มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ สุนทรพจน์ | (n) speech, See also: address, harangue, oration, Syn. คำปราศรัย, Example: เขาได้รับรางวัลที่ 1 ในการพูดสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษซึ่งจัดโดยศูนย์พัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษระดับมัธยมปลาย, Thai Definition: คำพูดที่ประธานหรือบุคคลสำคัญเป็นต้นกล่าวในพิธีการหรือในโอกาสสำคัญต่างๆ | กล่าวสุนทรพจน์ | (v) deliver a speech, See also: make a speech, Example: ท่านรองนายกรัฐมนตรีได้ให้เกียรติกล่าวสุนทรพจน์ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย |
|
| สุนทรพจน์ | (สุนทอนระ-, สุนทอระ-) น. คำพูดที่ประธานหรือบุคคลสำคัญเป็นต้นกล่าวในพิธีการหรือในโอกาสสำคัญต่าง ๆ เช่น นายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ. | กล่าว | แต่งงาน เช่น ฝรั่งกล่าวแหม่ม. (ประเพณีของชาวคริสเตียน), คำนี้ใช้เป็นปรกติในภาษาเขียน แต่ใช้เป็นภาษาพูดก็มีในบางลักษณะ เช่น กล่าวสุนทรพจน์. | สมาส | (สะหฺมาด) น. การเอาศัพท์ตั้งแต่ ๒ ศัพท์ขึ้นไปมาต่อกันเป็นศัพท์เดียวตามหลักที่ได้มาจากไวยากรณ์บาลีและสันสกฤต เช่น สุนทร + พจน์ เป็น สุนทรพจน์ รัฐ + ศาสตร์ เป็น รัฐศาสตร์ อุดม + การณ์ เป็น อุดมการณ์. | สุนทร, สุนทร- | (-ทอน, -ทอนระ-, -ทอระ-) ว. งาม, ดี, ไพเราะ, เช่น วรรณคดีเป็นสิ่งสุนทร, มักใช้เข้าสมาสกับคำอื่น เช่น สุนทรพจน์ สุนทรโวหาร. |
| | Baccalaureate address | สุนทรพจน์ในวันรับปริญญา [TU Subject Heading] | Occasional speeches | สุนทรพจน์ในโอกาสต่าง ๆ [TU Subject Heading] | Speeches in Congress | สุนทรพจน์ในรัฐสภา [TU Subject Heading] | Speeches, addresses, etc. | สุนทรพจน์ [TU Subject Heading] | Speeches, addresses, etc., American | สุนทรพจน์อเมริกัน [TU Subject Heading] | Speeches, addresses, etc., Chinese | สุนทรพจน์จีน [TU Subject Heading] | Speeches, addresses, etc., English | สุนทรพจน์อังกฤษ [TU Subject Heading] | Speeches, addresses, etc., Thai | สุนทรพจน์ไทย [TU Subject Heading] | Consular office Declared ?Non grata? | เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลจะถูกประกาศว่าไม่พึงปรารถนา หรือไม่พึงโปรดได้ ดังข้อ 23 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาได้บัญญัติไว้ด้วยข้อความดังนี้?1. รัฐผู้รับอาจบอกกล่าวแก่รัฐผู้ส่งในเวลาใดก็ได้ว่าพนักงานฝ่ายกงสุลเป็น บุคคลที่ไม่พึงโปรด หรือบุคคลอื่นใดในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลเป็นที่ไม่พึงยอมรับได้ ในกรณีนั้นรัฐผู้ส่งจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นกลับ หรือเลิกการหน้าที่ของผู้นั้นต่อสถานที่ทำการทางกงสุล แล้วแต่กรณี2. ถ้ารัฐผู้ส่งปฏิเสธหรือไม่นำพาภายในเวลาอันสมควรที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีของ ตนตามวรรค 1 ของข้อนี้ รัฐผู้รับอาจเพิกถอนอนุมัติบัตรจากบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น หรือเลิกถือว่าบุคคลนั้นเป็นบุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลก็ได้ แล้วแต่กรณี3. รัฐผู้รับอาจประกาศว่า บุคคลหนึ่งบุคคลใดซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล เป็นผู้ที่ไม่อาจยอมรับได้ ก่อนที่บุคคลนั้นจะมาถึงอาณาเขตของรัฐผู้รับ หรืออยู่ในรัฐผู้รับแล้ว แต่ก่อนเข้ารับหน้าของตนต่อสถานที่ทำการทางกงสุลก็ได้ ในกรณีใด ๆ เช่นว่านั้น รัฐผู้ส่งจะเพิกถอนการแต่งตั้งบุคคลนั้น4. ในกรณีที่ได้บ่งไว้ในวรรค 1 และ 3 ของข้อนี้ รัฐผู้รับไม่มีพันธะที่จะต้องให้เหตุผลในการวินิจฉัยของตนแก่รัฐผู้ส่ง?การ ที่รัฐผู้รับปฏิเสธที่จะออกอนุมัติบัตร หรือเพิกถอนอนุมัติบัตรหลังจากที่ได้ออกให้ไปแล้วนั้น เป็นสิทธิของรัฐผู้รับอันจะถูกโต้แย้งมิได้ ประเด็นที่เป็นปัญหาก็คือ รัฐผู้รับมีพันธะที่จะต้องอธิบายเหตุผลอย่างใดหรือไม่ ในการที่ปฏิเสธไม่ยอมออกอนุมัติบัตร หรือเพิกถอนอนุมัติบัตร หลังจากที่ได้ออกให้ไปแล้วข้อนี้ น้ำหนักของผู้ทรงอำนาจหน้าที่ดูแลจะเห็นคล้อยตามทรรศนะที่ว่า รัฐผู้รับไม่จำเป็นต้องแสดงเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้นในการกระทำดังกล่าวเหตุผลของการไม่ยอมออกอนุมัติบัตรให้นั้นคือว่า ผู้ที่ไม่เห็นด้วย หรือไปแสดงสุนทรพจน์อันมีข้อความเป็นที่เสื่อมเสียแก่รัฐผู้รับ หรือเคยมีส่วนร่วมในการก่อการกบฏต่อรัฐผู้รับหรือเข้าไปแทรกแซงกิจการการ เมืองภายในของรัฐผู้รับ เป็นต้น [การทูต] | Marshall Plan | แผนการมาร์แชล ในโอกาสวันประสาทปริญญาของนักศึกษามหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1947 ยอร์ช ซี.มาร์แชล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สมัยนั้น ได้กล่าวอยู่ตอนหนึ่งในสุนทรพจน์ว่า?สหรัฐอเมริกาควรจะทำทุกอย่างเท่าที่จะ สามารถกระทำได้ เพื่อช่วยให้ดินแดนต่าง ๆ ในโลกได้กลับคืนสู่ภาวะปกติทางเศรษฐกิจ เพราะหากปราศจากภาวะดังกล่าว โลกก็จะไม่มีเสถียรภาพที่สถาพร นโยบายของสหรัฐฯ มิได้มุ่งจะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศใดหรือลัทธิใด หากมุ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อความหิวโหย ความยากจน ความสิ้นหวัง และความยุ่งเหยิง การที่จะให้สหรัฐอเมริการับภาระในการจัดวางโครงการแต่ฝ่ายเดียว เพื่อช่วยให้ทวีปยุโรปสามารถช่วยตนเองทางเศรษฐกิจขึ้นใหม่ นับว่ายังไม่เหมาะสมและถูกต้องนัก ควรจะให้เป็นภาระหน้าที่ของชนชาวยุโรปทั้งหลายเอง บทบาทของสหรัฐฯ ควรจะเป็นเพียงผู้เสนอให้ความความช่วยเหลือฉันมิตร ในการร่างโครงการช่วยเหลือทวีปยุโรป และให้ความสนับสนุนแก่โครงการนั้น ตราบที่โอกาสจะเอื้ออำนวยต่อการกระทำเช่นนั้นได้?จากสุนทรพจน์ข้างต้น พอจะเข้าใจจุดประสงค์สำคัญของสหรัฐอเมริกาได้ไม่ยากว่า ไม่ต้องการให้ทวีปยุโรป ซึ่งกำลังอ่อนแอโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจหลังจากเสร็จสงครามใหม่ ๆ ต้องตกไปอยู่ใต้อำนาจครอบงำของฝ่ายคอมมิวนิสต์นั่นเอง [การทูต] | New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] | Parliamentary Diplomacy | การทูตแบบรัฐสภา หรือบางครั้งเรียกว่า Organization Diplomacy เช่น การทูตในองค์การสหประชาชาติ การทูตแบบนี้ต่างกับการทูตตามปกติที่ดำเนินกันในนครหลวงของประเทศ กล่าวคือ1. นักการทูตมีโอกาสติดต่อโดยใกล้ชิดกับสื่อมวลชนและกับนัการทูตด้วยกันจาก ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งจากประเทศที่ไม่เป็นมิตรภายในองค์การสหประชาติ มากกว่าในนครหลวงของประเทศ แต่มีโอกาสน้อยกว่าที่จะติดต่อกับคนชาติของตนอย่างใกล้ชิด2. การพบปะติดต่อกับบรรดานักการทูตด้วยกันในองค์การสหประชาชาติ จะเป็นไปอย่างเป็นกันเองมากกว่าในนครหลวงของประเทศ3. ในองค์การสหประชาติ ประเทศเล็ก ๆ สามารถมีอิทธิพลในการเจรจากับประเทศใหญ่ ๆ ได้มากกว่าในนครของตน เพราะตามปกติ นักการทูตในนครหลวงมักจะติดต่ออย่างเป็นทางการกับนักการทูตในระดับเดียวกัน เท่านั้น แต่ข้อนี้มิได้ปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดนักในสหประชาชาติ ในแง่การปรึกษาหารือกันระหว่างกลุ่ม ในสมัยก่อนที่สงครามเย็นจะสิ้นสุดในสหประชาชาติได้แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม (Blocs) ด้วยกัน คือกลุ่มเอเชียอัฟริกา กลุ่มเครือจักรภพ (Commonwealth) กลุ่มคอมมิวนิสต์ กลุ่มละตินอเมริกัน กลุ่มยุโรปตะวันตก กลุ่มสแกนดิเนเวีย และกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ ประเทศที่มิได้ผูกพันเป็นทางการกับกลุ่มใด ๆ ที่กล่าวมา อนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับสงครามเย็น สมาชิกประเทศในสหประชาชาติจะรวมกลุ่มกันตามแนวนี้ คือ ประเทศนิยมฝักใฝ่กับประเทศฝ่ายตะวันตก (Pro-West members) ประเทศที่นิยมค่ายประเทศคอมมิวนิสต์ (Pro-Communist members) และประเทศที่ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายใด (Non-aligned members)เกี่ยวกับเรื่องการทูตในการประชุมสหประชาชาติ ในสมัยสงครามเย็น นักการทูตชั้นนำของอินเดียผู้หนึ่งให้ข้อวิจารณ์ว่า ไม่ว่าจะเป็นการประชุมพิจารณากัน การทะเลาะเบาะแว้งด้วยคำผรุสวาทหรือการแถลงโผงผางต่อกันนั้น ล้วนเป็นลักษณะที่ตรงกันข้ามกับลักษณะวิสัยของการทูตทั้งสิ้น ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปในการประชุมสหประชาชาติ จึงแทบจะเรียกไม่ได้เลยว่าเป็นการทูต เพราะการทูตที่แท้จริงจะกระทำกันด้วยอารมณ์สงบ ใช้ความสุขุมคัมภีรภาพ ปราศจากกามุ่งโฆษณาตนแต่อย่างใด การแสดงต่าง ๆ เช่น สุนทรพจน์และภาพยนตร์นั้นจะต้องมีผู้ฟังหรือผู้ชม แต่สำหรับการทูตจะไม่มีผู้ฟังหรือผู้ชม (Audience) หากกล่าวเพียงสั้น ๆ ก็คือ ผู้พูดในสหประชาชาติมุ่งโฆษณาหาเสียง หรือคะแนนนิยมจากโลกภายนอก แต่ในการทูตนั้น ผู้พูดมุ่งจะให้มีการตกลงกันให้ได้ในเรื่องที่เจรจากันเป็นจุดประสงค์สำคัญ [การทูต] |
| Forgot my speech notes. | พ่อลืมสุนทรพจน์ Jumanji (1995) | He's not an officer, for all his voice and his linear belt. | สำหรับเสียงของเขาและเข็มขัด เชิงเส้นของเขา ดังนั้นเขาไม่อาจทำให้การกล่าว สุนทรพจน์ How I Won the War (1967) | Noon! I'd better rehearse my speech! | เที่ยง งั้นผมรีบซ้อมสุนทรพจน์ก่อน Blazing Saddles (1974) | Do you know she was picked to give the graduation speech? | หนูรู้เกี่ยบกับเรื่องที่ แม่ของหนูพูดสุนทรพจน์ตอนเรียนจบนั่นหรือเปล่า? X-Ray (2001) | The Torch prints the graduation speech every year, right? | ทอร์ชของเธอเก็บบันทึกสุนทรพจน์ไว้ทุกปีใช่ไหม? X-Ray (2001) | Maybe I could track something down for you. Do you know who gave this speech? | บางทีฉันอาจจะหาข้อมูลให้เธอได้นะ เธอรู้ไหมว่าใครเป็นคนกล่าวสุนทรพจน์นี้? X-Ray (2001) | Tried to find your graduation speech, but they didn't print it. | หนูพยายามหาคำพูดสุนทรพจน์ของแม่ แต่มันกลับไม่เคยถูกพิมพ์ไว้เลย X-Ray (2001) | As principal of Smallville High, I would like to introduce the valedictorian of the class of 1977, Miss Laura Potter. | ในฐานะที่เป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสมอลวิลล์ ฉันอยากจะขอแนะนำ.. ผู้นำกล่าวคำสุนทรพจน์ประจำปี 1977 มิสลอร์ร่า พอตเตอร์ X-Ray (2001) | You know when I come here most is when I have to make a speech... and I get nervous. | รู้ไหม ผมมาที่นี่บ่อยสุด เวลาผมต้องกล่างสุนทรพจน์... ...แล้วรู้สึกเกร็ง Maid in Manhattan (2002) | Yeah, a smooth, and I'd like to think a... very... compelling speech. | ใช่ ความลื่นไหล ฉันอยากจะคิด... สุนทรพจน์ที่โน้มน้าวใจคน Maid in Manhattan (2002) | And this guy calls up, and he's talking about his senior quote and DJ Justice says, "What was great about your quote?" | และมีคนนึงโทรมา เขาพูดเรื่อง สุนทรพจน์ของเขา... แล้วดีเจจัสติสบอกว่า สุนทรพจน์ของคุณมีอะไรดี? Punch-Drunk Love (2002) | I postponed yearbook. I gotta work on my speech. | ผมเลื่อนงานเรื่องหนังสือรุ่นหน่ะครับ กะจะซ้อมเรื่องสุนทรพจน์ซะหน่อยครับ The Girl Next Door (2004) | - What's the speech you're working on? | ครับ มันเยี่ยมมาก -ซ้อมสุนทรพจน์อะไรอยู่หล่ะ? The Girl Next Door (2004) | I mean, there's some stiff competition, and they only pick one of us so I'll just have to blow them away with my speech. | แบบว่า มีการแข่งขันด้วยหน่ะครับ คัดเอาแค่คนเดียวด้วย หมายถึงว่าผมต้องทำให้เขาชอบสุนทรพจน์ของผมให้ได้ The Girl Next Door (2004) | That's your speech? | นั่นเหรอ สุนทรพจน์ของนาย? The Girl Next Door (2004) | It's really kicking in right now. | -อย่าพยายามพูดมาก เข้าใจ? -พูดมากนี่นะ? ฉันกำลังจะไปกล่าวสุนทรพจน์นะ The Girl Next Door (2004) | - Wait, wait. In a few minutes, we'll begin the speeches, and we hope... | อีกไม่กี่อึดใจ เราจะเริ่ม การกล่าวสุนทรพจน์ และเราหวังว่า... The Girl Next Door (2004) | It's funny, I have this whole speech prepared and I've been practicing for weeks but you know what? | ฟังดูตลกๆนะ ผมเตรียมสุนทรพจน์... ใช้เวลาซ้อมเป็นอาทิตย์ แต่รู้ไรไหม? The Girl Next Door (2004) | Is this where you give me the "Be a good soldier" speech? | นี่คือสิ่งที่คุณ ให้ฉันเหรอ สุนทรพจน์ "เป็นทหาร ที่ดีนะ" Pilot (2004) | No, this is ere I give you the speech about how you're my best field scientist and Tom is my best lead investigator, | ไม่ ฉันเองที่จะให้ สุนทรพจน์ ว่าคุณคือ นักวิทยาศาสตร์ที่ดี่ที่สุดของฉัน และทอมเป็นหัวหน้า สืบสวนที่ดีที่สุด Pilot (2004) | Have I missed all the boring speeches? | ผมพลาดสุนทรพจน์น่าเบื่อไปรึยัง Goal! The Dream Begins (2005) | I'm making one of the "boring" speeches. This distraction is not welcome. | ผมนี่ละคนกล่าวสุนทรพจน์ "น่าเบื่อ" ที่นี่ไม่ต้อนรับคนก่อกวน Goal! The Dream Begins (2005) | Tomorrow Goodchild will be preparing his address to the council | พรุ่งนี้กู๊ดชายลด์จะเตรียม สุนทรพจน์ต่อสภา Æon Flux (2005) | - Trevor, your speech. | - เทรเวอร์ สุนทรพจน์ของคุณ Æon Flux (2005) | Preparing his speech. | ระหว่างเตรียมสุนทรพจน์ Æon Flux (2005) | Some say the reason it's taken him this long to get married is his fear... of making just this speech, but he's making it now! | บ้างก็ว่าที่เจ้าบ่าวเราโอ้เอ้ ไม่ยอมแต่งซะที เพราะกลัวครับ กลัวต้องกล่าวสุนทรพจน์ อันที่กำลังจะต้องกล่าวตอนนี้ Imagine Me & You (2005) | "ln her acceptance speech, the distinguished scientist... | "ตอนกล่าวสุนทรพจน์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง..." Imagine Me & You (2005) | You gave a speech at the entrance ceremony of college. | คุณกล่าวสุนทรพจน์ในงานต้อนรับเข้ามหาลัย Death Note: The Last Name (2006) | Next, a few words from our freshman class representative. | รายการต่อไปนี้ เป็นการกล่าวสุนทรพจน์ จากตัวแทนน้องใหม่ Crows Zero (2007) | -...is set to arrive in Los Angeles to deliver a speech before the security league. | - ... เดินทางมาถึงในวันนี้... เพื่อกล่าวสุนทรพจน์ ต่อหน้าสมัชชาความมั่นคง... Pilot (2007) | As muchas I love the speech about not needingmaterial things from a guy who hasthat much product in his hair, this party is about excess, not exposition. | ฉันรักสุนทรพจน์นี้มากพอๆกับที่ ฉันไม่ต้องการสิ่งของนอกกายนั่นแหละ จากผู้ชายที่มี สิ่งนั้นอยู่ในผมเค้าเลยนะ this party is about excess, not exposition. Bad News Blair (2007) | It's not like I'll give a speech at UN or something. | มันคงไม่เหมือนกับว่าฉันกำลังกล่าวสุนทรพจน์ หรืออะไรใช่ไม๊ Unstoppable Marriage (2007) | A speech wouldn't be a problem. | สุนทรพจน์ไม่น่าจะมีปัญหา Unstoppable Marriage (2007) | I'm better at digging holes in the ground than making speeches. | ผมถนัดขุดหลุมมากกว่า กล่าวสุนทรพจน์ There Will Be Blood (2007) | I'm thinking about what I didn't say in the speech. | ผมลืมกล่าวอะไรไปบ้างหรือเปล่า ในสุนทรพจน์ Mr. Brooks (2007) | In Kolkotta you say, Ami tumake bhalo bhashi! (Bengali words) | ในกัลกัตต้า คุณเคย กล่าวสุนทรพจน์ว่า เพื่อนคือเครื่องหมายการค้า Heyy Babyy (2007) | Like those speeches Castro used to make. | เหมือนคาสโตรอ่านสุนทรพจน์เลย The Mist (2007) | Is that where you were during bree's acceptance speech-- | ใช่ตอนที่บรีกำลังกล่าวสุนทรพจน์อยู่รึป่าว Hello, Little Girl (2008) | I have a speech tonight. | คืนนี้ผมต้องกล่าวสุนทรพจน์ด้วย I Don't Wanna Know (2008) | That speech was boring. | สุนทรพจน์นั่นน่าเบื่อ Lucky Thirteen (2008) | Well, do we want to lift some quotes from the "stand up and be counted" speech in 1970? | เราต้องการคัดเลือกบางข้อความ ตั้งแต่เริ่มต้นและจนถึง\ นับรวมสุนทรพจน์ในปี 1970 ด้วยมั้ย Frost/Nixon (2008) | You don't give this big speech at graduation, you don't exist. | ถ้านายไม่บอกเธอ ตอนนายกล่าวสุนทรพจน์ นายแย่แน่ I Love You, Beth Cooper (2009) | Patty asked me to organize the speeches. | แพตตี้ขอให้ฉันแต่งสุนทรพจน์ I Agree, It Wasn't Funny (2009) | My fellow Americans this will be the last time I address you. | พี่น้องชาวอเมริกัน นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผม จะกล่าวสุนทรพจน์ 2012 (2009) | I should make some kind of speech. | ฉันควรต้องพูดสุนทรพจน์ซักหน่อยนะ Look Into Their Eyes and You See What They Know (2009) | [ whispering ]: Not in those exact words. | นั่นไม่ใช่สุนทรพจน์นะ Air: Part 1 (2009) | It will take more than speeches and guided missiles. | มันต้องใช้อะไรมากกว่าแค่สุนทรพจน์ และมิสไซล์ติดตาม Introduction to Film (2009) | I am talking about your speeches | ผมกำลังพูดถึงสุนทรพจน์ของคุณ Introduction to Film (2009) | How many of these speeches do you think have been given since the blackout? | จะมีการกล่าวสุนทรพจน์ กันสักอีกกี่หน ที่จะต้องเกิดภายหลัง เหตุการณ์หมดสติ 137 Sekunden (2009) | It was worth taking military transport from Washington for that little speech. | มันคุ้มค่าทีเดียว ในการพูดคุยเรื่อง โยธาธิการของกองทัพ จากวอร์ชิงตัน สำหรับการกล่าวสุนทรพจน์ เสียเล็กน้อยก่อน White to Play (2009) |
| แสดงสุนทรพจน์ | [sadaēng suntharaphot] (v, exp) EN: make a speech FR: faire un discours | สุนทรพจน์ | [suntharaphot] (n) EN: speech ; address ; harangue ; oration FR: discours [ m ] ; allocution [ f ] | สุนทรพจน์อำลา | [suntharaphot amlā] (n, exp) EN: farewell speech FR: discours d'adieu [ m ] | สุนทรพจน์ต้อนรับ | [suntharaphot tønrap] (n, exp) EN: welcome speech FR: discours de bienvenue [ m ] ; allocution de bienvenue [ f ] |
| SONA | (n) ย่อมาจาก State of Nation Address สุนทรพจน์ที่ผู้นำกล่าวสรุปสถานการณ์ของประเทศ |
| address | (n) คำปราศรัย, See also: สุนทรพจน์, กระแสพระราชดำรัส, Syn. oration, speech | barnstorm | (vi) ตระเวณไปที่ต่างๆ เพื่อแสดงละครหรือแสดงสุนทรพจน์ | discourse on | (phrv) กล่าวสุนทรพจน์เรื่อง, See also: อภิปรายเรื่อง, ปราศรัยเรื่อง | discourse upon | (phrv) กล่าวสุนทรพจน์เรื่อง, See also: อภิปรายเรื่อง, ปราศรัยเรื่อง | declaim | (vt) แสดงสุนทรพจน์อย่างฉะฉาน, See also: อ่านบทกวีอย่างฉะฉานจริงจัง, Syn. recite | declaim | (vi) อ่าน, See also: ท่อง บทกวี, สุนทรพจน์ ฯลฯ, อย่างมีอรรถรส, Syn. recite | declamation | (n) การแสดงสุนทรพจน์อย่างฉะฉาน, See also: การพูดหรืออ่านอย่างฉะฉาน | deliver | (vt) พูดสุนทรพจน์, See also: แสดงการบรรยาย, ปาฐกถา, Syn. tell, recite | discourse | (n) การบรรยายที่เคร่งเครียด, See also: การสนทนา, การปาฐกถา, การกล่าวสุนทรพจน์, Syn. speech, verbalization, address, monoloque | maiden speech | (idm) สุนทรพจน์ครั้งแรก | inauguration | (n) พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง (ทางการเมือง), See also: สุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง, Syn. coronation, enthronement | orate | (vt) กล่าวสุนทรพจน์ (โดยเฉพาะในที่สาธารณะ), See also: ปราศรัย, กล่าวอย่างเป็นทางการ, Syn. address, speak, declaim | oration | (n) การพูดปราศรัยในที่สาธารณะ, See also: การกล่าวสุนทรพจน์, Syn. address, speech | oratorical | (adj) เกี่ยวกับศิลปะในการพูดสุนทรพจน์ | oratory | (n) ศิลปะในการพูดสุนทรพจน์, See also: ศิลปะในการแสดงคำปราศรัย, Syn. rhetoric, eloquence | speakership | (n) การแสดงสุนทรพจน์ | speech | (n) คำพูด, See also: ถ้อยคำ, คำบรรยาย, คำปราศรัย, สุนทรพจน์, Syn. talk, utterance | speechify | (vi) กล่าวสุนทรพจน์ | speechmaker | (n) ผู้กล่าวคำปราศัย, See also: ผู้กล่าวสุนทรพจน์, Syn. speaker, talker | speechwriter | (n) ผู้เขียนคำสุนทรพจน์ | valedictorian | (n) ผู้แทนผู้เรียนที่กล่าวสุนทรพจน์ในวันรับประกาศนียบัตร, See also: ตัวแทนนักเรียนหรือนักศึกษาที่กล่าวคำอำลา | valedictory | (n) สุนทรพจน์กล่าวอำลา, Syn. address, lecture, speech | words | (n) สุนทรพจน์, See also: การพูด, Syn. speech, talk |
| allocution | (แอลโลคิว' เชิน) n. การแสดงสุนทรพจน์ (formal speech) | declamation | (เดคคละเม'เชิน) n. การแสดงสุนทรพจน์แบบโผงผาง, พูดชุมชน, การพูดที่ครึกโครม, การคุยโว, การท่องออกเสียง, See also: declamatory adj. ดูdeclamation | delivery | (ดิลิฟ'เวอรี) n. การส่ง, การนำส่ง, การกล่าว, การกล่าวสุนทรพจน์, การโยน (ลูกบอล) , สิ่งที่นำส่ง, การคลอดบุตร, การส่งสินค้าจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อ, Syn. transfer | orate | (โอเรท', ออเรท', ออ'เรท) vi., vt. กล่าวคำปราศรัย, กล่าวคำโวหาร, แสดงสุนทรพจน์ | oration | (โอเร'เชิน) n. คำโวหาร, คำปราศรัย, คำสุนทรพจน์, การแสดงสุนทรพจน์, ศิลปะแห่งการพูด, Syn. address | oratory | (ออ'ระโทรี) n. ศิลปะการแสดงสุนทรพจน์, คำสุนทรพจน์, คำโวหาร, คำปราศรัย | speech | (สพีชฺ) n. การพูด, วิธีการพูด, คำพูด, คำบรรยาย, คำสุนทรพจน์, วิชาเกี่ยวกับการพูด, ข่าวลือ, ภาษาชนชาติ, ภาษา., Syn. utterance | speechless | (สพีชฺ'ลิส) adj. เงียบอึ้ง, ไม่พูด, พูดไม่ออก, เป็นใบ้, ไม่มีถ้อยคำ, ไม่มีการกล่าวสุนทรพจน์, ไม่สามารถจะถ่ายทอดเป็นคำพูดได้., See also: speechlessness n. | tribune | (ทริบ'บิวน์) n. ผู้พิทักษ์สิทธิของประชาชน, เจ้าหน้าที่คุ้มครองประชาชน, เวทีแสดงสุนทรพจน์, เวทีอภิปราย, ยกพื้นสำหรับการแสดงสุนทรพจน์, See also: tribuneship n. |
| address | (n) คำปราศรัย, สุนทรพจน์, การจ่าหน้าซอง, ที่อยู่ | declaim | (vi) พูดในที่ชุมนุมชน, แสดงปาฐกถา, แสดงสุนทรพจน์ | declamation | (n) การพูดในที่ชุมนุมชน, ปาฐกถา, การแสดงสุนทรพจน์ | delivery | (n) การพูดจา, การกล่าวสุนทรพจน์, การส่งมอบ, การคลอดลูก | oration | (n) การกล่าวปราศรัย, การแสดงสุนทรพจน์, โวหาร | orator | (n) ผู้ปราศรัย, ผู้แสดงสุนทรพจน์, นักพูด, นักโต้วาที, โจทก์ | oratorical | (adj) ในเชิงโวหาร, เกี่ยวกับการแสดงสุนทรพจน์ | oratory | (n) คำปราศรัย, สุนทรพจน์, วาทศิลป์ | speaker | (n) ผู้พูด, โฆษก, พิธีกร, ผู้บรรยาย, ลำโพงวิทยุ, ประธาน, การแสดงสุนทรพจน์ | speaking | (n) การแสดงสุนทรพจน์, การพูด, การบรรยาย, การแสดงปาฐกถา | speech | (n) สุนทรพจน์, คำพูด, คำปราศรัย, คำบรรยาย, วาทะ |
| panegyric | (n) บทสดุดี คือสุนทรพจน์อย่างเป็นทางการหรือต่อมาเป็นบทเขียนที่ใช้ในการสรรเสริญบุคคลหรือสิ่งของ เป็นคำที่มาจากภาษากรีกที่หมายถึงสุนทรพจน์ที่เหมาะแก่ที่ประชุม (panegyris) ในเอเธนส์การกล่าวบทสดุดีจะทำกันในเทศกาลระดับชาติหรือในการแข่งขันกีฬาโดยมีจุดประสงค์ในการเร้าใจผู้ที่มาร่วมเพื่อให้ปฏิบัติตนเช่นตัวอย่างอันดีของบรรพบุรุษ (Source:wikipedia.org), See also: eulogy |
| 台詞 | [せりふ, serifu] (n) (สพีชฺ) n. การพูด, วิธีการพูด, คำพูด, คำบรรยาย, คำสุนทรพจน์, วิชาเกี่ยวกับการพูด, ข่าวลือ, ภาษาชนชาติ, ภาษา., S. utterance |
| 発言 | [はつげん, hatsugen] TH: คำกล่าวสุนทรพจน์ EN: speech |
| Rede | (n) |die| คำกล่าว, สุนทรพจน์ |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |