึงที่สุดแล้ว ในฐานะปัจเจกบุคคล เราต้องรับผิดชอบการกระทำร่วมกันของเรา และพิษภัยที่เราทำให้เกิดแก่โลก The Corporation (2003) | If we go together we'll be caught from the noise, so you hide here How about you, Mother? | ไปสองคนจะทำให้เกิดเสียง มีอันตรายมากกว่า เจ้าแอบอยู่นี้ห้ามทำเสียงดังรู้ไหม The Great Jang-Geum (2003) | I should have thought one gentleman's absence might have caused particular pangs. | ฉันคิดว่าการหายไปของสุภาพบุรุษคนหนึ่ง อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดเป็นพิเศษ Episode #1.5 (1995) | /f you are in ignorance of the part that Mr Darcy played in bringing about the marriage, let me enlighten you at once. | ถ้าหลานอยู่ในความเขลาในส่วนของคุณดาร์ซี่ ซึ่งเป็นผู้ทำให้เกิดการแต่งงานนี้ Episode #1.6 (1995) | Nothing. He won't embarrass me. | ไม่มีอะไร เขาจะไม่ทำให้เกิดปัญหาผม The Birdcage (1996) | I don't want to embarrass this lovely lady... but how many mothers does Val have? | ผมไม่ต้องการที่จะทำให้เกิดปัญหาผู้หญิงที่น่ารักนี้ ... แต่วิธีการที่หลายแม่ Val ไม่ได้? The Birdcage (1996) | A low-pressure system along the California coast is creating a cyclonic system across the L.A. Basin. | ร่องความกดอากาศต่ำ... ... ทำให้เกิดพายุไซโคลนทั่วแอลเอ The Day After Tomorrow (2004) | If you can cut the lead in the system terminal, it should create a short which will ignite the fuel line before the booster engines can fire | ถ้าหากคุณตัดสายไฟหลักในระบบควบคุม มันจะทำให้เกิดการลัดวงจรได้ จากนั้นก็จุดชนวนที่ท่อส่งน้ำมัน ก่อนที่จะถึงตัวเร่งของเครื่องยนต์ Sky Captain and the World of Tomorrow (2004) | - What caused the heat bloom? | - อะไรทำให้เกิดคลื่นความร้อน AVP: Alien vs. Predator (2004) | Streams of protons and electrons from the sun being deflected by the earth's magnetic field, causing a solar radiation storm. | กระแสโปรตอน และอิเล็กตรอนจากดวงอาทิตย์ ถูกเบนโดยสนามแม่เหล็กโลก ทำให้เกิดพายุสุริยะ AVP: Alien vs. Predator (2004) | It was the Belgians that created the division. | พวกเบลเยี่ยม ทำให้เกิดการแบ่งแยก Hotel Rwanda (2004) | Then we should let good | งั้นเราควรทำให้เกิดเรื่องดี ๆ The Guy Was Cool (2004) | - A beau means trouble! - That's right. | - เรื่องของผู้หญิงสวย ๆ มักจะทำให้เกิดปัญหานะ จำไว้ ! Love So Divine (2004) |
| ปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่ทำให้เกิดการระเบิด | [patikiriyā niūkhlīa thī tham hai koēt kān raboēt] (xp) EN: nuclear explosion FR: explosion nucléaire [ f ] | ทำให้เกิด | [thamhaikoēt] (v) EN: cause ; produce an effect ; create ; generate : engender ; give rise to ; bring about FR: causer ; provoquer ; créer ; produire ; déclencher | ทำให้เกิดขึ้น | [thamhaikoēt kheun] (v) EN: cause FR: causer ; provoquer ; déclencher | ทำให้เกิดภาวะกัมมันตภาพรังสี | [thamhaikoēt phāwa kammantaphāprangsī] (x) EN: activate FR: rendre radioactif | ทำให้เกิดอุบัติเหตุ | [thamhaikoēt ubattihēt = thamhaikoēt ubatthēt] (v, exp) EN: cause an accident FR: causer un accident ; provoquer un accident |
| conventional wisdom | (noun, phrase) ความคิดเห็นหรือคำอธิบายที่ได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญทำให้เกิดความยอมรับจากสาธารณชน ซึ่ง conventional wisdom อาจถูกหรือผิดก็ได้ | coagulant | (n) ตัวหรือสารที่ทำให้เกิดการเกาะเป็นก้อน | civilizer | (n) ผู้ที่มีความเจริญ, ผู้ทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง เช่น Some other called him civilizer and even God! All of them yet, called him "The Great". He was the first man in modern history that took this name., See also: civilize | flocculant | (n) สารที่ช่วยจับกลุ่มอนุภาคสารที่ทำให้เกิด floc (ตะกอนเบาซึ่งเกิดขึ้นช้า ๆ เมื่อเติมสารนี้ลงในสารแขวนลอยหรือของเหลวแขวนตะกอน จะทำให้อนุภาคต่าง ๆ ที่แขวนลอยอยู่มารวมตัวกันเป็นตะกอนมีน้ำหนักแล้วจมลงนอนก้น สารที่มีสมบัติดังกล่าว ได้แก่ potash alum ซึ่งมีสูตร K2SO4.Al.(SO4)3.24H2O และสารส้ม (alum) ซึ่งมีสูตร Al2(SO4)3.14H2O | osteoblastoma | (n) เนื้องอกของกระดูกชนิดหนึ่ง ไม่ใช่มะเร็ง มักเกิดที่ กระดูกแขนขาหรือกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดอาการปวด บวม รักษาโดยการผ่าตัด | rumble strip | (n) เส้นจราจรที่ตีขวางบนถนนเป็นแถบๆ ใช้สำหรับเตือนคนขับรถถึงลักษณะสภาพถนนที่เปลี่ยนไป หรือให้ระวัง (เช่น เตือนเมื่อถึงทางเลี้ยว, เตือนเมื่อถึงทางลาด) เส้นนี้ทำงานโดยอาศัยแรงกระแทกของล้อรถกับเส้นจารจรที่ตีไว้บนถนน ทำให้เกิดเสียงเมื่อรถวิ่งผ่านและการสั่นสะเทือนบนตัวรถ | hyperventilate | (vi) หายใจลึก ยาว และเร็วกว่าปกติ บางครั้งทำให้เกิดการวิงเวียนศีรษะ | green flag | (n, slang) มักใช้กับความสัมพันธ์ที่เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ทำให้คนที่อยู่ในความสัมพันธ์เสียสุขภาพจิต หรือเป็นความสัมพันธ์ที่ดี ปลอดภัย หรื ใช้ ในการอธิบายบุคคลว่าบุคคลนั้นเป็นคนที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ปลอดภัยได้ |
| accrete | (vt) ทำให้เกิดร่วมกัน | activate | (vt) ทำให้เกิดปฏิกริยาตอบสนอง | actuate | (vt) กระตุ้นให้ทำ, See also: กระตุ้นให้ดำเนินการ, ทำให้เกิดการกระทำบางอย่าง | agent | (n) ตัวกระทำ, See also: สารที่ส่งผล, สารที่ทำให้เกิดปฏิกริยาเคมี | allergen | (n) สารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ | allergic | (adj) แพ้, See also: ที่เป็นโรคภูมิแพ้, ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ | anxious | (adj) ที่ทำให้เกิดความกังวล, See also: ที่ทำให้เกิดความกลัว, ที่เต็มไปด้วยความกังวล | autoerotism | (n) การทำให้เกิดความพึงพอใจทางเพศด้วยตนเอง, See also: การช่วยตัวเอง | all roads lead to Rome | (idm) มีหลายวิธีที่จะทำให้เกิดผลอย่างเดียวกัน, See also: ทำให้เกิดผลอย่างเดียวไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม | baleful | (adj) มุ่งร้ายหรือร้ายกาจ, See also: ทำให้เกิดอันตราย, Syn. baleful, baneful, harmful | beatify | (vt) ทำให้เกิดความสุข, See also: ทำให้ปิติ | bless | (vt) ทำให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์, Syn. sanctify, hallow | blip | (vt) ทำให้เกิดเสียงแหลมสั้นที่เกิดจากเครื่องมือทางอิเล็กโทรนิกส์ | blister | (vi) ทำให้เกิดฟองอากาศที่เกิดบนสีที่ทาหรือบนยาง | bone of contention | (n) ต้นเหตุที่ทำให้เกิดการโต้เถียง, See also: สาเหตุที่ทำให้ทะเลาะกัน, Syn. controversy | bother | (vt) ทำให้เกิดปัญหา, See also: ทำให้ยุ่งยาก, Syn. annoy | brattle | (vt) ทำให้เกิดเสียงอึกทึก, Syn. rattle | bubble | (vi) ทำให้เกิดฟอง, See also: ทำให้เป็นฟอง | bring about | (phrv) ทำให้เกิด, See also: เป็นสาเหตุของ, Syn. come about | bring something into force | (idm) ทำให้มีผลบังคับใช้ (กฎหมาย), See also: ทำให้เกิดผล | candida | (n) เชื้อราชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ (โดยเฉพาะในช่องปากหรือช่องคลอด) | carcinogenic | (adj) ที่ทำให้เกิดมะเร็ง, See also: ที่เป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็ง, Syn. cancerous | castanets | (n) เครื่องให้จังหวะชนิดหนึ่งเป็นไม้ 2 อันประกบกันมีรูปร่างคล้ายเปลือกหอย (ทำให้เกิดเสียงโดยถือไม้ทั้งสองอันไว้ในมือแล้วตีให้เกิดเสียง), Syn. bones, clappers | catalyst | (n) คนหรือสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง, Syn. spur, impetus, instigator | cause | (vt) ทำให้เกิด, See also: ก่อให้เกิด, Syn. do, make | chemistry | (n) วิถีทางที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล, Syn. alchemy, interpersonal chemistry | clack | (vt) ทำให้เกิดเสียงแหลมขึ้นทันที | clang | (vt) ทำให้เกิดเสียงดังแคร๊งที่กังวานนาน (เช่นเสียงโลหะกระทบกัน) | clank | (vt) ทำให้เกิดเสียงดังแคร๊ง | clatter | (vt) ทำให้เกิดเสียงกระทบกัน, Syn. clack, bang | clink | (vt) ทำให้เกิดเสียงดังกริ๊ง (เหมือนเสียงแก้วกระทบกัน), Syn. tinkle, jingle, clang | coccus | (n) เชื้อแบคทีเรียซึ่งมีรูปทรงกลม เช่น แบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคหนองใน | conducive | (adj) ที่นำไปสู่, See also: ที่ทำให้เกิดขึ้น, Syn. accessory, contributory | congest | (vt) ทำให้เกิดเลือดหรือของเหลวคั่ง (ในร่างกาย) | contemporize | (vt) ทำให้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน | crash | (vt) ทำให้เกิดเสียงดัง, Syn. clatter, bang | crevasse | (vt) ทำให้เกิดรอยแยก | call forth | (phrv) ทำให้เกิด, See also: เป็นสาเหตุของ, นำมาซึ่ง, ก่อให้เกิด, Syn. bring about | call someone into being | (idm) ริเริ่ม, See also: ทำให้เกิดขึ้น, มีขึ้น | cast on | (phrv) ทำให้เกิดเงาทอดลงบน, Syn. cast over, throw on, throw over | cast over | (phrv) ทำให้เกิดเงาทอดลงบน, Syn. cast on, throw on, throw over | clatter about | (phrv) ทำให้เกิดเสียงดัง | conduce to | (phrv) นำไปสู่, See also: ทำให้เกิด, Syn. contribute to | conduce towards | (phrv) นำไปสู่, See also: ทำให้เกิด, Syn. contribute to | conjure up | (phrv) ทำให้เกิด(บางสิ่ง) ในใจ, See also: ก่อให้เกิด, ผุดขึ้นในใจ | enthuse about | (phrv) ทำให้เกิดศรัทธาอย่างใหญ่หลวงต่อ | enthuse over | (phrv) ทำให้เกิดศรัทธาอย่างใหญ่หลวงต่อ | establish in | (phrv) ทำให้เกิดขึ้น, See also: ทำให้เป็นที่ยอมรับ | fall on | (phrv) มีขึ้น, See also: เกิดขึ้น, ทำให้เกิดขึ้น, ทำให้ปรากฎออกมา | fall upon | (phrv) มีขึ้น, See also: เกิดขึ้น, ทำให้เกิดขึ้น, ทำให้ปรากฎออกมา |
| aborticide | (อะบอร์' ทิไซดฺ) n. การทำแท้ง, สารที่ทำให้เกิดการแท้ง, Syn. feticide | account | (อะเคานทฺ') n., vi. บัญชี, หนี้, รายงาน, สาเหตุ, คำอธิบาย, เรื่องราว, ลูกค้า, ทำบัญชี, ชี้แจงรายการ, อธิบาย, จับ, สังหาร, ทำให้เกิด, นับ, พิจารณา, ถือเหตุ, ถือสา, Syn. description, narrative, consider, regard, rate | actinomycosis | (แอคทินโนไมโค' ซิส) โรคติดเชื้อและอักเสบในสัตว์และคน เนื่องจากปรสิตทำให้เกิดเป็นก้อนหนองโดยเฉพะารอบขากรรไกร., Syn. lumpy jaw -actinomycotic, adj. | activate | (แอค' ทิเวท) vt. กระตุ้น, ทำให้เกิดภาวะกัมมันตภาพรังสี. -activator n. | aeolian | (อีโอ' เลียน) adj., n. เกี่ยวกับชาวกรีกที่มีชื่อตั้งตาม Aeolus, เกี่ยวกับลม, ลมพัด, ลมทำให้เกิดขึ้น | affective | (อะเฟค' ทิฟว) adj. ด้าน (ความรู้สึก) , เกี่ยวกับอารมณ์, ทำให้เกิดอารมณ์หรือความรู้สึก, | agent | (เอ' เจินทฺ) n. ตัวแทน, ผู้แทนจำหน่าย, แรงหรือสิ่งตามธรรมชาติที่ใช้เพื่อผลเฉพาะอย่าง, ยา, น้ำยา, พนักงานเจ้าหน้าที่, สายลับ, สารที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี, Syn. performer | agglutinin | (อะกลู' ทินิน) n. antibody ที่ทำให้เกิดการจับเป็นก้อนของแบคทีเรียที่เมื่อฉีดเข้าไปในสัตว์ ทำให้เกิด agglutinins. -aglutinogenic adj. | alert box | ช่องข้อความเตือนหมายถึงช่องข้อความที่คอมพิวเตอร์จะแสดงให้เห็นบนจอภาพ มีข้อความเตือนในเรื่องการใช้คำสั่งบางประการที่อาจทำให้เกิดผลเสีย เช่น เครื่องพิมพ์ไม่มีกระดาษ ข้อความบางตอนอาจศูนย์หาย ฯ เป็นต้น | algolagnia | (แอลโกแลก' เนีย) n. กามวิปริตที่มีความพอใตทางเพศเมือทำให้เกิด หรือได้รับความเจ็บปวด. -algolagnic adj. -algolagnist n. | allergen | (แอล' เลอเจน) n. สารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ | allergenic | (แอลเลอเจน' นิค) adj. ซึ่งทำให้เกิดโรคภูมิแพ้. -allergenicity n. | anamorphic | (แอนนะมอร์' ฟิค) adj. ซึ่งมีหรือทำให้เกิดการขยายที่ไม่เท่ากันคามแกนที่ตั้งฉากซึ่งกันและกัน -anamorphism n. | anesthetic | (แอนเนสเธท' ทิค) n., adj. เกี่ยวกับหรือสามารถทำให้เกิดการชาหรือไม่รู้สึกตัว, ยาชา, ยาระงับความรู้สึก, ยาสลบ, Syn. anodyne, analgesic | antedate | (แอน' ทิเดท) n., vt. การลงวันที่ก่อนวันจริง, การมาก่อน, การทำให้เกิดก่อน, การเร่ง, การกระทำหรือมีล่วงหน้า (antecede, precede) | antidiuretic hormone | อาจเรียกว่า vasopressin กระตุ้นให้ไตดูดซึมน้ำกลับไว้ในร่างกาย เป็นผลให้ปัสสาวะมีน้อยลง ถ้าขาดฮอร์โมนนี้ทำให้เกิดโรคเบาจืด ทำให้ปัสสาวะมาก กระหายน้ำมาก | authenticate | (ออเธน'ทิเคท) vt. ทำให้น่าเชื่อถือ, รับรองเป็นของแท้, ทำให้เกิดผล. -authentication n. -authenticator n., Syn. certify, validate, Ant. falsify | autolysin | (ออทโทไล'ซิน) n. สิ่งหรือสารที่ทำให้เกิด -autolysis (ดู) (producing autolysis) | autolyze | (ออท'โทไลซ) vt. ทำให้เกิด autolysis -vi. เกิด autolysis | avidin | (แอฟ'วิดิน) n. โปรตีนชนิดหนึ่งในไข่ขาวเป็นตัวยับยั้งฤทธิของ biotin ทำให้เกิดการขาดแคลน biotin; vitamin H (Cf. egg-white) | beatify | (บิแอท'ทิไฟ) { beatified, beatifying, beatifies } vt. ทำให้เกิดความสุข, ประสาทพร, ทำพิธีประสาทพรแก่คนตาย., See also: beatification n. ดูbeatify | beget | (บิเกท') { begot, begotten, begetting, begets } vt. ให้กำเนิด, ทำให้เกิด, See also: begetter n., Syn. breed | begin of tape | จุดเริ่มต้นเทป <คำแปล>ใช้ตัวย่อว่า BOT หมายถึง จุดบนแถบบันทึกหรือเทป (tape) ที่กำหนดให้เป็นจุดเริ่มต้นให้มีการบันทึกข้อมูลลงได้ ปกติจะทำเป็นจุดสะท้อนแสงบนแถบบันทึก ซึ่งจะทำให้เกิดสัญญาณ บังคับให้เริ่มมีการอ่านข้อมูลบนแถบบันทึกโดยเริ่มจากจุดนั้นเป็นต้นไป | blast | (บลาสทฺ) { blasted, blasting, blasts } n. การระเบิด, การเป่าแตร, การเป่านกหวีด, เสียงระเบิด, เสียงอึกกระทึก, ลมแรงจัด, ลมอัดเข้าไปในเตา, คลื่นกระทบ, ความเร็วสุดขีด, กำลังสุดขีด vt. ทำให้เกิดเสียงดังมาก, เป่าแตร, ทำให้เหี่ยว, ทำลาย, ระเบิด, ส่งลมเข้าไป, โจมตี, วิจารณ์อย่างเผ็ | bloodguilty | (บลัดกิล'ที) adj. มีความผิดฐานฆ่าคนตายหรือทำให้เกิดการนองเลือด | blotch | (บลอทชฺ) n., vt. (ทำให้เกิด) รอยหรือจุดขนาดใหญ่, รอยเปื้อน, โรคด่างพร้อยในพืช, โรคผิวหนังพุพอง, เม็ดพุพองบนผิวหนัง, Syn. blot | blow | (โบล) { blew, blown, blowing, blows } vi. เป่าลม, ทำให้เกิดกระแสลม, ผิวปาก, พ่นลมหายใจ, พ่นน้ำ, คุยโต, ระเบิดออก (ยางรถ) จากไป, วิ่งหน'vt. พัด, เป่าให้เคลื่อนไหว, เป่า (แก้ว) , ทำให้โกรธ, ทำให้ระเบิด, ทำให้ (ม้า) เหนื่อยหอบ, ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย, ไปจาก -n. ลมแรง, พายุ, การเป่าลม, การต | bong | (บอง) { bonged, bonging, bongs } n., vt. (ทำให้เกิด) เสียงดังบ๊อง | bot | 1. (บอท) n. ด้วยอ่อนของแมลงbotfly 2. (บีโอที) ย่อมาจาก begin of tape (จุดเริ่มต้นเทป) หมายถึง จุดเริ่มต้นที่จะให้มีการบันทึกลงแถบบันทึกหรือเทป (tape) ได้ ปกติจะทำเป็นจุดสะท้อนแสง ซึ่งจะทำให้เกิดสัญญาณบังคับให้เริ่มมีการอ่านข้อมูลจากจุดนั้นเป็นต้นไป | breed | (บรีด) { bred, bred, breeding, breeds } v. ออกลูก, ทำให้เกิด, แพร่พันธุ์, เพาะ, ฟักไข่, เลี้ยง, อบรม, ทำให้ท้อง n. พันธุ์, ชนิด, กลุ่ม, พันธุ์ผสม, Syn. generate | brew | (บรู) v. ทำเบียร์, ทำเหล้า, ตั้งเค้า, ทำให้เกิด n. ปริมาณที่กลั่น (เหล้า, เบียร์) ได้แต่ละครั้ง, See also: brewer n. | bring | (บริง) { brought, brought, bringing, brings } vt. เอามาให้, นำมาให้, พามา, นำมาสู่, ทำให้เกิด, ก่อให้เกิด, นำออกมาแสดง, นำเสนอ, ชักชวนขายได้ -Id. (bring about ทำให้เกิด) -Id. (bring around (round)) ชักชวน, โน้มน้าว -Id. (bring forth ทำให้เกิด, นำเสนอ) -Id. (bring in ยอมแพ้) | burning glass | n. เลนส์รวมแสงอาทิตย์ที่ทำให้เกิดความร้อนจัดและลุกไหม้ได | cacognics | n. การศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสื่อมของพันธุ์ | calamitous | (คะแลม'มิเทิส) adj. ทำให้เกิดความหายนะ, เกี่ยวกับภัยวิบัติ, เคราะห์ร้าย, See also: calamitousness n., Syn. catastrophic | carcinogen | (คาร์ซิน'นะเจน) n. สารที่ทำให้เกิดมะเร็ง, See also: carcinogenic adj. ดู carcinogen, carcinogenicity n. ดู carcinogen | catch { caught | (แคทชฺ) vt., vi. จับ, จับไว้, คว้า, ตะครุบ, เกาะ, ฉวย, คล้องไว้, รับไว้, ต้านไว้, อุ้ม, รีบไป, พบโดยบังเอิญ, พบว่า, รับเชื้อ, ติดเชื้อ, ติดไฟ, ตีถูก, ทำให้เกิด, ก่อให้เกิด, เข้าใจ, Syn. take, see, contract | catches } | (แคทชฺ) vt., vi. จับ, จับไว้, คว้า, ตะครุบ, เกาะ, ฉวย, คล้องไว้, รับไว้, ต้านไว้, อุ้ม, รีบไป, พบโดยบังเอิญ, พบว่า, รับเชื้อ, ติดเชื้อ, ติดไฟ, ตีถูก, ทำให้เกิด, ก่อให้เกิด, เข้าใจ, Syn. take, see, contract | catcing | (แคทชฺ) vt., vi. จับ, จับไว้, คว้า, ตะครุบ, เกาะ, ฉวย, คล้องไว้, รับไว้, ต้านไว้, อุ้ม, รีบไป, พบโดยบังเอิญ, พบว่า, รับเชื้อ, ติดเชื้อ, ติดไฟ, ตีถูก, ทำให้เกิด, ก่อให้เกิด, เข้าใจ, Syn. take, see, contract | caught | (แคทชฺ) vt., vi. จับ, จับไว้, คว้า, ตะครุบ, เกาะ, ฉวย, คล้องไว้, รับไว้, ต้านไว้, อุ้ม, รีบไป, พบโดยบังเอิญ, พบว่า, รับเชื้อ, ติดเชื้อ, ติดไฟ, ตีถูก, ทำให้เกิด, ก่อให้เกิด, เข้าใจ, Syn. take, see, contract | causation | (คอเซ'เชิน) n. การทำให้เกิดขึ้น, ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุผล, สิ่งทำให้เกิดผล, สิ่งทำให้เกิดผล, สาเหตุ | causative | (คอส'ซะทิฟว) adj. เป็นเหตุ, ทำให้เกิดผล, กลายเป็นสาเหตุ, ก่อให้เกิดขึ้น | cause | (คอซ) { caused, causing, causes) n. สาเหตุ, จุดประสงค์, มูลฟ้อง, สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต vt. ทำให้เกิดขึ้น, ก่อให้เกิด, ให้, ทำให้, Syn. motive | check | (เชค) { checked, checking, checks } vt. หยุด, รั้ง, ดึง, ตรึง, สกัด, ทำลาย, ตรวจสอบ, สำรวจ, ทำเครื่องหมายตรวจสอบ, ฝากเก็บ, รุกฆาต (หมากรุก) , ทำให้เกิดรอยแตก, ปลูกพืชเป็นแนวยาว. -vi. ตรงกัน (ถูกต้อง) , ตรวจสอบ, แตกเป็นช่อง, ร้าวเป็นช่อง, หยุด -Phr. check in (ลงชื่อ (เข้าพักในโรงแ | cicatrise | (ซิค'คะไทรซ) { cicatrised, cicatriszed, cicatrising, cicatriszing, cicatrises, cicatriszes } vt., vi. รักษาโดยการทำให้เกิดแผลเป็น., See also: cicatrisant adj. ดูcicatrise cicatrizant adj. ดูcicatrise cicatrisation n. ดูcicatrise cicatriszation n. | cicatrisze | (ซิค'คะไทรซ) { cicatrised, cicatriszed, cicatrising, cicatriszing, cicatrises, cicatriszes } vt., vi. รักษาโดยการทำให้เกิดแผลเป็น., See also: cicatrisant adj. ดูcicatrise cicatrizant adj. ดูcicatrise cicatrisation n. ดูcicatrise cicatriszation n. | clatter | (แคลท'เทอะ) { clattered.clattering, clatters } vi., n. (เสียง) ดังกระทบ, เคลื่อนที่ดังโกรกเกรก, หัวเราะกิ๊ก ๆ , พูดเร็ว, พูดไม่หยุด vt.ทำให้เกิดเสียงกระทบ, การพูดนินทา, การพูดเร็ว, การพูดฉอด, See also: clattery adj. ดูclatter | click | (คลิค) 1. { clicked, clicking, clicks } n. เสียงดังกริ๊ก, กลอนสปริง, ตัวดึง, เสียงกระเดาะลิ้น vi. เสียงดังกริ๊ก, เปล่งเสียงดังกริ๊ก, กระเดาะลิ้นดังกริ๊ก, กระทำสำเร็จ, ประสานกันได้ดี, สอดคล้อง, ได้รับการต้อนรับจากประชาชน vt. ทำให้เกิดเสียงดังกริ๊ก, กระทบดังกริ๊ก 2. กด (เมาส์) การกดนิ้วในจังหวะสั้น ๆ เร็ว ๆ 1 ที ลงบนปุ่มใดปุ่มหนึ่งของของเมาส์ (ส่วนใหญ่จะใช้ปุ่มซ้ายมือสุด) แล้วยกออกในทันที ใช้เมื่อต้องการสั่งการตามรายการในเมนู หรือเลือกรายการที่ต้อง การที่มีแสดงอยู่บนจอภาพ โดยเลื่อนเมาส์ให้ลูกศรชี้อยู่ที่คำสั่งที่ต้องการก่อน จึงค่อยกด (ในภาษาไทยอาจใช้สั้น ๆ ว่า "กดเมาส์ ") ในบางกรณี ต้องกดสองทีเร็ว ๆ เรียกว่า double click ดู double click ประกอบ | cling | (คลิง) { clung, clung, clinging, clings } v. ยึด, ติดกับ, ทำให้เกิดเสียงกังวาน n. เสียงกังวาน | clink | v. ทำให้เกิดเสียงกริ้งเบา ๆ n. คุก |
| bearing | (n) การหาม, การทำให้เกิดผล, กิริยาท่าทาง | beget | (vt) ทำให้เกิด, ก่อกำเนิด | blast | (vt) ทำลาย, ระเบิด, ทำให้เกิดเสียงดัง | breed | (vt) เพาะ, เลี้ยง, อบรม, ออกลูก, ผสมพันธุ์, ทำให้เกิด | bring | (vt) นำมา, เอามา, พามา, ยกมา, ทำให้เกิด | bruise | (vt) ทำให้เกิดบาดแผล, ทำให้ฟกช้ำดำเขียว, ทำให้ถลอก, ทำให้เป็นรอยขีดขูด้น | create | (vt) สร้าง, ก่อ, ประดิษฐ์, รังสรรค์, ตั้ง, ทำให้เกิดขึ้น | eclipse | (vt) ทำให้เกิดสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา, ทำให้มืด, บดบังรัศมี | educe | (vt) ทำให้เกิด, ทำให้ปรากฏ, นำออก | effect | (vt) ทำให้เกิดผล, ยังผล, แสดงผล | electrify | (vt) ทำให้เกิดประจุไฟฟ้า, วัดไฟฟ้า, ต่อไฟฟ้า, ปล่อยกระแสไฟฟ้า | electromotive | (adj) เกี่ยวกับการเคลื่อนตัวของกระแสไฟฟ้า, ที่ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า | energize | (vt) ทำให้เกิดกำลัง, ให้พลัง, ทำให้ขะมักเขม้น, กระตุ้น | engender | (vt) ทำให้เกิด, ก่อให้เกิด, เพาะ, บังเกิด | evoke | (vt) นำมาซึ่ง, ทำให้เกิดขึ้น, ทำให้ออกมา, เรียก | fate | (vt) ทำให้เกิดเคราะห์กรรม | fertilization | (n) การทำให้อุดม, การทำให้เกิดผล, การทำให้มีผล, การผสมพันธุ์ | fertilize | (vt) เพาะพันธุ์, ทำให้มีผล, ทำให้เกิดผล, ทำให้อุดม | fertilizer | (n) ปุ๋ย, สิ่งที่ทำให้เกิดลูก | foment | (vt) ประคบด้วยน้ำอุ่น, ก่อกวน, ทำให้เกิด, ปลุกระดม, ปลุกปั่น | generate | (vt) ทำให้เกิดขึ้น, ให้กำเนิด, ผลิต, แพร่พันธุ์ | generative | (adj) ซึ่งทำให้เกิดขึ้น, ซึ่งให้กำเนิด, เกี่ยวกับการกำเนิด | generator | (n) เครื่องกำเนิดไฟฟ้า, ไดนาโม, สิ่งที่ทำให้เกิดขึ้น | hybridize | (vt) ผสมพันธุ์, ผสม, ทำให้เกิดลูกผสม | incur | (vt) เพาะ, ทำหนี้สิน, ทำให้เกิด, ได้รับ | originate | (vi, vt) ริเริ่ม, เริ่ม, ประดิษฐ์ขึ้น, ทำให้เกิดขึ้น | plague | (vt) รบกวน, ทำให้รำคาญ, ทำให้เกิดภัยพิบัติ | productivity | (n) ความงอกงาม, การให้กำเนิด, การทำให้เกิดผล | regenerate | (vt) ให้ชีวิตใหม่, ทำให้เกิดใหม่, งอกใหม่, วกกลับมาใหม่ | shade | (vt) ทำให้เกิดร่มเงา, บังแสง, บังแดด, ทำให้สลัว | spring | (vt) ก่อ, ทำให้เกิดขึ้น, ออก, วางกับดับ, ทำให้เด้ง, ทำให้ระเบิด | tentacle | (n) สิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึก, หนวดสัตว์, กิ่งก้านสาขา | yield | (vt) ผลิต, ทำให้เกิด, ให้ผล |
| *ผงชูรส* | (n) เป็นชื่อกลางที่ใช้เรียก โมโนโซเดียมกลูตาเมต (Monosodium Glutamate) วัตถุเจือปนอาหารประเภท วัตถุปรุงแต่งรสอาหารมีลักษณะเป็นผงผลึกสีขาวไม่มีกลิ่น มีประโยชน์ในการเป็นสารเพิ่มรสชาติอาหาร (Flavor Enhancer) ทำให้อาหารมีรสชาติโดยรวมดีขึ้น โดยช่วยเพิ่มรสชาติของรสชาติพื้นฐาน 4 รสที่เรารู้จักกันดีคือ รสหวาน รสเค็ม รสเปรี้ยว และรสขม ให้เด่นชัดมากขึ้น ในการศึกษาทางเภสัชวิทยาเกี่ยวกับรสชาติพบว่าผงชูรสสามารถกระตุ้น Glutamate Receptor แล้วทำให้เกิดรสชาติเฉพาะตัวที่เรียกว่ารสอูมามิ (Umami) ซึ่งเป็นรสที่ 5 ที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้และมีเอกลักษณ์แตกต่างจากรสชาติพื้นฐานทั้ง 4 | cataclysmic | (adj) ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือหายนะอย่างฉับพลันและรุนแรง | chilling | (adj) น่ากลัว ทำให้เกิดความกลัว | Crohn's disease | การอักเสบเรื้อรังที่มักจะเกี่ยวข้องกับส่วนล่างของลำไส้เล็กส่วนปลายมักจะแพร่กระจายไปยังลําไส้ใหญ่และเกิดเป็นอาการท้องเสีย, เป็นตะคริว, การเบื่ออาหารและน้ําหนักลดและทำให้เกิดการเจริญเติบโตของฝีหนองและทำให้เกิดแผลเป็น | dermatophyte | (n) เชื้อราที่เป็นปรสิตบนผิวหนังทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิดเช่น กลาก | drapery | (n) ม่านหินปูน, หินที่มีลักษณะคล้ายม่าน เกิดจากน้ำที่มีสารคาร์บอเนตสูงที่ไหลตามผนังที่เอียง หยดน้ำทีละหยดที่ไหลผ่านไปตามแนวเดิม เมื่อน้ำเกิดสูญเสียก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์จึงทำให้เกิดการตกตะกอนของแร่แคลไซต์มีลักษณะเป็นแผ่นบาง และมักจะโปร่งแสงงอกยาวขึ้นเรื่อยๆ | Hot Work | (n) งานที่ทำให้เกิดความร้อนหรือประกายไฟ | How Work | (n) งานที่ทำให้เกิดความร้อนหรือประกายไฟ | Klebsiella pneumoniae (K. pneumoniae) | เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ปกติอยู่ในลำไส้ของคนและในอุจจาระ. แบคทีเรียเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายเมื่อพวกมันอยู่ในลำไส้ของคุณ. แต่ถ้าพวกมันแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายของคน, พวกเขาสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง. ความเสี่ยงจะสูงขึ้นถ้าคุณป่วย. | Macrovascular | โรคของหลอดเลือดขนาดใหญ่เช่นที่พบในหัวใจ ไขมันและเลือดอุดตันสร้างขึ้นในหลอดเลือดขนาดใหญ่และอาจทำให้เกิดหลอดเลือด, โรคหัวใจ, หลอดเลือดสมอง, และโรคหลอดเลือดต่อมา | Removal of endometrial tissue | เป็นขั้นตอนที่จะเอาชิ้นเนื่้อเยื่อบางของเยื่อบุของมดลูกที่จะหยุดหรือลดการตกเลือดที่มากเกินไปหรือผิดปกติในผู้หญิงที่เจริญจะเสร็จสมบูรณ์. เยื่อบุโพรงมดลูกผ่าอาจจะไปทำให้เกิดการทำลายเยื่อบุของมดลูก เป็นขั้นตอนที่จะลบออกอย่างถาวรชั้นเนื้อเยื่อบางของเยื่อบุของมดลูกที่จะหยุดหรือลดการตกเลือดที่มากเกินไปหรือผิดปกติในผู้หญิงที่เจริญจะเสร็จสมบูรณ์. เยื่อบุโพรงมดลูกผ่าอาจจะแนะนำให้ทำลายเยื่อบุของมดลูก | satiated | (n, vt) อิ่มอกอิ่มใจอย่างเต็มที่, ทำให้เสพย์สุขอย่างเต็มที่, ทำให้เกิดความอาเจียน, อิ่มหนำสำราญ, เสพสุขอย่างเต็มที่, เอียนเพราะมากเกินไป n. การพอใจอย่างเต็มที่, การเกิดความเบื่อหน่าย, การเสพสุขอย่างเต็มที่ slang. อิ่มที่ได้ killing, See also: repletion, Syn. filled to | strike a balance | (vt) ทำให้เกิดสมดุล | Thromboxane | สารต่างๆที่มีการผลิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกล็ดเลือด, จะเกิดขึ้นจากการแทรกขนาดกลางในการเปลี่ยนแปลงของขา endoperoxides, ทำให้เกิดการหดตัวของหลอดเลือดและหลอดลมกล้ามเนื้อเรียบ, และส่งเสริมการแข็งตัวของเลือด | งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารอยต่อเหล็กกล้าคาร์บอนและเหล็กกล้าไร้สนิม เนื่องจ | งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารอยต่อเหล็กกล้าคาร์บอนและเหล็กกล้าไร้สนิม เนื่องจากมีความแตกต่างด้านสมบัติวัสดุทั้งสองชนิดทำให้เกิดจุดบกพร่องต่างๆทำให้การเชื่อมรอยต่อโลหะทั้งสองได้ค่อนข้างยาก งานวิจัยนี้เพื่อศึกษาปัจจัยการเชื่อมที่มีผลต่อสมบัติเชิงกลความต้านแรงดึงและค่าความแข็งด้วยโปรแกรม ทางสถิติ โดยใช้กระบวนการเชื่อม มิกส์ ลวดเชื่อมสเตนเลสSpeedarc308 Lsi*1.2mm การทดสอบประกอบด้วยโครงสร้างจุลภาค ความแข็ง ความแข็งแรงดึง การดัดโค้ง และการใช้โปรแกรมทางสถิติ กระแสไฟเชื่อม 112A ความเร็วเชื่อ 2 m/s แก๊สปกคลุมแนวเชื่อม Ar 80% + CO2 20 % การทดสอบตามมาตรฐาน ASME BPVC IX ผลการทดสอบค่าความแข็งเฉลี่ย 166.23 HV ความแข็งแรงดึงเฉลี่ย 262.25 MPa การดัดโค้งพบว่าชิ้นงานที่ทำการทดสอบนั้นแตกหัก (Broken) ทั้งหมด จึงสรุปได้ว่าชิ้นงานที่ทำการทดสอบนั้นไม่สามารถรับแรงดัดโค้งได้ การวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมทางสถิติ เมื่อกำหนดค่า α มีค่าเท่ากับ 0.05 พิจารณาอันตรกิริยาจากค่า P-Value Strength เท่ากับ 0.884 และค่าความแข็ง Hardness เท่ากับ 0.227 การทดลองทั้งหมดมีระดับความเชื่อมั่นอยู่ที่ 95% ทำให้การทดลองครั้งนี้ไม่มีอิทธิพลต่อผลการทดลองอย่างนี้นัยสำคัญ คำสำคัญ: เหล็กคาร์บอน SS400 , เหล็กกล้าไร้สนิม SUS304 , การเชื่อมมิก , โปรแกรมทางสถิติ |
| 影 | [かげ, kage] (n) n. ร่ม, ที่ร่ม, เงามืด, ความมืด, บังร่ม, โป๊ะโคม, ที่บังแดด, ที่กำบัง, กะบัง, บังตา, เงามืดในภาพ, เครื่องเตือนความจำ, ความคลุมเครือ, ผี, ปีศาจ, ลำดับแลเงา, จำนวนเล็กน้อย, การสัมผัส vt. ทำให้เกิดร่มเงา, ทำให้มืดมัว, ทำให้สลัว, บังเงา, บังร่ม, บังแดด, ระบายเงา, วาดเงามืด vi. | 引き起こす | [ひきおこす, hikiokosu] (vt) ทำให้เกิด | 木洩れ日 | [こもれび, komorebi] (n) แสงอาทิตย์ซึ่งสาดส่องผ่านช่องหว่างระหว่างใบไม้แต่ละใบ ทำให้เกิดเงาบนพื้น | 火気厳禁 | [かきげんきん, kakigenkin] (n, phrase) ห้ามจุดไฟ ห้ามทำให้เกิดประกายไฟ |
| 鳴らす | [ならす, narasu] TH: ทำให้เกิดเสียง EN: to sound | 催す | [もようす, moyousu] TH: ทำให้เกิดอาการบางอย่างทาร่างกาย EN: to develop symptoms | 催す | [もようす, moyousu] TH: ทำให้เกิดอารมณ์ผันแปร EN: to feel sick |
| Gelatine | (n) |die, nur Sg.| เจลาติน, ผงที่ใช้ทำให้เกิดเจล |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |