มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ ศักดิ์ศรี | (n) honour, See also: honor, glory, fame, renown, Syn. เกียรติ, เกียรติยศ, เกียรติศักดิ์ | ศักดิ์ศรี | (n) prestige, Syn. เกียรติศักดิ์, เกียรติยศ, Example: ศักดิ์ศรีของทหารเป็นที่น่าเชื่อถือของคนทั่วไป, Notes: (สันสกฤต) | มีศักดิ์ศรี | (v) have prestige, See also: have dignity, Syn. มีเกียรติ, Example: มนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน, Thai Definition: มีเกียรติตามฐานะของแต่ละบุคคล | สมศักดิ์ศรี | (v) deserve one's dignity, See also: be suitable for one's rank, be worthy of one's dignity, Syn. สมศักดิ์, Example: เขาคิดว่านี่เป็นงานต่ำ ไม่สมศักดิ์ศรีลูกผู้ดีอย่างเขา, Thai Definition: สมควรแก่เกียรติยศชื่อเสียง | เสียศักดิ์ศรี | (v) lose one's honour, See also: be disgraced, be dishonoured, Example: ประธานาธิบดีโซเวียตยอมเสียศักดิ์ศรีเดินทางไปเยือนอดีตประเทศศัตรู เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ, Thai Definition: สูญเสียเกียรติศักดิ์, สูญเสียเกียรติ | หยิ่งในศักดิ์ศรี | (v) be proud of (one's achievement), Syn. ถือตัว, Example: คนเราต่างก็มีสิทธิ์หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง, Thai Definition: ไว้ตัว, ไม่ยอมลดตัว เพราะหยิ่งในเกียรติของตน |
|
| ศักดิ์ศรี | น. เกียรติศักดิ์ เช่น ประพฤติตนไม่สมศักดิ์ศรี. | คอหยัก ๆ สักแต่ว่าคน | น. คนที่ประพฤติตัวไม่สมศักดิ์ศรีของความเป็นคน. | เมียน้อย | น. หญิงที่ชายเลี้ยงดูอย่างภรรยา แต่ไม่มีศักดิ์ศรีเท่าเมียหลวงหรือไม่ได้จดทะเบียน. | ลูบคม | ก. ทำให้เกียรติหรือศักดิ์ศรีด้อยลงไป เช่น นักเลงถูกลูบคม. | สม ๑ | ว. เหมาะ, เหมาะกับ, ควรแก่, เช่น บ่าวสาวคู่นี้สมกัน เขาแต่งตัวสมฐานะ แสดงละครได้สมบทบาท เขาต่อสู้กันอย่างสมศักดิ์ศรี เด็กคนนี้แต่งตัวไม่สมวัย, รับกัน เช่น หัวแหวนสมกับเรือนแหวน | เสีย ๑ | ก. เสื่อมลงไป, ทำให้เลวลงไป, เช่น เสียเกียรติ เสียศักดิ์ศรี เสียชื่อ | เสียราศี | ก. เสียสง่า, เสียเกียรติยศ, เสียศักดิ์ศรี, เสียสิริมงคล, เช่น คบคนชั่วทำให้เสียราศี. | หน้า | เกียรติและศักดิ์ศรี เช่น เห็นแก่หน้า ไม่ไว้หน้า | หยามน้ำหน้า | ก. ดูหมิ่นเกียรติ, ดูหมิ่นศักดิ์ศรี. |
| Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman, or Degrading Treatment or Punishment (1984) | อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (ค.ศ. 1984) [TU Subject Heading] | Dignity | ศักดิ์ศรี [TU Subject Heading] | Dignity in literature | ศักดิ์ศรีในวรรณกรรม [TU Subject Heading] | Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman and Degrading Treatment or Punishment | อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการปฏิบัติ หรือการลงโทษอื่น ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี [การทูต] | Order of Precedence | หมายถึง ลำดับอาวุโสทางการทูต โดยถือยศหรือตำแหน่งเป็นบรรทัดฐาน โดยเฉพาะในโอกาสที่ไปร่วมพิธีต่าง ๆ ตลอดจนการเลี้ยงอาหารอย่างเป็นทางการ นักการทูตทั่วโลกต่างถือลำดับอาวุโสเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิถีพิถันกันไม่ น้อย เพราะในฐานะที่เป็นตัวแทนของประเทศ หากมีการจัดลำดับอาวุโสไม่ถูกต้อง เขาผู้นั้นซึ่งคำนึงถึงศักดิ์ศรีในฐานะตัวแทนของประเทศย่อมต้องรู้สึกว่า นอกจากจะไม่ได้รับความถูกต้องแล้ว ยังเป็นการดูแคลนประเทศของตนด้วยในสมัยก่อน ผู้ที่ทำหน้าที่ชี้ขาดในเรื่องลำดับอาวุโสของบรรดาประมุขของรัฐทั้งหลาย คือสมเด็จพระสันตะปาปา ต่อมาในการประชุมคองเกรสแห่งเวียนนาเมื่อปี ค.ศ. 1815 ที่ประชุมได้ตกลงกันให้ถือวันที่เดินทางมาถึงประเทศผู้รับ และได้แจ้งให้ทราบเป็นทางการว่าเป็นเรื่องลำดับอาวุโส ผู้ที่มาถึงก่อนย่อมมีอาวุโสกว่าผู้ทีมาทีหลัง อย่างไรก็ดี มาในทุกวันนี้มีหลายประเทศถือหลักว่า ผู้แทนทางการทูตที่ยื่นสารตราตั้งก่อนจะมีอาวุโสกว่าผู้ยื่นสารตราตั้งที หลัง และในกรณีที่เกิดความเห็นไม่ลงรอยกันระหว่างบุคคลในคณะทูตเรื่องลำดับอาวุโส ประเทศเจ้าภาพหรือประเทศผู้รับจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดอนุสัญญากรุงเวียนนาว่า ด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติเกี่ยวกับลำดับอาวุโสของผู้แทนทางการ ทูตไว้ดังนี้ ?ข้อ 16 1. ให้หัวหน้าคณะผู้แทนมีลำดับอาวุโสในแต่ละชั้นของตนตามลำดับวันและเวลาที่ เข้ารับการหน้าที่ของตนในรัฐผู้รับ เมื่อตนได้ยื่นสารตราตั้ง หรือเมื่อได้บอกกล่าวการมาถึงของตนและได้เสนอสำเนาที่ถูกต้องของสารตราตั้ง ต่อกระทรวงการต่างประเทศของรัฐผู้รับ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงตามแนวปฏิบัติที่มีอยู่ในรัฐผู้รับ ซึ่งจะต้องใช้ในทำนองอันเป็นเอกรูป 2. การเปลี่ยนแปลงในสารตราตั้งของหัวหน้าคณะผู้แทน ซึ่งไม่เกี่ยวพันกับการเปลี่ยนแปลงชั้นใด ๆ จะไม่กระทบกระเทือนลำดับอาวุโสของหัวหน้าคณะผู้แทน 3. ข้อนี้ไม่เป็นที่เสื่อมเสียแก่ทางปฏิบัติใด ซึ่งมีอยู่ในรัฐผู้รับ ในเรื่องลำดับอาวุโสของผู้แทนของโฮลี่ซี ข้อ 17 ลำดับอาวุโสของสมาชิกคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายทูตของคณะผู้แทนนั้น ให้หัวหน้าคณะผู้แทนเป็นผู้บอกกล่าวแก่กระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงกัน? [การทูต] | Personal Diplomacy | คือการเจรจากันโดยตรงระหว่างรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงต่างประเทศด้วยกัน ส่วนการเจรจากันโดยตรงระหว่างประมุขของรัฐ หรือหัวหน้าของรัฐบาล แต่เดิมก็จัดอยู่ในประเภทการมทูตส่วนบุคคล แต่มาในปัจจุบันนี้ มักนิยมเรียกกันว่าเป็นทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) แยกออกต่างหากจากการทูตส่วนบุคคลมีผู้สังเกตการณ์หลายคนเตือนว่า ในกรณีที่เกิดเรื่องหรือปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่นั้น ไม่ควรหันเข้าใช้วิธีส่งผู้แทนพิเศษจากนครหลวงไปแก้ปัญหา ควรให้เอกอัครราชทูตเป็นผู้ดำเนินการมากกว่า เพราะประการแรก การกระทำเช่นนั้นยังผลเสียหายต่อศักดิ์ศรีของตัวเอกอัครราชทูตเอง ทั้งยังกระทบกระเทือนต่อการที่เขาจะปฏิบัติงานให้ประสบผลอย่างเต็มที่ ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในประเทศนั้นในภายหน้าด้วย อีกประการหนึ่ง จะพึงคาดหมายได้อย่างไรว่า ตัวผู้แทนพิเศษที่ส่งไปนั้นจะมีความรอบรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของปัญหา รวมทั้งตัวบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเท่ากับตัวเอกอัครราชทูตเอง ซึ่งได้ประจำทำงานอยู่ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ณ ที่นั่น แม้แต่ แฮโรลด์ นิโคลสัน ก็ไม่เห็นด้วย และได้เตือนว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศหนึ่งไปเยือนและพบปะกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอีกประเทศหนึ่งบ่อย ๆ นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำและไม่ควรสนับสนุน เพราะการกระทำเช่นนี้ นอกจากจะทำให้ประชาชนคาดหมายไปต่าง ๆ นานาแล้ว ยังจะทำให้เกิดเข้าใจผิด และเกิดความสับสนขึ้นมาได้แม้แต่ผู้รอบรู้ในเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติทางการ ทูตบางคนก็ยังแคลงใจว่า การทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) จะได้ประโยชน์และให้ผลจริง ๆ หรือไม่ นอกจากเฉพาะในกรณียกเว้นจริง ๆ เท่านั้น บ้างเห็นว่า การพบปะเจรจาแบบสุดยอดมักจะกลายสภาพเป็นการโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์มากกว่า ที่จะเป็นการเจรจากันอย่างแท้จริง เพราะมีอันตรายอยู่ว่า ผู้ร่วมเจรจามักจะแสดงความคิดเห็นตามความรู้สึกมากกว่าตามข้อเท็จจริง เพราะมัวแต่เป็นห่วงและคำนึงถึงประชามติในประเทศของตนมากเกินไปนอกจากนี้ ผู้เจรจาไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ข้อลดหย่อนหรือทำการประนีประนอม ( ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งหากจะให้เจรจาบังเกิดผล) เพราะกลัวเสียหน้าหากกระทำเช่นนั้น ตามปกติ ถ้าให้นักการทูตเป็นผู้เจรจา เขาจะมีโอกาสมากกว่าที่จะใช้วิธีหลบหลีกอันชาญฉลาดในการเจรจาต่อรอง เพื่อให้เป็นผลตามที่มุ่งประสงค์ [การทูต] | Placement | หมายถึง วิธีจัดที่นั่งโต๊ะในการเลี้ยงอาหารสำหรับนักการทูต โดยคำนึงถึงลำดับอาวุโส เพื่อป้องกันมิให้เกิดความรู้สึกขุ่นเคืองหรือหัวเสีย เรื่องการจัดที่นั่งในการเลี้ยงอาหารโดยคำนึงถึงลำดับอาวุโสนี้ นักการทูตส่วนใหญ่ไม่ว่าที่ไหน มักจะถือว่ามีความสำคัญไม่น้อย เพราะถือเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีในฐานะที่เป็นตัวแทนของประเทศ ฝ่ายที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการจัดที่นั่งเช่นนี้ได้แก่ กรมพิธีการทูตของกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนลำดับของอาวุโสก็ถือตามวันเวลาที่นักการทูตแต่ละคนได้เข้าประจำตำแหน่ง ที่ในประเทศผู้รับ กล่าวคือ ผู้ที่เข้าประจำตำแหน่งก่อนก็คือผู้ทีมีอาวุโสกว่าผู้ที่มาประจำตำแหน่ง หน้าที่ทีหลัง [การทูต] | Work of the United Nations on Human Rights | งานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน งานสำคัญชิ้นหนึ่งของสหประชาชาติคือ วควมมปรารถนาที่จะให้ประเทศทั้งหลายต่างเคารพและให้ความคุ้มครองแก่สิทธิ มนุษยชนตลอดทั่วโลก ดังมาตรา 1 ในกฎบัตรของสหประชาติได้บัญญัติไว้ว่า?1. เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และมีเจตนามุ่งมั่นต่อจุดหมายปลายทางนี้ จะได้ดำเนินมาตรการร่วมกันให้บังเกิดผลจริงจัง เพื่อการป้องกันและขจัดปัดเป่าการคุกคามต่อสันติภาพ รวมทังเพื่อปราบปรามการรุกรานหรือการล่วงละเมิดอื่น ๆ ต่อสันติภาพ ตลอดจนนำมาโดยสันติวิธี และสอดคล้องกับหลักแห่งความยุติธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งการปรับปรุงหรือระงับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การล่วงละเมิดสันติภาพได้ 2. เพื่อพัฒนาสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชาติทั้งปวงโดยยึดการเคารพต่อหลักการ แห่งสิทธิเท่าเทียมกัน และการกำหนดเจตจำนงของตนเองแห่งประชาชนทั้งปวงเป็นมูลฐานและจะได้ดำเนิน มาตรการอันเหมาะสมอย่างอื่น เพื่อเป็นกำลังแก่สันติภาพสากล 3. เพื่อทำการร่วมมือระหว่างประเทศ ในอันที่จะแก้ปัญหาระหว่างประเทศในทางเศรษฐกิจ การสังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรม รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพ อันเป็นหลักมูลฐานสำหรับทุก ๆ คนโดยปราศจากความแตกต่างด้านเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา 4. เพื่อเป็นศูนย์กลางและประสานการดำเนินงานของประชาชาติทั้งปวงในอันที่จะ บรรลุจุดหมายปลายทางเหล่านี้ร่วมกันด้วยความกลมกลืน"ดังนั้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 สมัชชาแห่งสหประชาชาติจึงได้ลงข้อมติรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชุมชนระหว่างประเทศ ที่ได้ยอมรับผิดชอบที่จะให้ความคุ้มครอง และเคารพปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยข้อความรวม 30 มาตรา กล่าวถึง1. สิทธิของพลเมืองทุกคนที่จะมีเสรีภาพ และความเสมอภาค รวมทั้งสิทธิทางการเมือง2. สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มาตรา 1 และ 2 เป็นมาตราที่กล่าวถึงหลักทั่วไป เช่น มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายต่างเกิดมาพร้อมกับ อิสรภาพ และทรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้น ทุกคนย่อมมีสิทธิและอิสรภาพตามที่ระบุในปฏิญญาสากล โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างใด ๆ เชื้อชาติ เพศ ภาษา ศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรืออื่น ๆ ต้นกำเนิดแห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สินหรือสถานภาพอื่น ๆ ส่วนสิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมืองนั้น ได้รับการรับรองอยู่ในมาตร 3 ถึง 21 ของปฏิญญาสากล เช่น รับรองว่าทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ มีเสรีภาพและความมั่นคงปลอดภัย มีอิสรภาพจากความเป็นทาสหรือตกเป็นทาสรับใช้ มีเสรีภาพจากการถูกทรมาน หรือการถูกลงโทษอย่างโหดร้าย สิทธิที่จะได้รับการรับรองเป็นบุคคลภายใต้กฎหมาย ได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย มีเสรีภาพจากการถูกจับกุม กักขัง หรือถูกเนรเทศโดยพลการ มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ สิทธิที่จะมีสัญชาติ รวมทั้งสิทธิที่จะแต่งงานและมีครอบครัว เป็นต้นส่วนมาตรา 22 ถึง 27 กล่าวถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และทางวัฒนธรรม เช่น มีสิทธิที่จะอยู่ภายใต้การประกันสังคม สิทธิที่จะทำงาน สิทธิที่จะพักผ่อนและมีเวลาว่าง สิทธิที่จะมีมาตรฐานการครองชีพสูงพอที่จะให้มีสุขภาพอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดี สิทธิที่จะได้รับการศึกษาและมีส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่ตามวัฒนธรรมของ ชุมชน มาตรา 28 ถึง 30 กล่าวถึงการรับรองว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีขีวิตอยู่ท่ามกลางความสงบเรียบร้อยของสังคมและระหว่าง ประเทศ และขณะเดียวกันได้เน้นว่า ทุกคนต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อชุมชนด้วยสมัชชาสหประชาชาติได้ประกาศ ให้ถือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนนี้ เป็นมาตรฐานร่วมกันที่ทุกประชาชาติจะต้องปฏิบัติตามให้ได้ และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกของสหประชาชาติช่วยกันส่งเสริมรับรองเคารพสิทธิและ เสรีภาพตามที่ปรากฎในปฏิญญาสากลโดยทั่วกัน โดยเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้ สมัชชาสหประชาชาติจึงลงมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1950 ให้ถือวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชนทั่วโลก [การทูต] |
| Maybe there is some glory in saving a president, but just anybody? | ช่วยชีวิตประธานาธิบดีอาจมีศักดิ์ศรี แต่ถ้าคนเดินดิน? The Bodyguard (1992) | - I see pride! | - ฉันเห็นศักดิ์ศรี! Cool Runnings (1993) | I see pride. I see power! | ฉันเห็นศักดิ์ศรี ฉันเห็นพลัง! Cool Runnings (1993) | - Pride! - Pride! | - ศักดิ์ศรี! Cool Runnings (1993) | Right. | - ศักดิ์ศรี Cool Runnings (1993) | - I see pride! | - ฉันเห็นศักดิ์ศรี! Cool Runnings (1993) | Pride. Power. Pride. | ศักดิ์ศรี พลัง ศักดิ์ศรี Cool Runnings (1993) | When that East German fellow go out and push my teammate, and blood fire, we have to fight back. | ไอ้พวกเยอรมัน มันหาเรื่อง และผลักเพื่อนร่วมทีมฉัน เพื่อศักดิ์ศรี เราต้องสู้ Cool Runnings (1993) | Pride. Power. | ศักดิ์ศรี พลัง... Cool Runnings (1993) | If you have any dignity, leave right away. | ถ้าแกมีศักดิ์ศรีสักนิดก็ไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ The Joy Luck Club (1993) | I ask only that it be at the hands of Don Francisco... so it may be said I died in glory from a worthy opponent. | ผมขอแค่เพียงให้เป็นน้ำมือ ของ ดอน ฟรานซิสโก้ ถึงจะเรียกได้ว่าตายอย่างสมศักดิ์ศรี Don Juan DeMarco (1994) | Under the pretext of hygiene, nudity strips the inmates of all pride in one stroke. | อ้างด้วยมาตรการปลอดเชื้อ นักโทษถูกเปลือยกาย โดยไม่มีศักดิ์ศรีใดใดเหลือเอาไว้เลย Night and Fog (1956) | Wherever a man cannot live in simple dignity. | ที่ที่คนไม่สามารถอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี Blazing Saddles (1974) | So it's only natural that our best young minds assume an air of Eastern dignity while greedily assimilating every Western weakness as quickly as they can acquire it. | เป็นธรรมชาติที่คนหนุ่มหัวดีของเรา จะรู้จักศักดิ์ศรีของตะวันออก แต่ก็กลับรีบรับเอา Gandhi (1982) | Since you wanted her and forgot the pride of aristocracy. | ตั้งแต่ที่ท่านต้องการเธอ จนลืมศักดิ์ศรีขุนนาง Vampire Hunter D (1985) | Somewhere in a war, there's supposed to be honor. | บางที่ในสงครามที่เราเข้าใจว่ามีเกียรติศักดิ์ศรี Rambo III (1988) | Come on, Jason. For love and honor! | สู้เลยเจสัน เพื่อรักและศักดิ์ศรี Mannequin: On the Move (1991) | He's dishonest! | เขาไม่มีศักดิ์ศรี ! The Young Indiana Jones Chronicles (1992) | And it must be achieved if I am to live or die with dignity. | และจะต้องสำเร็จ เพื่อผมจะได้มีชีวิตอยู่ หรือตายอย่างมีศักดิ์ศรี Bicentennial Man (1999) | Wilbur Charles's dad can't get work neither, but he says he'd rather do nothin' at all than something beneath his dignity. | แต่เขาพูดว่า ให้เขาตายดีกว่าทำงานไร้ศักดิ์ศรี The Legend of Bagger Vance (2000) | which is why he's able to sit around all day long on his dignity. | ที่นั่งกุมศักดิ์ศรีโดยไม่ยอมทำอะไร The Legend of Bagger Vance (2000) | - What happened? - I was defending your honor! | เพราะฉันป้องกันศักดิ์ศรีของเธอน่ะสิ Woman on Top (2000) | - My honor doesn't need defending. Oh, no? | ศักดิ์ศรีฉันไม่จำเป็นต้องป้องกัน Woman on Top (2000) | The blood of Numenor is all but spent, its pride and dignity forgotten. | เลือดสู้เเห่งนูเมเนอร์ไร้ประโยชน์ เกียรติยศศักดิ์ศรีถูกหลงลืม The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001) | But there is courage also, and honor to be found in Men. | แต่มันก็มีความกล้าหาญ และศักดิ์ศรีในตัวมนุษย์เช่นกัน The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001) | To serve people... takes dignity and intelligence. | การบริการผู้คน... ...ต้องใช้ศักดิ์ศรีและความฉลาด Maid in Manhattan (2002) | Can you hear what I'm saying? I'm telling you, it's a disgrace. | ได้ยินที่ผมพูดไหม ผมบอกว่ามันเสียศักดิ์ศรี The Pianist (2002) | They died with dignity, that's what good it did. | พวกเขาได้ตายอย่างมีศักดิ์ศรีไง The Pianist (2002) | I gotta save whatever dignity I've got left. | ฉันอยากจะรักษาศักดิ์ศรีที่ฉันเหลือ. Ice Age (2002) | Dignity's got nothing to do with it. I'll take that lift. | ศักดิ์ศรีก็ไม่สำคัญ ฉันขึ้นได้ไม๊. Ice Age (2002) | You don't expect these mercs to have any honour, any code. | ไอ้พวกเมอร์คมันไร้ศักดิ์ศรี ไร้จรรยาบรรณอยู่แล้ว The Chronicles of Riddick (2004) | Who refused to compromise his integrity. | ไม่ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเอง Mona Lisa Smile (2003) | Ryan facing off with Trey to avenge your honor-- | ไรอันไปหาเรื่องเทรย์เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีเธอ The O.C. (2003) | They consider it an honour to marry in the cause of peace. | พิจารณาถึงศักดิ์ศรีและการสมรส เพื่อแลกมาซึ่งความสันติสุข Mulan 2: The Final War (2004) | I just couldn't stand to see that man take away your dignity. | ฉันแค่ทนเห็นคนๆ นั้น พรากศักดิ์ศรีไปจากคุณ Crash (2004) | Do you have any pride? | พี่มีศักดิ์ศรีบ้างมั้ย Romance of Their Own (2004) | That's right, I have no pride. | เธอพูดถูก, พี่ไม่มีศักดิ์ศรี Romance of Their Own (2004) | Let me do it on my own, so I can do it with whatever's left of my dignity. | ให้ผมจัดการมันด้วยตัวผมเอง ดังนั้นผมจะได้จัดการทุกอย่าง ให้สมศักดิ์ศรีก่อนไป Mr. Monk and the Game Show (2004) | The Japanese guards. Who view surrender as a disgrace. | และเหล่าผู้คุมญี่ปุ่น ผู้ซึ่งมองว่าการจำนน เป็นสิ่งที่ไร้ศักดิ์ศรี.. The Great Raid (2005) | All right. We got ourselves a game. | ดี เราจะได้แข่งอย่างสมศักดิ์ศรี The Longest Yard (2005) | I have fought against judgement, my family's expectation, the inferiority of your birth, my rank. | ผมพยายามใช้เหตุผล และความคาดหวังของครอบครัว ชาติกำเนิดของคุณที่ตํ่ากว่า ศักดิ์ศรีของผม Pride & Prejudice (2005) | You know, you were supposed to be some slick-shit killer. | ศักดิ์ศรีแก มันระดับเพชฌฆาตคารวะไม่ใช่รึ The Chronicles of Riddick (2004) | None of them... with the strength, the dignity... of Lord Vaako. | ไม่มีใครซักคนที่กล้าแกร่ง พร้อมด้วยศักดิ์ศรีเยี่ยง"ลอร์ด วาโก้" The Chronicles of Riddick (2004) | But first, a test of honour. | ขั้นแรกบททดสอบศักดิ์ศรี The Da Vinci Code (2006) | Except for a sense of honour and decency and a moral centre. | ยกเว้น เกียรติยศศักดิ์ศรี ..รู้จักกาละเทศะ .. มีศีลธรรม Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest (2006) | Feet pumping'. You got pride. | อย่าหยุดวิ่ง เพื่อศักดิ์ศรี Gridiron Gang (2006) | All right? | ไว้ศักดิ์ศรีหน่อย ตกลงนะ Gridiron Gang (2006) | I thought there was supposed to be some sort of honor in the way we fight. | ผมคิดว่าน่าจะมีศักดิ์ศรี ในวิธีที่เราสู้รบกัน Flyboys (2006) | Captain, my father is an honest man. | ผู้กองครับ, พ่อของผม มีศักดิ์ศรี. Pan's Labyrinth (2006) | God, I loved that line: "The onrushing stripping of dignity and thought from British lives." | "การปลดเปลื้องศักดิ์ศรี และความคิดจากชีวิตแบบอังกฤษ" The Holiday (2006) |
| มีศักดิ์ศรี | [mī saksī] (adj) EN: dignified ; honorable | ศักดิ์ศรี | [saksī] (n) EN: honour ; honor (Am.) ; glory ; fame ; renown ; dignity ; prestige FR: prestige [ m ] ; dignité [ f ] |
| deign | (vt) ถ่อมตัวลงมา, See also: ลดตัวลงมา, ยอมลดเกียรติ / ศักดิ์ศรีลงมา, Syn. condescend, vouchsafe, stoop | deign | (vi) ถ่อมตัวลงมา, See also: ลดตัวลงมา, ยอมลดเกียรติ / ศักดิ์ศรีลงมา, Syn. condescend, vouchsafe, stoop | prestigious | (adj) ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ, See also: ซึ่งมีเกียรติ, ซึ่งมีศักดิ์ศรี, Syn. famous, important | self-esteem | (n) การหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเอง, See also: ความภูมิใจในตัวเองอย่างมาก, Syn. pride |
| amour-propre | (อะมัวพรอ' พระ) n., fr. ความรักตัวเอง, ความหยิ่งในศักดิ์ศรี | character | (แค'ริคเทอะ) n. ตัวอักษร, อักขระ, อุปนิสัย, คุณสมบัติ, ลักษณะพิเศษ, หลักความประพฤติ, ความรักหรือหยิ่งในศักดิ์ศรี, ชื่อเสียงที่ดี, เกียรติคุณ, ฐานะตัวในเรื่อง, บทบาทในละครหรือภาพยนตร์, สัญลักษณ์, See also: characterisation, characterization n. | fame | (เฟม) n. ชื่อเสียง, กิตติศัพท์, เกียรติยศ, เกียรติคุณ, ศักดิ์ศรี, ข่าวลือ, การเล่าลือ. vt. ทำให้มีชี่อเสียง, เลื่องลือ. | honor | (ออน'เนอะ) n. เกียรติยศ, ชื่อเสียง, ศักดิ์ศรี, เกียรติศักดิ์, ความเคารพ, ความนับถือ, เหรียญตรา, ปริญญาขั้นเกียรตินิยม. vt. เคารพ, นับถือ, ให้เกียรติแก่กัน, จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงิน | honorable | (ออน'เนอะระเบิล) เกี่ยวกับเกียรติยศ, น่าเคารพนับถือ, ซื่อตรง, น่าเชื่อถือ, มีหน้ามีตา, มีศักดิ์ศรี., See also: honourableness, honorbleness n., Syn. virtuous, ethical | honour | (ออน'เนอะ) n. เกียรติยศ, ชื่อเสียง, ศักดิ์ศรี, เกียรติศักดิ์, ความเคารพ, ความนับถือ, เหรียญตรา, ปริญญาขั้นเกียรตินิยม. vt. เคารพ, นับถือ, ให้เกียรติแก่กัน, จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงิน | honourable | (ออน'เนอะระเบิล) เกี่ยวกับเกียรติยศ, น่าเคารพนับถือ, ซื่อตรง, น่าเชื่อถือ, มีหน้ามีตา, มีศักดิ์ศรี., See also: honourableness, honorbleness n., Syn. virtuous, ethical | invertebrate | (อินเวอ'ทะบริท) adj. ไม่มีกระดูกสันหลัง, เกี่ยวกับสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง, อ่อนแอ, ไร้ความสามารถ, ไม่รักศักดิ์ศรี., See also: invertebracy, invertebrateness n. | prestige | (เพรสทิจฺ') n. ชื่อเสียง, เกียรติคุณ, เกียรติศักดิ์, เกียรติภูมิ, ศักดิ์ศรี, บารมี adj. มีชื่อเสียง, Syn. reputation, weight | prostitute | (พรอส'ทิทิวทฺ) n. โสเภณี, บุคคลที่ร่วมประเวณีเพื่อหาเงิน (มักเป็นหญิง) , บุคคลที่ขายศักดิ์ศรีของตัวเอง. vt. ขายตัวเป็นโสเภณี, ขายศักดิ์ศร', Syn. whore, harlot, call girl | respectable | (รีสเพค'ทะเบิล) adj. น่านับถือ, น่าเคารพ, น่ายำเกรง, มีหน้ามีตา, สูงส่ง, สมควร, ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม, มีศักดิ์ศรี, มากมาย, See also: respectableness n. respectably adv., Syn. admirable, proper, appreciable | self-respect | (เซลฟฺ'รีสเพคทฺ') n. การเคารพตัวเอง, การหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัว เอง., See also: self-respectful, self-respecting adj. |
| fame | (n) กิตติศัพท์, ชื่อเสียง, เกียรติศักดิ์, ศักดิ์ศรี | honourable | (adj) น่าเคารพนับถือ, มีศักดิ์ศรี, มีหน้ามีตา, น่ายกย่อง | prestige | (n) ชื่อเสียง, อิทธิพล, ศักดิ์ศรี, บารมี, รัศมี, เกียรติยศ | SELF-self-respect | (n) การหยิ่งในศักดิ์ศรีตัวเอง, ความนับถือตัวเอง |
| 自尊心 | [じそんしん, jisonshin] ความหยิ่งในศักดิ์ศรี |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |